อยู่ไหนก็มีเรื่อง! รวมวีรเกรียน บาโลกับทุกสโมสรที่ไป

 

“มาริโอ มีทุกอย่างที่จะเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในโลก” คำพูดจากปาก อันเดรีย ปีร์โล่ตำนานแข้งชาวอิตาลีที่ได้พูดถึง มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าสายเกรียนที่ทั้งโลกรู้จักกันในด้านความปั่นประสาทมากกว่าฝีเท้าของเขา และไม่ว่าวัยจะล่วงเลยมาไกลถึง 29ปีแล้ว แต่ดูเหมือนชีวิตของเขายังคงไม่ดีขึ้นจากความเกรียนของเขาเอง

 

ล่าสุดกับ เบรสชา สโมสรในบ้านเกิดของเขาเองก็เริ่มจะมีปัญหาทั้งกับกุนซือและประธานสโมสรในเรื่องของพฤติกรรมและวินัย วันนี้ทางUFA ARENA จะขอพาทุกคนไปชมวีรเกรียน บาโลกับทุกสโมสรที่ไปค้าแข้ง

 

-อินเตอร์ มิลาน

Mourinho's Hilarious Story on Balotelli Resurfaces After Italian ...

 

สมัยที่ซุปเปอร์มาริโอ้ อยู่กับอินเตอร์ มิลาน เจ้าตัวอยู่ในช่วงเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งและเป็นเพียงดาวรุ่งเท่านั้น แต่คนจะเกรียนมันก็เริ่มตั้งแต่ตรงนี้นี่แหละ ซึ่งทางแกร์ลอน อดีตกองกลางชาวบราซิเลี่ยน ได้ออกมาเปิดเผยว่าแข้งจอมเกรียนมักจะไปฉี่ใส่รองเท้าของเพื่อนร่วมทีมก่อนลงสนามซ้อมเป็นประจำ โดยเจ้าตัวเผยว่า “บาโลเตลลี่ เป็นคนเก่ง และดีมากๆ แต่เขามักจะทำเรื่องน่าเหลือเชื่อหลายๆ อย่างเวลาที่อยู่นอกสนาม เขามักจะมีงานอดิเรกเวลาที่มาถึงสนามซ้อมก่อนที่คนอื่นๆ และก็ฉี่ใส่รองเท้าของเพื่อนร่วมทีมทุกคน ….นี่เป็นเรื่องโคตรตลกสุดๆ ผมไม่เคยพบเด็กอายุ 18 ปี ทำแบบนี้เลย และไม่ได้รู้สึกเสียงใจกับเรื่องพวกนี้ด้วย แม้แต่ ชูลิโอ เซซาร์ กับ ไมค่อน ก็เช่นกัน”

 

เรื่องราวความเกรียนของแข้งรายนี้ควบคุมยากถึงขั้นที่ว่ากุนซือจอมเนี้ยบอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ยังเอาไม่อยู่ เพราะในยุคของน้ามูซึ่งเข้ามา บาโลเตลลี่ที่ไม่มีโค้ชที่เป็นเหมือนพ่อคอยกำกับอย่าง โรแบร์โต้ มันชินี่ ก็ยิ่งออกลายความแสบไล่มาตั้งแต่การโดดประชุมทีมเพื่อหนีไปดูการแข่ง F1 ไปจนถึงปัญหาการควบคุมอารมณ์ในสนาม โดยมีครั้งนึงในเกมแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2009-10 ที่พบกับ รูบิน คาซาน ซุปเปอร์มาริโอ้ โดนใบเหลืองตั้งแต่นาทีที่ 20 

 

ซึ่งน้ามูเองก็เข้าไปคุยกับเจ้าตัวในช่วงพักครึ่งด้วยการบอกว่า’ผมไม่สามารถเปลี่ยนคุณได้ ผมไม่มีกองหน้าอีกแล้วที่ข้างสนาม ดังนั้นอย่าแตะตัวใคร เล่นแค่บอลเท่านั้น ถ้าเสียบอลไม่ต้องทำอะไร ถ้ามีใครมายั่ว ไม่ต้องทำอะไร ถ้าผู้ตัดสินเป่าพลาด อย่าตอบโต้อะไร’ หลังจากนั้นพอกลับไปลงสนามนาทีที่ 60 เขาก็โดนใบแดงไลออกจากสนาม

Materazzi-Balotelli, Inter 2010: «Sì, le diedi a Mario, ma non per ...

