อย่าเพิ่งร้องยี้! 6 เรื่องน่ารู้ของ “อิกาโล่” กระสุนลูกใหม่ปีศาจแดง

 

หลังจากปล่อยให้สาวกอสูรลุ้นกองหน้าตัวใหม่อยู่นาน ท้ายที่สุด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ไม่ทำให้แฟนบอลของพวกเขาต้องคอยเก้อ หลังจากสามารถคว้าตัว โอเดียน อิกาโล่ มาจาก เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว ได้สำเร็จ ด้วยสัญญายืมตัวจนจบฤดูกาล ในช่วงโค้งสุดท้ายของวันเดดไลน์

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่หัวหอกวัย 30 ปี ไม่ได้เป็นดาวยิงที่มีดีกรีระดับข่มขวัญแนวรับคู่แข่งได้ ทำให้ดีลนี้เกิดเสียงแตกออกเป็นสองฝ่ายทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

 

เอาล่ะ แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถหยั่งรู้อนาคตของดาวเตะรายนี้ได้ ว่าบทสรุปจะออกมาเป็นแบบไหนในโรงละครแห่งความฝัน แต่ก่อนที่จะถึงเวลานั้น วันนี้เราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับ อิกาโล่ กันให้มากขึ้นสักหน่อยดีกว่า พร้อมทั้งอธิบายว่าทำไมปีศาจแดงถึงต้องดึงอดีตกองหน้า วัตฟอร์ด เข้ามาเสริมทัพในตลาดซื้อขายช่วงหน้าหนาวที่เพิ่งผ่านพ้นไป

 

เส้นทางการค้าแข้ง

 

อิกาโล่ เริ่มต้นเส้นทางค้าแข้งกับสโมสรในบ้านเกิดอย่าง ไพร์ม และ จูเลียส แบร์เกอร์ ก่อนที่จะได้โยกมาสัมผัสประสบการณ์บนแผ่นดินยุโรปเป็นครั้งแรกในปี 2007 กับสโมสรจากประเทศนอร์เวย์อย่าง ลิน และหลังจากอยู่ที่นี่ได้เพียงปีเดียว ก้าวสำคัญของหัวหอกไนจีเรียก็มาถึง เมื่อเจ้าตัวถูกทีมจาก กัลโช่ เซเรียอา อย่าง อูดิเนเซ่ ดึงตัวไปร่วมทัพในช่วงซัมเมอร์ปี 2008

 

อย่างไรก็ตาม ชีวิตการค้าแข้งบนลีกสูงสุดของอิตาลีก็ไม่ได้ราบรื่นนัก เมื่อ อิกาโล่ ได้รับโอกาสลงสนามไปแค่ 6 นัดเท่านั้น แต่ก็ยังสามารถยิงประตูให้กับทีมได้ 1 ลูก และหลังจากนั้น เขาได้ใช้เวลา 5 ซีซั่นไปกับการเล่นแบบยืมตัวที่ กรานาด้า (4 ฤดูกาลครึ่ง) และ เชเซน่า (ครึ่งฤดูกาล) ซึ่งในช่วงเวลานี้ เจ้าตัวยิงไปได้ 19 ประตู จากการลงเล่น 98 นัด

 

ก่อนที่ในปี 2014 วัตฟอร์ด ที่ขณะนั้นอยู่ในลีกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ จะได้ อิกาโล่ มาร่วมทีมแบบฟรีๆหลังเจ้าตัวหมดสัญญากับ อูดิเนเซ่ และในฤดูกาลแรกบนดินแดนผู้ดี เขาจัดการซัดในลีกไปถึง 20 ประตู จาก 35 นัด พร้อมช่วยให้แตนอาละวาดเลื่อนชั้นขึ้นสู่เวทีพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ และแม้จะขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุด แต่หัวหอกจากกาฬทวีปก็ยังทำผลงานได้ดีต่อเนื่อง ด้วยการซัดไปได้ 15 ประตู จาก 37 นัด

