อันเช่มีหวั่น : ย้อนผลงาน 11 กุนซือรีเทิร์นคุมราชันคำรบที่สอง

 

ใครหลายคนเคยกล่าวไว้ว่า เราไม่ควรกลับไปรีเทิร์นกับรักครั้งเก่า และในโลกฟุตบอลก็พอจะพูดแบบเดียวกันได้

 

มีหลายเหตุผลที่ทำให้กุนซือต้องบอกลาสโมสรนั้น ๆไป ไม่ว่าจะเป็นเพราะฟอร์มการเล่นอันย่ำแย่, มีปัญหากระทบกระทั่งกับบอร์ดบริหาร หรือต้องการย้ายทีมเพื่อยกระดับชื่อเสียง ก็พบได้อยู่บ่อยครั้ง ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้ผู้จัดการทีมบางคนหลีกเลี่ยงที่จะกลับไปรับงานในสโมสรเก่าที่เขาเคยอยู่ แต่ก็พอจะมีอยู่บ้างที่ยอมกลับไปจูบปากคืนดีกับทีมเก่าอีกครั้ง

 

เรอัล มาดริด คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด สโมสระดับท็อปของโลกที่กุนซือหลายคนใฝ่ฝันและรอคอยที่จะได้คุมทีมระดับนี้ซักครั้งนึงในชีวิต โดยล่าสุดสโมสรเพิ่งดึง คาร์โล อันเชล็อตติ จาก เอฟเวอร์ตัน กลับมาคุมทีมอีกครั้ง แทนที่ ซีเนดีน ซีดาน ที่ลาออกจากตำแหน่งนี้ไปไม่นาน

 

แน่นอนว่า อันเช่ ไม่ใช่คนแรกที่กลับมารับงานในเมืองหลวงของสเปนเป็นครั้งที่ 2 เช่นกัน และ UFA ARENA จะย้อนกลับดู 11 กุนซือก่อนหน้านี้ที่กลับมาทำหน้าที่ใน เบอร์นาเบว อีกครั้งว่าประสบความสำเร็จกว่าหนแรกมากน้อยแค่ไหน

 

 

ยาคินโต้ ควินโคเชส

 

 

ครั้งแรก : 1945-1946
คำรบสอง : 1947-1948

 

ยาคินโต้ ควินโคเชสคือรายแรกทีได้กลับมาคุมทีมเรอัล มาดริดอีกครั้ง หลังจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยในครั้งแรกที่เขาคุมทีมชนะ 18 จาก 35 นัด และพาทีมคว้าแชมป์โคปา เดล เรย์ในปี 1946 หลังเอาชนะบาเลนเซียในนัดชิงได้ 3-1

 

แต่การกลับมาในถิ่นเบอร์นาเบวครั้งที่สอง กุนซือชาวสเปนไม่ประสบความสำเร็จนัก หลังคว้าชัยไปได้แค่ 5 เกมจาก 17 เกม คิดเป็น 29.41 เปอร์เซนต์ ก่อนจะถูกแทนที่ด้วย ไมเคิล คีปปิ้ง กุนซือชาวอังกฤษ

 

 

บัลตาซาร์ อัลเบนิซ

 

 

ครั้งแรก : 1946-1947
คำรบสอง : 1950-1951

 

ในช่วงที่ยาคินโต้ ควินโคเชสอำลาทีมในตอนแรก บัลตาซาร์ อัลเบนิซคือคนที่เข้ามาทำหน้าที่กุนซือต่อจากเขาในปีต่อมา ซึ่งกุนซือชาวสเปนก็พาโลส บลังโกสประสบความสำเร็จตามรอย ควินโคเชส ได้ หลังคว้าแชมป์ โคปา เดล เรย์ ด้วยการเอาชนะเอสปันญ่อลไป 2-0 ในนัดชิง

 

แต่เขาก็ไม่ได้ต่างจาก ควินโคเชส นัก เพราะช่วงที่สองในกรุงมาดริดของเขาในทีมคือช่วงที่ไม่น่าจดจำมากที่สุด โดยพาทีมชนะแค่ 7 จาก 16 เกมเท่านั้น

