อริร่วมเมืองแล้วไง? : BEST XI ยอดแข้งที่เล่นให้ทั้ง ปืนโต และ สิงห์

 

ดีลเซอร์ไพรส์แฟนบอลมากที่สุดในช่วงวันสุดท้ายของตลาดนักเตะพรีเมียร์ลีก คงต้องเป็นข่าวของ ดาวิด ลุยซ์ ที่ลาเชลซีไปอยู่กับอาร์เซน่อล ทั้งๆที่เกือบ 3 เดือนก่อนหน้านี้ เขาเพิ่งต่อสัญญากับสิงห์บลูไปหมาดๆ

 

แถมข่าวเรื่องย้ายทีมก็มีขึ้นในวันพุธเท่านั้น แต่ทั้ง 2 สโมสรก็ใช้เวลาจัดการเรื่องค่าตัว, รายละเอียดต่างๆ และปิดการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วภายในวันเดียว

 

นี่ถือเป็นการย้ายทีมแบบข้ามฟากตรงๆที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ เนื่องจากทั้ง 2 ทีมต่างเป็นคู่แข่งร่วมเมืองที่คอยขับเคี่ยวลุ้นแชมป์แย่งอันดับกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา  

 

และหากลองย้อนกลับไปดู กองหลังชาวบราซิลก็ไม่ใช่นักเตะคนเดียวที่เคยสวมเครื่องแบบสีแดงและน้ำเงิน แต่ยังมีอีกมากมายหลายคนจนสามารถจัดเป็นทีมฟุตบอลได้เลยล่ะ

 

ทาง UFA ARENA จึงทำการจัด 11 แข้งที่เคยเล่นให้อาร์เซน่อลและเชลซีมาเตือนความจำคอบอลอังกฤษกันหน่อย แต่จะมีใครบ้างนั่น ติดตามได้ผ่านบทความนี้กันเลย 

 

 

ปีเตอร์ เช็ก

 

 

หนึ่งในยอดนายทวารที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก ปีเตอร์ เช็ก คว้าแชมป์มาทุกรายการตลอดช่วงเวลา 11 ปีที่เฝ้าเสาให้เชลซี และไม่มีผู้รักษาประตูคนไหนที่เก็บคลีนชีทในหนึ่งฤดูกาลได้มากไปกว่าเขาแล้ว หลังสร้างสถิตินี้ไว้ที่ 24 นัดในฤดูกาล 2004-05

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อ ธิโบต์ กูร์ตัวส์ กลับมาจากแอตเลติโก้ มาดริด เพื่อแย่งตำแหน่งมือหนึ่งกับเช็กในทีมสิงห์บลู นายทวารชาวเช็กก็รู้ดีว่ามันถึงเวลาที่เขาต้องโยกย้าย ซึ่งสถานีต่อไปของเขาก็ยังอยู่ในลอนดอนเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนเป็นสีแดงกับอาร์เซน่อลเท่านั้น

 

มือกาวจอมหนึบใช้เวลาในอาชีพค้าแข้งที่เหลือในถิ่น เอมิเรสต์ สเตเดี้ยม ก่อนที่เขาจะตัดสินใจแขวนถุงมือหลังจบฤดูกาล 2018-19 ที่ผ่านมา

 

 

วิลเลี่ยม กัลลาส 

 

 

กัลลาสเข้ามาอยู่กับเชลซีในปี 2001 และได้กลายเป็นตัวหลักของสโมสรในยุค ‘เสี่ยหมี’ โรมัน อับราโมวิช พร้อมกับช่วยให้ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ 2 สมัยภายใต้การกุมบังเหียนของ ‘เดอะ สเปเชียล วัน’ โชเซ่ มูรินโญ่ 

 

ในปี 2006 เขาย้ายข้ามฟากไปอยู่กับ อาร์เซน่อล สลับขั้วกับ แอชลี่ย์ โคล ที่เปลี่ยนไปใส่เสื้อสีน้ำเงิน แต่ปราการหลังชาวฝรั่งเศสไม่มีแชมป์อะไรติดมือเลย ตลอด 4 ปีที่ค้าแข้งกับปืนใหญ่ ซึ่งช่วงเวลาที่หลายคนจดจำได้ดี คงหนีไม่พ้นตอนที่เขานั่งหมดอาลัยตายอยากกลางสนาม หลังอาร์เซน่อลโดนเบอร์มิ่งแฮมตีเสมอในช่วงท้ายเกมเมื่อปี 2008 ส่งผลให้พวกเขาหมดลุ้นแชมป์ลีกในปีนั้นไปโดยปริยาย