 

ทว่าในซีซั่นต่อมา ฟอร์มการเล่นของ อิกาโล่ กลับดรอปลงจนน่าตกใจ หลังจากยิงไปได้แค่ประตูเดียวเท่านั้นจาก 18 เกม ก่อนที่ในเดือนมกราคมปี 2017 วัตฟอร์ด จะขายเจ้าตัวไปให้กับ ชางชุน ย่าไท่ สโมสรจากไชนีส ซูเปอร์ลีก ด้วยค่าตัวที่มากถึง 20 ล้านปอนด์ และหลังจากเขายิงสลุดไป 36 ประตู จาก 55 นัด ในช่วงเวลา 2 ซีซั่นที่อยู่กับทีม พี่บิ๊กในประเทศอย่าง เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว ก็ตัดสินใจคว้าตัวไปอยู่ด้วยในฤดูกาล 2019 ซึ่งเจ้าตัวก็จัดการกดไปอีก 10 ประตู จาก 17 นัด ก่อนที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาจะถูก แมนฯ ยูไนเต็ด ยืมตัวมาใช้งานหลังจากลีกแดนมังกรรูดม่านลง

 

 

ในนามทีมชาติไนจีเรีย

 

กองหน้าป้ายแดงของเร้ด เดวิลส์ ติดทีมชาติไนจีเรียเป็นครั้งแรกในปี 2015 ก่อนจะกลายเป็นขาประจำในทัพอินทรีมรกตมาเรื่อยๆ ซึ่งในปี 2018 อิกาโล่ ได้ถูกเลือกให้เป็น 1 ใน 23 ขุนพลชุดสู้ศึกฟุตบอลโลกที่ประเทศรัสเซีย และในปีต่อมา เจ้าตัวก็สามารถพาชาติบ้านเกิดไปไกลถึงอันดับ 3 ของการแข่งขันแอฟริกัน เนชั่น คัพ 2019 พร้อมคว้ารางวัลดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์มาครองด้วยการยิงไป 5 ประตู

 

หลังจบศึกชิงแชมป์ทวีปแอฟริกา อิกาโล่ ก็ได้ประกาศอำลาทีมชาติทันที โดยฝากผลงานการยิงไป 16 ประตู จาก 35 นัดที่ลงรับใช้ทัพอินทรีมรกต

 

 

เพชฌฆาตในกรอบเขตโทษ

 

หัวหอกวัย 30 ปี มีจุดเด่นในเรื่องของการเลี้ยงบอล , ความแข็งแกร่ง , ความเร็ว , การประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม และที่สำคัญ คือเป็นนักเตะที่เข้าฮอร์สได้ดี ซึ่งนี่ถือเป็นสิ่งที่ขาดหายไปในทีมปีศาจแดงชุดปัจจุบัน ลองจินตนาการดูว่าริมเส้นทั้งสองฝั่งมี อองโตนี่ มาร์กซิยาล กับ แดเนี่ยล เจมส์ คอยขึ้นเกม ตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์มี บรูโน่ แฟร์นานเดซ คอยเปิดป้อน เมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด มีหน่วยสนับสนุนที่พร้อมขนาดนี้ ก็น่าสนใจว่า อิกาโล่ จะสามารถเปลี่ยนลูกจ่ายต่างๆให้เป็นสกอร์ได้ขนาดไหน

 

นอกจากนี้ อดีตดาวเตะแตนอาละวาดยังจัดเป็นนักเตะที่วิ่งสู้ฟัดคนหนึ่ง ฉะนั้นแล้ว เจ้าตัวจะตอบโจทย์กับแทคติกเพรสซิ่งในแดนบนของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ได้อย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

เด็กผีพันธุ์แท้

 