นอกจากนี้ยังมีช่วงที่เขาโดนดร็อปเนื่องจากขาดวินัยในการซ้อม จนเมื่อได้โอกาสให้กลับมาเป็นตัวสำรองในเกมยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ กับ บาร์เซโลนา ในปี 2010 เจ้าตัวก็ลั่นวาจาไว้ว่าหากได้ลงไปเล่นจะเล่นให้แย่ ซึ่งเขาก็ทำแบบนั้นจริงๆ จนทำให้รุ่นพี่ในทีมอย่าง มาร์โก มาเตรัซซี่ ถึงขั้นเข้าไปชกหน้าจอมเกรียนรายนี้หลังจบเกม 

 

วีรกรรมของเขาช่วงวัยแตกหน่อกับงูใหญ่ยังมีที่ไปปากบอนใส่ ฟรานเชสโก้ ต๊อดติ และแฟนบอลโรม่า จนโดนตำนานหมาป่าหวดในสนามอีก รวมถึงการแย่ง ซามูเอล เอโต้ ยิงจุดโทษจนต้องร้อนถึงกัปตันอย่าง ฮาเวียร์ ซาเนตติต้องเข้ามาเคลีย แต่ก่อนที่จะได้แผลงฤทธิ์ไปมากกว่านี้ก็โดนขายให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปก่อน

 

-แมนเชสเตอร์ ซิตี้

หลังจากเริ่มแสดงความเกรียนออกมาที่อินเตอร์ มิลาน จนน้ามูทนไม่ไหว คนที่มารับช่วงต่อก็ไม่ใช่ใครที่ไหน โรแบร์โต้ มันชินี่ ชายผู้เปรียบเสมือนพ่อของเขาอีกคนนึง และที่เรือใบสีฟ้านี้เองที่เป็นที่ที่เขาแสดงความเกรียนออกมามากที่สุด วีรเกรียน และชื่อเกรียนโอ้ของเขาถูกตั้งขึ้นที่นี้ เริ่มจากการปาลูกดอกใส่แข้งเยาวชนของทีม หลังเกิดอาการเซ็งจากการโดนดรอปเป็นตัวสำรอง โชคยังดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ก่อนโดนสโมสรปรับเงิน 1แสนปอนด์

 

หลังจากนั้นในช่วงพรีซีซั่นฤดูกาล 2011/12 ก็ได้เกิดช็อตตำนานอย่างการหลุดไปได้โอกาสทำประตูแต่กลับ หันหลังแล้วตอกส้นแทน จนทำเอามันชินี่ หัวร้อนเปลี่ยนตัวเขาออกทันทีในเกมที่เจอกับ แอลเอ กาแลกซี่

และฤดูกาล 2011/12 เรียกว่าเป็นฤดูกาลแห่งความเกรียนแตกอย่างแท้จริง มีทั้งการจุดพลุเล่นในบ้านตัวเองจนไฟไหม้ ทำเอาเดือนร้อนกันไปทั่วหน้าแถมการกระทำในครั้งนี้ยังเกิดขึ้นก่อนเกมสำคัญอย่าง แมนเชสเตอร์ดาร์บี้ที่ต้องบุกไปเยือนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอีกด้วย พร้อมกับเป็นต้นกำเนิดวลีตำนานอย่าง “Why Always Me?”ที่เจ้าตัวได้ทำในเกมวันถัดมาหลังยิงประตูได้