 

 

มิเกล มูนอส

 

 

ครั้งแรก : 1959
คำรบสอง : 1960-1974

 

มิเกล มูนอสเข้ามาทำหน้าที่กุนซือในเรอัล มาดริดครั้งแรกในปี 1959 แต่ก็มาแค่ช่วงสั้นๆประมาณ 2 เดือนเท่านั้น โดยเข้ามาเป็นกุนซือขัดตาทัพแทนที่ หลุยส์ คาร์นิกิร่า ที่ไปพักรักษาตัวเนื่องจากอาการป่วย ซึ่งในตอนนั้นมูนอสพาทีมชนะไป 5 จาก 9 นัด ก่อนจะคืนเก้าอี้ให้คาร์นิกิร่า แต่ทว่าการหวนคืนทัพโส บลังโกส น่าจดจำกว่าครั้งแรกเป็นไหนๆ

 

เขากลับมาทำหน้าที่นี้อีกครั้งในฤดูกาลถัดมา และคุมทีมไปยาวๆถึง 14 ปี โดยพาราชันชุดขาวคว้าแชมป์ลาลีก้า 9 สมัย, โคปา เดล เรย์ 2 สมัย, แชมป์ยุโรป 2 สมัย และ แชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพอีกสมัย นั่นทำให้เขากลายเป็นกุนซือระดับตำนานของเรอัล มาดริดและถูกเล่าข่านจนถึงปัจจุบัน

 

 

หลุยส์ โมโรว์นี่

 

 

ครั้งแรก : 1974
คำรบสอง : 1977-1979, 1982, 1985-86

 

หลุยส์ โมโรว์นี่ต้องมารับงานที่เต็มไปด้วยความกดดันต่อจาก มูนอสที่ลาทีม โดยได้ทำหน้าที่กุนซือไป 23 เกมตั้งแต่เดือนมกราคมถึง พฤษภาคมปี 1974 แต่ถึงกระนั้นเขาก็คว้าแชมป์โคปา เดล เรย์มาครองได้ในบั้นปลาย

 

นอกจากนี้ โมโรว์นี่ เป็นกุนซือคนเดียวที่เคยกลับมารับงานในเบอร์นาเบวถึง 3 ครั้ง โดยแทนที่ มิลาน มิลยานิช, วูยาดิน บอสคอฟ และ อมานซิโอ อมาริโอ้ ซึ่งเขาคว้าแชมป์ลาลีก้า 3 สมัย, โคปา เดล เรย์ 3 สมัย และ ถ้วยยูฟ่า คัพ 2 สมัย

 

 

อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่

 

 

ครั้งแรก : 1982-1984
คำรบสอง : 1990-91

 

แข้งระดับตำนานของเรอัล มาดริด อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ เข้ามาคุมทีมเก่าครั้งแรกในปี 1982-1984 พาทีมชนะถึง 63 จาก 108 เกม แต่ทว่าเขาทำได้แค่เข้าชิงในบอลถ้วยและคว้าอันดับ 3 ในลาลีก้าเท่านั้นในปี 1982-1983

 

เจ้าของฉายา ‘ไอ้ศรแดง’ กลับมาคุมทีมอีกครั้งช่วงสั้นๆในปี 1990-91 โดยพาทีมล้มคู่อริตลอดกาลอย่าง บาร์เซโลน่าในศึก ซุปเปอร์โคปา เด เอสปาน่า ทั้ง 2 นัด ก่อนจะโบกมือลางานกุนซือไปแบบถาวรในเดือนมีนาคมปี 1991

 

 

ลีโอ บีนฮาคเคอร์

 

 

ครั้งแรก : 1986-1989
คำรบสอง : 1992

 

หลังจากที่ โมโรว์นี่ เข้ามาคุมทีมเรอัล มาดริดเป็นครั้งสุดท้าย ลีโอ บีนฮาคเคอร์ ผู้จัดการชาวดัชต์ก็มารับช่วงต่อจากนั้นและมีช่วงเวลา 3 ปีที่น่าจดจำ หลังคว้าแชมป์ลีกไปถึง 3 สมัยติด,แชมป์โกปา เดล เรย์ 1 ครั้ง และ แชมป์สแปนิช ซุปเปอร์ คัพ 2 สมัย