 

ช่วงบั้นปลายอาชีพ กัลลาสยังปักหลังเล่นฟุตบอลอาชีพในลอนดอนอยู่ แต่คราวนี้เขาเลือกย้ายมาเล่นกับท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ในปี 2010 และอยู่ในถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลนอีก 3 ปี ก่อนจะไปแขวนสตั๊ดกับเพิร์ธ กลอรี่ ในปี 2014

 

 

ดาวิด ลุยซ์ 

 

 

เหตุการณ์ย้ายข้ามฟากล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่วัน เมื่ออาร์เซน่อลกำลังมองหากองหลังมาเสริมแนวรับในช่วงตลาดนักเตะ หลังเสีย โลร็องต์ กอสเซียลนี่ ให้กับบอร์กโดซ์ไป ครั้นจะไว้ใจให้ ชโคดราน มุสตาฟี่ กองหลังบ่อน้ำมันเป็นตัวหลักก็ดูไม่เข้าท่าเท่าไหร่นัก

 

ดังนั้นพวกเขาจึงหันไปคว้าตัว ดาวิด ลุยซ์ กองหลังมาประสบการณ์ที่ลงเล่นกว่า 248 นัด ตลอด 6 ปีครึ่งที่อยู่เชลซีทั้ง 2 รอบ พร้อมทั้งพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 1 สมัย, เอฟเอ คัพ 2 สมัย, ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย และ ยูโรป้า ลีก 2 สมัย มาร่วมทีมในตลาดนักเตะวันสุดท้ายแทน 

 

ด้วยความเก๋าของกองหลังที่ติดทีมชาติบราซิลกว่า 56 นัดน่าจะช่วยให้แผงหลังของปืนใหญ่แข็งแกร่งขึ้น พร้อมสู้เพื่อคว้าตั๋วไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกอีกครั้งในปีนี้

    

 

แอชลี่ย์ โคล

 

 

นักเตะคนเดียวที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ไม่ว่าจะย้ายไปอยู่สีแดงหรือสีน้ำเงิน คงหนีไม่พ้นชายที่ชื่อว่า แอชลี่ย โคล อย่างแน่นอน

 

โคล เริ่มฉายแววเป็นฟูลแบ็คระดับโลกในวงการลูกหนัง เมื่อสมัยที่เขาแจ้งเกิดกับอาร์เซน่อล ได้ชูถ้วยพรีเมียร์ลีกถึง 2 สมัย ซึ่งในนั้นคือชุดแชมป์ไร้พ่ายปี 2003-04 และเอฟเอ คัพอีก 3 สมัย ไม่แปลกใจที่เหล่า กูนเนอร์ส จะรักและเทิดทูนเขาสุดหัวใจ

 

แต่ยิ่งรักมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเกลียดมากเท่านั้น เมื่อแข้งชาวอังกฤษตัดสินย้ายจากอาร์เซน่อล ไปซบเชลซี หนึ่งในทีมอริร่วมเมืองและทีมลุ้นแชมป์ในลีกยุคนั้น  ก่อนที่เขาจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเพิ่มอีก 1 สมัย, แชมป์เอฟเอ คัพ 4 สมัย, ลีกคัพ 1 สมัย, ถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย และ ยูโรป้า ลีก 1 สมัยในการค้าแข้งที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ นั่นยิ่งทำให้แฟนๆปืนใหญ่เกลียดโคลมากขึ้นไปอีก และดูเหมือนว่าจะไม่มีทางเปลี่ยนไปในเร็วๆนี้แน่นอน

 

 

เอ็มมานูเอล เปอตีต์

 

 

แข้งแดนน้ำหอมย้ายมาอยู่อาร์เซน่อลในปี 1997 พร้อมช่วยให้ทีมของอาร์เซน เวนเกอร์ คว้าดับเบิ้ลแชมป์ (พรีเมียร์ลีกและเอฟเอ คัพ) ไปได้อย่างสวยงาม แถมเขายังสามารถรักษาฟอร์มการเล่นไว้ได้ในเกมทีมชาติ จนช่วยให้ฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกไปครองในปี 1998

 