หรือจะเป็นในเรื่องวินัยที่แก้ไม่หายถึงขั้นโดนปรับเงินไปมหาศาล ซึ่งอดีตเพื่อนร่วมทีมอย่าง ไมกาห์ ริชาร์ด ได้เผยว่า “บาโลเตลลี่ มักจะมาสายเสมอ เรามักจะนำเงินทั้งหมดไปบริจาคให้กับการกุศล และช่วงคริสต์มาสเราเก็บเงินได้ถึง 100,000 หรือ 150,000 ปอนด์ (ราว 5.7 ล้านบาท) ซึ่งทั้งหมดมาจาก บาโลเตลลี่ ที่มาซ้อมสาย”

นอกจากนี้ยังมีเรื่องการแย่งไนเจล เดอยอง ยิงจุดโทษ และการแย่งยิงฟรีคิกกับ อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ ในเกมเสมอซันเดอร์แลนด์ 3-3 โดยในตอนนั้นทีมตามหลังอยู่ 3-1 และโคลารอฟเองก็มีความแน่นอนกว่าในเรื่องลูกนิ่ง ร้อนถึงแวงซ็องต์ กอมปานี และไนเจล เดอ ยองต้องเข้ามาห้ามทัพก่อนมีการปะทะกัน ซึ่งทั้งคู่เคยหวิดมีเรื่องกันมาก่อนแล้วในสนามซ้อม

ช่วงเวลาสามปีที่ดาวเตะชาวอิตาเลี่ยนอยู่กับเรือใบสีฟ้ามีเรื่องราวความเกรียนเกิดขึ้นมากมาย และวีรเกรียนทิ้งทวนก็คือการไปเข้าปะทะกับ สก็อตต์ ซินแคลร์ ดาวรุ่งของทีมในสนามซ้อม จนทำให้ มันชินี่เกิดอาการไม่พอใจถึงขั้นที่เกือบกลายเป็นการวางมวยกันระหว่างพ่อลูกคู่นี้ สุดท้ายเมื่อทีมผลงานไม่ดี คนพ่อก็โดนเด้งไป ต่อด้วยคนลูกที่โดนขายไปให้กับ เอซี มิลาน ทีมในบ้านเกิด

 

-เอซี มิลาน

การมาอยู่ที่ทัพปีศาจแดงดำ เหมือนเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นคนใหม่ความเกรียนน้อยลง แถมยังโชว์ฟอร์มจนเป็นตัวหลักที่ขาดไม่ได้ของทีม จากการลงสนาม13นัด ยิง 12ประตูในฤดูกาลแรก แต่เกรียนยังไงก็เป็นเกรียน ในช่วงแรกของซีซั่นแรก บาโลดันไปต่อว่าผู้ตัดสินในเกมที่แพ้นาโปลีไป 2-1 ซึ่งมันเป็นจังหวะที่เกมจบลงไปแล้วจนโดนใบแดงพร้อมแบนไปอีก 3นัด

 

ซึ่งหลังเหตุการณ์นั้นทางผู้ช่วยโค้ชของปีศาจแดงดำอย่าง เมาโร ทัสซอตติ ก็ได้ออกมากล่าวว่า  “สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากสิ้นเสียงนกหวีด คุณรู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก ผมได้เข้าร่วมประชุมกับฝ่ายบริหาร พวกเขาจะให้นักเตะทุกคนศึกษากรณีของ บาโลเตลลี่ เป็นตัวอย่าง เขาล้ำเส้นมากเกินไป”