 

อีก 3 ปีต่อมา บีนฮาคเคอร์กลับมาในสเปนอีกครั้ง โดยเข้ามาแทนที่ ราโดเมียร์ แอนติค ในเดือนมกราคมปี 1992 เพื่อขัดตาทัพกับเกมที่เหลือในฤดูกาลนั้น และพาทีมคว้าอันดับสองในลีกต่อจากบาร์เซโลน่า ตามหลังแค่แต้มเดียวเท่านั้น ก่อนจะพาทีมพ่ายในนัดชิงโคปา เดล เรย์แก่แอตเลติโก้ มาดริด ทีมอริร่วมเมือง และเข้าไปถึงแค่รอบตัดเชือกในยูฟ่า คัพปีเดียวกัน

 

 

บิเซนเต้ เดล บอสเก้

 

 

ครั้งแรก : 1994
คำรบสอง : 1996, 1999-2003

 

บิเซนเต้ เดล บอสเก้เข้ามาคุมทีมเรอัล มาดริด 2 ครั้งแรกในฐานะกุนซือชั่วคราวเท่านั้น โดยได้คุมทีมในปี 1994 และต่อจากนั้นอีกครั้งในปี 1996 หลังจากค้าแข้งกับยอดทีมแห่งกรุงมาดริดมาอย่างยาวนาน

 

อดีตกองกลางทีมชาติสเปนได้งานกุนซือแบบถาวรในทีมครั้งแรกในปี 1999 จนถึงปี 2003 โดยเข้ามาแทนที่ จอห์น ทอแช็ก ในช่วงนั้น เดล บอสเก้พาทีมคว้าแชมป์ได้ถึง 2 สมัย, แชมป์สเปนิช ซุปเปอร์ คัพ 1 สมัย, ถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัย,ถ้วยซุปเปอร์ คัพ 1 สมัยและแชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพอีก 1 สมัย ซึ่งเขาคือส่วนหนึ่งในการสร้างทีมกาลาติกอสยุคแรกอีกด้วย

 

 

จอห์น ทอแช็ก

 

 

ครั้งแรก : 1989-1990
คำรบสอง : 1999

 

หลังจากทำผลงานกับเรอัล โซเซียดัดได้อย่างน่าประทับใจ จอห์น ทอแช็กก็ได้ถูกทาบทามให้เข้ามารับงานกุนซือที่เรอัล มาดริด ในปี 1989-1990 ซึ่งเขาพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้ในปีแรกทันที ทำให้เรอัล มาดริดครองแชมป์ลาลีก้ามา 5 สมัยติดต่อกัน แต่ในปีต่อมาเขากลับทำผลงานได้ย่ำแย่เกินไปต้องสโมสรต้องตัดสินใจแยกทางกับทอแช็กในที่สุด

 

อย่างไรก็ตาม กุนซือชาวเวลส์ก็กลับมามาดริดอีกครั้งในปี 1999 หลังปลดกุส ฮิดดิ้งค์ในปีก่อน แต่ทว่าครั้งนี้ดูไม่จืดกว่าเดิมมาก หลังถูกไล่ออกจากตำแหน่งทั้งๆที่คุมทีมไม่ถึงปี เนื่องจากวิจารณ์นักเตะในทีมออกสื่อและไม่สามารถสร้างความเชื่อใจให้บอร์ดบริหารสโมสรได้

 

 

โฆเซ่ อันโตนิโอ คามาโช่

 

 

ครั้งแรก : 1998
คำรบสอง : 2004

 

โฆเซ่ อันโตนิโอ คามาโช่ น่าจะเป็หนึ่งในนกุนซือที่แฟนมาดริดดิสต้าอยากลืมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีม เขาเข้ามาคุมทีมไม่ถึงเดือนก็ถูกปลดออกจากเก้าอี้กุนซือหลังมีความเห็นไม่ลงรอยในเรื่องการจัดการของทีม โดยที่เขายังไม่คุมทีมแม้แต่เกมเดียว