หลังจากนั้น เปอตีต์ ก็ไม่ได้คว้าแชมป์อะไรเพิ่มกับปืนใหญ่เลย ก่อนจะย้ายไปบาร์เซโลน่าในปี 2000 แต่ว่าถัดมาแค่ปีเดียว เขาก็กลับมาค้าแข้งในอังกฤษอีกครั้งกับเชลซี โดยลงเล่นให้สิงห์บลูไปทั้งสิ้น 55 นัดในลีก และประกาศแขวนสตั๊ดในปี 2004

 

 

ยอสซี่ เบนายูน

 

 

เชื่อว่ามีน้อยคนนักที่จะจดจำได้ขึ้นใจว่านักเตะอย่าง ยอสซี่ เบนายูน ก็เคยลงเล่นให้ทั้งอาร์เซน่อล และ เชลซี เหมือนคนอื่นๆในลิสต์เช่นกัน

 

กองกลางชาวอิสราเอลสร้างชื่อให้แฟนบอลอังกฤษรู้จักในช่วงที่เขาค้าแข้งกับเวสต์แฮมและลิเวอร์พูล แต่ถึงอย่างนั้น เขากลับลงเล่นในลีกให้เชลซีแค่ 14 นัด และอาร์เซน่อลอีก 19 นัด แถมจำนวนประตูที่ทำได้ก็รวมกันทั้ง 2 ทีมได้แค่ 5 ลูกเท่านั้น 

 

บางทีการจดจำเบนายูนในช่วงที่เขาเป็นนักเตะขุนค้อนกับหงส์แดงคงจะเป็นอะไรที่เหมาะสมที่สุดแล้วล่ะ

 

 

ลาซานน่า ดิยาร์ร่า

 

 

ดียาร์ร่าคว้าแชมป์เอฟเอ คัพกับ พอร์ทสมัธในปี 2008 ได้แบบเหนือความคาดหมาย ส่งผลให้เขาก้าวกระโดดย้ายไปค้าแข้งเรอัล มาดริด ในปีต่อมา ซึ่งเขาก็คว้าแชมป์ลาลีก้า และ โกปา เดล เรย์ มาได้อย่างละสมัย

 

อย่างไรก็ดี ในช่วงแรกที่ย้ายมาค้าแข้งในแดนผู้ดี ลาส ได้ลงเล่นเกมลีกแค่ 13 นัดเท่านั้นกับเชลซีระหว่างปี 2005-2007 ซึ่งทำให้เขาตัดสินใจย้ายไปอยู่กับอาร์เซน่อลแทน แต่กราฟชีวิตของเขาก็ยังไม่ดีขึ้น หลังได้ลงเล่นไปแค่ 7 นัดเท่านั้นในพรีเมียร์ลีก ก่อนจะย้ายไปโด่งดังสุดกับทีมปอมปีย์หลังจากนั้น 

 

 

เชส ฟาเบรกาส

 

 

แอชลี่ย์ โคล อาจจะถูกแฟนปืนใหญ่ตราหน้าว่าเป็นนักที่ทรยศพวกเขามากที่สุด เมื่อย้ายไปเชลซี แต่กรณีของ เชส ฟาเบรกาส แฟนๆกลับตราหน้าแข้งชาวสแปนิชว่าเป็นพวกเขาหน้าเงิน หลังย้ายไปในปี 2014

 

ฟาเบรกาส ใช้เวลา 8 ปีกับทีมปืนใหญ่ และเป็นที่รักของเหล่ากันเนอร์สทั่วโลก พร้อมกับก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักที่ทีมขาดไม่ได้ แต่ในปี 2011 เขาก็ย้ายกลับไปเล่นที่บ้านเกิดกับบาร์เซโลน่า ทีมเก่าในสมัยเป็นเยาวชน แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่เขาต้องการนัก

 

หลังไม่สามารถเบียดแย่งตัวจริงในทีมอาซูลกราน่าได้ มิดฟิลด์เลือดกระทิงจึงต้องจำใจลาทีมรักในปี 2014 โดยสถานีต่อไปของเขาคือ เชลซี แน่นอนว่าการย้ายทีมครั้งนี้ ทำให้ฟาเบรกาสถูกมองว่าเป็นพวกทรยศจากแฟนบอลอาร์เซน่อลบางกลุ่ม แต่เขาก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจมากนัก และพาสิงห์บลูคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครอง ทั้งในยุคที่โชเซ่ มูรินโญ่ และ อันโตนิโอ คอนเต้ เข้ามาเป็นนายใหญ่ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์

 

 