หลังจากนั้นก็ยังมีอีกครั้งในเกมกับ นาโปลี ที่แพ้ 3-1 ซึ่งเขาโดนเปลี่ยนตัวออกจนปรากฏภาพเจ้าตัวนั่งร้องไห้ข้างสนาม และอีกครั้งกับโรม่าที่รอสโซเนลลี่แพ้ 2-0 เขาถูกเปลี่ยนตัวออกเนื่องจากไม่สามารถทำอะไรได้ แถมยังมีปัญหากับ อาเดล ทารับต์เพื่อนร่วมทีมในสนามด้วย ซึ่งบาโลก็ฉุนขาดเดินเข้าห้องแต่งตัวทันทีไม่ยอมดูเกมต่อ ก่อนที่เขาจะอยู่กับทีมต่ออีกฤดูกาลและถูกปล่อยคืนสู่เวทีพรีเมียร์ลีกให้กับ ลิเวอร์พูล แม้ภายหลังจะได้กลับมาเล่นแบบยืมตัว แต่ปีศาจแดงดำก็ไม่คิดซื้อขาดเขาอีกแล้ว

 

-ลิเวอร์พูล

การกลับมาที่อังกฤษหนนี้ของเกรียนโอ้ ก็ไม่ได้ทำให้เขาเป็นคนดีขึ้นมาสักนิด แถมฟอร์มการเล่นของเขาก็จัดว่าย่ำแย่กว่าเดิมด้วยเพราะเขายิงไปได้แค่ ลูกเดียวเท่านั้นในลีก และมักจะเป็นแนวรุกที่แฟนหงส์มักเอามาล้อกันว่าเป็นแนวรุกที่วิบัติที่สุด แน่นอนคนจะเกรียนไม่ต้องใช้เวลามากแค่เริ่มต้นฤดูกาลไม่นานเขาก็สร้างเรื่องแล้วจากการไปขอแลกเสื้อกับ เปเป้ กองหลังสายดุของเรอัล มาดริด ในเกมแชมเปี้ยส์ลีก ซึ่งมันก็คงดูปกติ หากว่ามันเกิดขึ้นท้ายเกม แต่มันดันเกิดในช่วงพักครึ่ง

 

เรื่องครั้งนี้ทำเอานายใหญ่ของทีมเวลานั้นอย่าง เบรนเดน ร็อดเจอร์ส ถึงกับแสดงความไม่พอใจพร้อมออกมาพูดถึงเหตุการณ์นี้ว่า”นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้เห็นเรื่องแบบนี้ ในกรณีนี้ผมไม่พอใจอย่างมาก ผมไม่อยากเห็นเรื่องอย่างนี้ ผมเคยเห็นเรื่องบ้าๆ แบบนี้ในลีกประเทศอื่นๆ”

 

นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่เขาขับรถเร็วเกินกำหนด จนโดนปรับเงินไป 800ปอนด์ และห้ามขับรถอีก 28วัน ในช่วงปิดฤดูกาล ก่อนจะถูกปล่อยให้เอซี มิลานยืมตัวไป ซึ่งก็ยังคงมีปัญหาเรื่องการขับรถเร็วเหมือนเดิมจนคราวนี้โดนยึดใบขับขี่ไปเลย หลังจากนั้นหงส์แดงก็ไม่ได้ใช้งานเขาต่อ สรุปแล้วบาโลเตลลี่ได้ลงสนามให้ลิเวอร์พูลไปแค่ ซีซั่นเดียวเท่านั้น แถมหลังจากย้ายออกไปเจ้าตัวยังเคยออกมาเปิดใจว่า”การย้ายไปอยู่ลิเวอร์พูลคือการตัดสินใจที่แย่ที่สุดในชีวิตผม นอกเหนือจากแฟนบอลที่ยอดเยี่ยม และนักเตะบางคนที่ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแล้ว ผมไม่ชอบสโมสรนี้เลย”

 

-นีซ

การมาอยู่ที่นีซในวันที่โตขึ้นมากแล้วทำให้หลายฝ่ายคาดหวังว่าความเกรียนของเจ้าโอ้จะลดลง ซึ่งมันก็ลดลงไปมากหากเทียบกับเมื่อก่อน แต่เรื่องนึงที่ไม่เคยเปลี่ยนคือวินัยที่เป็นสิ่งสำคัญของนักกีฬา ที่นีซเกรียนโอ้ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงสองฤดูกาลแรกจากการลงสนาม 66นัด ยิง 43ประตูรวมทุกรายการ แต่หลังจากนั้นเขาก็มีปัญหากับกุนซืออย่าง ปาทริค วิเอร่า ที่เข้ามารับช่วงต่อจาก ลูเซียง ฟาร์ฟ ในเรื่องของวินัยในการซ้อม