 

ต่อมาไม่นานนัก คามาโช่กลับมาอีกครั้งในปี 2004 แทนที่ คาร์ลอส เคยรอซ ในซัมเมอร์ปีเดียวกัน แต่คามาโช่ก็คุมทีมได้แค่ 6 นัดเท่านั้น ก่อนจะลาออกเพื่อรับผิดชอบผลงานห่วยตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาลนั้น

 

 

ฟาบิโอ คาเปลโล่

 

 

ครั้งแรก : 1996-1997
คำรบสอง : 2006-2007

 

ฟาบิโอ คาเปลโล่คือกุนซือคนล่าสุดที่กลับมาคุมทีมเป็นรอบสองให้เรอัล มาดริด โดยในปีแรกที่เขาเข้ามาคุมทัพโลส บลังโกส เมื่อปี 1996 เขาพาทีมคว้าแชมป์ลาลีก้าได้ทันที แต่คาเปลโล่ก็อยู่ได้แค่ปีเดียวก็ถูกไล่ออกหลังมีปัญหากับ โลเรนโซ่ ซานซ์ ประธานสโมสร รวมถึงแฟนบอลกับการใช้งานราอูลด้วย

 

กุนซือชาวอิตาเลียนกลับมาที่มาดริดอีกครั้งในอีก 10 ปีต่อมา เพื่อพาทีมกลับมาคว้าแชมป์อีกครั้ง หลังห่างหายจากความสำเร็จมานานหลายปี แม้ดอนฟาบิโอจะเริ่มต้นได้ไม่ดีนัก แต่ค่อยๆเค้นฟอร์มเก่งจนพาทีมคว้าแชมป์ลาลีก้ามาครองได้ในท้ายที่สุด อย่างไรก็ตาม เขาก็อยู่ในสเปนได้แค่ปีเดียว หลังมีปัญหาไม่ลงรอยกับบอร์ดบริหาร เนื่องจากเวลานั้นพวกเขาไม่มีความสุขกับสไตล์การเล่นที่เน้นเกมรับหรือเน้นผลของเขานัก

 

ซีเนดีน ซีดาน

 

Zidane quits again as Madrid coach after winless season | NEWS10 ABC

 

ครั้งแรก : 2016-2018
คำรบสอง : 2019-2021

 

อีกตำนานของ เรอัล มาดริด ที่ได้กลับมาทีมเก่าอีกครั้งในฐานะผู้จัดการทีม โดยเริ่มแรก ซีเนดีน ซีดาน คุมทีม กาสติญ่า ก่อนตั้งแต่ปี 2014 ก่อนถูกดันขึ้นมาทำหน้าที่ในชุดใหญ่เต็มตัวช่วงเดือนมกราคมปี 2016 แทนที่ ราฟาเอล เบนิเตซ

 

ผลลัพธ์ที่ออกมากลับเหนือความคาดหมายมาก เมื่อ ซิซู พา โลส บลังโกส คว้าถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 3 ฤดูกาลติดต่อกัน กลายเป็นกุนซือคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำแบบนี้ได้ พ่วงด้วยแชมป์ลาลีก้า 1 สมัย และ แชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ กับ แชมป์สโมสรโลก อย่างละ 2 สมัย ก่อนก้าวลงจากตำแหน่งหลังเกมนัดชิง ยูซีแอล ไม่กี่วัน ในปี 2018

 

ทว่าคนที่มาแทนที่ ซีดาน ทั้ง ฆูเลน โลเปเตกี หรือ ซานติอาโก้ โซลารี่ ไม่สามารถทำทีมได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น จนทำให้ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ หวนเจรจากับ อดีตกองกลางชาวฝรั่งเศส ให้กลับมาคุมทีมอีกครั้ง ในเดือนมีนาคมปี 2019 ก่อนที่ฤดูกาลต่อมาจะพาทีมคว้าแชมป์ลีกสเปนไปครองอีกสมัย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้องกับ อันเชล็อตติ

ตัวจริงซักนัดก็ไม่เคย! คิงจวกอันเช่หลอกตนซบท็อฟฟี่