อิกาโล่ เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อของอังกฤษเมื่อปี 2016 ในสมัยที่เจ้าตัวยังค้าแข้งอยู่กับ วัตฟอร์ด ว่า “ผมเติบโตขึ้นมากับการเป็นแฟนบอลของ ยูไนเต็ด ผมชอบดูการเล่นของ แอนดี้ โคล และ ดไวท์ ยอร์ค ทางทีวี พวกเขาคือไอดอลของผม และการได้เล่นใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นความฝันของผมมาโดยตลอด”

 

เพราะฉะนั้น งานนี้ไม่ต้องห่วงเรื่องความทุ่มเทที่หัวหอกรายนี้จะมอบให้กับตราสโมสรแน่นอน และเชื่อเหลือเกินว่าเจ้าตัวพร้อมที่จะจมูกหัก นิ้วเท้าแตก หรือหลั่งเลือดเพื่อยิงประตูให้กับทีม ตามที่นายใหญ่นอร์วีเจี้ยนเคยกล่าวไว้ถึงกองหน้าในแบบที่ตัวเองต้องการ

 

 

เพิ่งปฏิเสธโคตรทีมอย่างบาร์เซโลน่ามา

 

หลังจบฤดูกาล 2018 ที่ อิกาโล่ คว้าตำแหน่งรองดาวซัลโวของไชนีส ซูเปอร์ลีกมาครอง ด้วยการยิงไป 21 ประตูให้กับ ชางชุน ย่าไท่ เจ้าตัวก็ได้รับการทาบทามจาก บาร์เซโลน่า ให้เข้าไปเป็นแบ็คอัพในแดนหน้า ด้วยสัญญาระยะสั้น 6 เดือน อย่างไรก็ตาม หัวหอกชาวไนจีเรี่ยนกลับปฏิเสธโอกาสที่นักฟุตบอลหลายคนได้แต่ฝันถึง โดยให้เหตุผลว่ากองหน้าที่มีสถิติการทำประตูระดับเขาไม่ควรจะต้องไปเป็นแค่อะไหล่ ก่อนจะตัดสินใจย้ายไปเล่นให้กับ เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว ในเวลาต่อมา

 

ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน อิกาโล่ กลับใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่อึดใจเลือกตอบรับข้อเสนอจากทางปีศาจแดงด้วยเงื่อนไขที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งนี่น่าจะช่วยยืนยันถึงความรักที่เขามีให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เป็นอย่างดี

 

 

เป็นการทำธุรกิจที่ชาญฉลาดของปีศาจแดง

 

หลังจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ประกาศเซ็นสัญญากับ อิกาโล่ อย่างเป็นทางการ ก็มีหลายคนที่ออกอาการไม่ปลื้มอย่างแรงที่ทัพอสูรหันไปคว้าดาวยิงเกรดนี้มาใช้งาน

 

แต่อันดับแรก ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเดือนมกราคมเป็นตลาดซื้อขายที่ยากสำหรับผู้ซื้อ เนื่องจากมีระยะเวลาที่สั้น และสโมสรต่างๆก็ไม่อยากจะปล่อยนักเตะของตัวเองออกมากลางทาง ยิ่งกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เหลือเวลาในตลาดซื้อขายอีกไม่กี่ชั่วโมงด้วยแล้ว การจะได้กองหน้าสักคนที่ตอบโจทย์ในหลายๆด้านย่อมเป็นงานที่หินพอสมควร

 

กระทั่งท้ายที่สุด ปีศาจแดงไปได้ อิกาโล่ มาด้วยสัญญาระยะสั้นจนจบฤดูกาล โดยเสียค่ายืม 3 ล้านปอนด์ และจ่ายค่าเหนื่อยให้กับนักเตะ 1 ใน 3 หรือ 100,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่ตัวเลขที่สูงเลยเมื่อเทียบกับปัญหาในแดนหน้าที่ ยูไนเต็ด กำลังเผชิญอยู่ และไม่ใช่ตัวเลขที่น่าเสียดายเลยหากเจ้าตัวย้ายมาดับกับทีม ที่สำคัญ… “มันก็น่าจะดีกว่าไม่ได้หัวหอกมาเสริมทัพเลยสักคนจริงไหม?”