 

เรื่องนี้ทำเอาตำนานแข้งเลือดน้ำหอมถึงกับออกมาให้สัมภาษณ์อย่างดุเดือดว่า“เมื่อพูดถึง มาริโอ บางทีผมก็ต้องการตอกกลับใส่เขาบ้าง หรือไม่ก็จับเขาทุ่มใส่กำแพง หรือไม่ก็ก็จับเขาแขวนไว้กับราวแขวนเสื้อ แต่ผมไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ เพราะตอนนี้ผมไม่ได้เป็นนักเตะอีกแล้ว” ก่อนที่สุดท้ายทั้งคู่จะได้ร่วมงานกันแค่ครึ่งปี ก็โดนปล่อยให้โอลิมปิค มาร์กเซยไปฟรีๆ แถมยังทิ้งผลงานสุดย่ำแย่ในฤดูกาลสุดท้าย กับการลงเล่น 10นัด 0ประตู รวมทุกรายการ

 

-มาร์กเซย

Le record que Balotelli peut battre face à Nice | 90min

ระยะเวลา 6เดือนในสัญญาระยะสั้น ทำให้เกรียนโอ้ไม่ทันได้แผลงฤทธิ์ แต่ก็ยังพอมีเรื่องราวความเกรียนให้ได้เห็นเล็กน้อย ซึ่งไม่ใช่เรื่องเกรียนในด้านลบ แต่เป็นเรื่องที่ทำให้แฟนบอลยิ้มได้ จากการที่เขาโชว์ยิงจักรยานอากาศในเกมเอาชนะ แซงต์ เอเตียง 2-0 ก่อนจะทำสร้างความฮือฮาไปทั่วโลกโซเชียลด้วยการไลฟ์สดการฉลองประตูผ่านทางไอจีพร้อมกับเพื่อนร่วมทีม ซึ่งหลังจบเกมเจ้าตัวเผยว่าได้มีการนัดหมายกับเจ้าหน้าที่ของสโมสรไว้แล้ว

 

 

แต่แม้จะสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมแต่ทางยอดทีมแดนน้ำหอมก็เลือกที่จะไม่ต่อสัญญากับเขาและปล่อยออกจากทีมไปแบบไร้สังกัดฝากผลงาน ยิง8ประตู จาก15นัดในลีก แต่ในช่วงที่เขาเป็นนักเตะไร้สังกัด ก็ได้โชว์ความเกรียนอีกรอบ จากการไปจ้างเจ้าของบาร์ขับรถเวสปาตกน้ำ ในระหว่างเดินทางกลับไปพักร้อนที่อิตาลี พร้อมโพสต์คลิปวีดีโอผ่านโซเชียลมีเดียของตัวเอง

 

ซึ่งทางด้านดาวยิงชาวอิตาเลี่ยนได้สัญญาว่าจะให้เงิน 2,000 ยูโร (69,000 บาท) แก่เจ้าของร้าน หากเขายอมขับรถเวสปาลงไปในแม่น้ำ สุดท้ายแล้วเจ้าของร้านยอมทำแบบนั้นจริง ๆ โดยให้เหตุผลว่ารถของเขามีราคาแค่ 600 ยูโร สุดท้ายตำรวจก็ได้เรียกตัวบาโลเตลลี, บูโอโนโคเร และอีกสองคนที่เกี่ยวข้อง เข้ามารับทราบข้อหาฐานชักจูงให้กระทำผิดและเล่นการพนัน รวมถึงละเลยการทิ้งของเสียลงในแม่น้ำ แม้ว่าจะกู้รถเวสปาขึ้นมาได้แล้วก็ตาม