เดวิด โรคาสเซิ่ล

 

 

เดวิด โรคาสเซิ่ล เริ่มต้นเล่นฟุตบอลแบบจริงจังกับอาร์เซน่อล และเข้าไปอยู่ในทีมชุดเยาวชนเมื่ออายุได้ 15 ปี โดยมีเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง โทนี่ อดัมส์, ไมเคิ่ล โธมัส, มาร์ติน คีโอวน์ ก่อนที่ทั้งหมดจะกลายเป็นตำนานของปืนใหญ่ คว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ได้ถึง 2 สมัยในปี 1989 และ 1991

 

ร็อกกี้ได้ย้ายออกจากอาร์เซน่อลในปี 1992 และไปเล่นให้กับลีดส์ ยูไนเต็ด กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเวลาต่อมา หลังจากลาลอนดอนได้ 4 ปี เขาก็กลับมาที่เมืองนี้อีกครั้ง แต่ในครั้งนี้กองกลางมากทักษะเลือกคือ เชลซี ก่อนที่จะย้ายมาค้าแข้งในมาเลเซียกับทีมซาบาห์เมื่อปี 1999 ซึ่งเป็นสโมสรสุดท้ายในชีวิตการค้าแข้ง

 

แต่ก็เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2001 เมื่อโรคาสเซิ่ลถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือด และจากไปอย่างรวดเร็วเมื่อ 31 มีนาคม 2011 ด้วยวัยเพียง 33 ปี 

 

 

โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

 

ชิรูด์ช่วยให้ มงเปลิเย่ร์ ทีมนอกสายตา คว้าแชมป์ลีกเอิงไปครองได้อย่างเหลือเชื่อ พร้อมกับคว้าตำแหน่งดาวซัลโวลีก ทำให้เขาได้ย้ายมาเล่นในทีมที่ใหญ่กว่าอย่างอาร์เซน่อลในปี 2012 โดยลงเล่นให้ไปมากถึง 253 นัด และซัดไป 105 ประตูให้สโมสร

 

ในช่วงท้ายๆที่ค้าแข้งกับปืนใหญ่ กองหน้าชาวฝรังเศสไม่พออกพอใจอย่างมาก หลังไม่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง เขาจึงตัดสินใจหาความท้าทายใหม่ ด้วยการลุกจากม้านั่งสำรองในอาร์เซน่อล และย้ายไปอยู่กับเชลซีแทน

 

แต่ถึงกระนั้น แข้งแชมป์โลกก็ได้รับสถานะเป็นกองหน้าเบอร์ 2 ของสิงห์บลูอยู่บ่อยครั้งนับตั้งแต่ย้ายมาในเดือนมกราคมปี 2018 และต้องหลีกทางให้กับ อัลบาโร่ โมราต้า, กอนซาโล่ อิกวาอิน และ เอเด็น อาซาร์ อยู่เสมอ ทว่าในฤดูกาลใหม่นี้ โอกาสที่เขารอคอยน่าจะมาถึงซักที หลังไม่มีแข้งเหล่านั้นมาขวางทางเขาอีกต่อไปแล้ว

 

 

นิโกลาส์ อเนลก้า

 

 

อาร์เซน เวนเกอร์ เข้ามารับงานกุนซือในอาร์เซน่อลในช่วงปลายเดือนกันยายนปี 1996 หนึ่งในนักตะที่เขาเซ็นเข้ามาในปีแรกคือ นิโกลาส์ อเนลก้า กองหน้าดาวรุ่งในยุคนั้น ซึ่งสร้างอิมแพคให้กับสโมสรและช่วยให้ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างยอดเยี่ยม

 

2 ปีต่อมา หัวหอกเจ้าปัญหาได้ย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นทำให้เขากลายเป็นแข้งจอมพเนจรทั่วยุโรป โดยได้ย้ายไปอยู่ทั้งในลอนดอน, มาดริด, ปารีส, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์, อิสตันบูล หรือแม้แต่โบลตัน ก่อนจะกลับมาลอนดอนอีกครั้งกับเชลซีในปี 2008

 

ฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดของอเนลก้าในสีเสื้อน้ำเงินคงเป็นฤดูกาล 2009-10 ที่ซัดไป 10 ประตูและ 10 แอสซิสต์ในลีก ช่วยให้สิงห์โตน้ำเงินครามคว้าแชมป์ลีกไปครองครั้งแรกในรอบ 4 ปี