อาซาร์ระวังไว้ : 10 แข้งฟอร์มดับหลังย้ายซบราชันชุดขาว

 

ในที่สุดมหากาพย์ของเอเด็น อาซาร์ กับ เรอัล มาดริด ก็มาถึงบทสรุปซักที เมื่อเจ้าตัวสลัดน้ำหมึกเซ็นสัญญากับราชันชุดขาวเป็นระยะเวลา 5 ปี ด้วยค่าตัว 100 ล้านยูโร และอาจทะลุถึง 140 ล้านยูโรขึ้นอยู่กับผลงานในสนาม

 

ดาวเตะชาวเบลเยียมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในตลอด 7 ปีที่ค้าแข้งกับเชลซีในอังกฤษ และพาทีมสิงห์บลูกวาดแชมป์มาครองได้หลายการ ประกอบกับซีซั่นที่ผ่านมา ทัพโลส บลัง โกส ตกต่ำเป็นอย่างมากซึ่งเป็นผลมาจากการขาดหายของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะคนเก่งที่ย้ายไปค้าแข้งกับยูเวนตุส ในซัมเมอร์ที่แล้ว ทำให้พวกเขาจะคว้าแข้งวัย 28 ปีมาทดแทนในทันที

 

แต่อย่างไรก็ตาม อาซาร์ก็ไม่ใช่ดาวดังรายแรกที่มีมาดริดทุ่มเงินมหาศาลเพื่อคว้าตัวมาร่วมทีมและมีนักเตะไม่น้อยเลยที่กราฟชีวิตค้าแข้งดันตกลงตั้งแต่ย้ายมาเล่นในถิ่น ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว จนกระทั่งต้องย้ายออกจากทีม ฟอร์มเก่งถึงจะกลับมา และบางคนก็โชคร้ายที่ไม่สามารถกลับมาอยู่จุดเดิมได้อีกเลย

 

และนี่คือ 9 แข้งดังที่เส้นทางชีวิตค้าแข้งดิ่งลงเหวนับตั้งแต่ย้ายมาค้าแข้งกับ โลส บลังโกส ไม่ว่าจะเป็นยุคก่อนหรือปัจจุบันก็ตาม

 

 

คลาส แยน-ฮุนเตลาร์

 

 

เดอะ ฮันเตอร์ เป็นดาวรุ่งที่หลายคาดหมายว่าจะกลายเป็นดาวยิงระดับโลกได้ในอนาคต หลังโชว์ฟอร์มโหดในสีเสื้ออาแจ็กซ์ โดยลงเล่นไป 92 นัด ซัดไปทั้งหมด 76 ประตูในทุกรายการ ตลอดเกือบ 3 ฤดูกาลที่ค้าแข้งในเมือหลวงของฮอลแลนด์

 

ด้วยฟอร์มแบบนี้ทำให้ยอดทีมจากลาลีก้า อย่าง เรอัล มาดริด ตัดสินใจคว้าตัวฮุนเตลาร์ มาร่วมทีมในทันที แม้จะเป็นช่วงตลอดนักเตะเดือนมกราคมก็ตาม แต่อย่างไรก็ตาม ทักษะการยิงประตูของเขากลับตกลงอย่างน่าใจหาย โดยลงเล่นให้ โลส บลังโกสไป 20 นัด ทำได้เพียง 8 ประตูเท่านั้น และถูกขายให้กับ เอซี มิลาน ในอีก 7 เดือนต่อมา ซึ่งที่นั่นผลงานของเขาก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย

 

หัวหอกชาวดัชต์กลับมาเจิดจ้าอีกครั้งกับ ชาลเก้ 04 ในบุนเดสลีก้าเยอรมัน และอยู่ยาวๆถึง 7 ปี ก่อนที่จะย้ายมากลับมาถิ่นเก่าอย่างอาแจ็กซ์เมื่อปี 2017 จนถึงปัจจุบัน

 

 

อาร์เยน ร็อบเบน

 

 

ร็อบเบนคือนักเตะอีกคนบนโลกใบนี้ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วเกือบทุกอย่างในทุกทีมที่เขาลงเล่น แต่ก็มีช่วงเวลาหนึ่งที่เจ้าตัวไม่อยากจดจำมากนัก นั่นก็คือยามค้าแข้งอยู่ในถิ่นซานติอาโก้ เบอร์นาเบว

 

ปีกชาวดัชต์ย้ายจากเชลซีมาอยู่กับ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 24 ล้านปอนด์ ซึ่งตัวคาดหวังว่าจะโชว์ฟอร์มเก่งได้ทันทีหลังจากหายจากอาการบาดเจ็บมา แต่ว่ามันกลับไม่ใช่อย่างนั้น เขาไม่สามารถทำผลงานได้เหมือนตอนอยู่ทีมสิงห์บลูในปีแรกๆเลย แม้จะมีส่วนช่วยให้ทีมคว้าลาลีก้าได้ในปี 2008 ก็ตาม

 

จากนั้นในปี 2009 การเข้ามาของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ริคาร์โด้ กาก้า ทำให้ร็อบเบนรู้ดีว่าเวลาของเขาในสเปนได้หมดแล้ว ก่อนจะตัดสินใจย้ายไปบาเยิร์น มิวนิคในเวลาต่อมา ซึ่งนั่นถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะอดีตแข้งพีเอสวี พาทีมแคว้นบาวาเรียกวาดแชมป์เป็นว่าเล่น จนกลายเป็นตำนานของทีมเสือใต้ในท้ายที่สุด

 

 

นูริ ซาฮิน

 

 

กองกลางชาวเติร์กถือเป็นแข้งตัวหลักในโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ชุดแชมป์บุนเดสลีก้าฤดูกาล 2010-11 ของเจอร์เก้น คล็อปป์, นูริ ซาฮิน โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมถึงขั้นได้รับการโหวตให้เป็นแข้งยอดเยี่ยมประจำลีกเมืองเบียร์ในปีนั้นเลย

 

หลังจากประสบความสำเร็จพอสมควรในเยอรมัน ทำให้เจ้าตัวอยากสร้างชื่อเสียงให้โด่งดังกว่าเดิมด้วยการย้ายไปเล่นให้กับ เรอัล มาดริดในฤดูกาลถัดมา โดยหวังว่าจะกลายเป็นตัวหลักในทีมของโชเซ่ มูรินโญ่ และพาทีมคว้าแชมป์ได้ไม่ต่างกับตอนค้าแข้งกับเสือเหลือง

 

แต่ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บและฟอร์มการเล่นที่แย่ลงอย่างเห็นได้ชัดทำให้เขาได้ลงสนามในปีนั้นแค่ 4 นัดในลีกเท่านั้น และกราฟชีวิตค้าแข้งของซาฮินก็ไม่เคยกลับไปอยู่เดิมอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นที่ลิเวอร์พูล, ดอร์ทมุนด์ครั้งที่ 2 หรือ แวร์เดอร์ เบรเมน ในปัจจุบันก็ตาม

 

 

ไมเคิล โอเว่น

 

 

เบบี้โกล คือนักเตะจากอังกฤษคนสุดท้ายที่คว้ารางวัล บัลลงดอร์ มาครอง หลังพาลิเวอร์พูลคว้า 3 แชมป์ได้ในปี 2001 บวกกับมาตรฐานในการยิงประตูที่อยู่ในระดับสูงในปีถัดๆมา ทำให้ไมเคิล โอเว่นกลายเป็นนักเตะที่อยู่กาลาติกอสยุคแรกของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานของราชันชุดขาวในตอนนั้น (และในตอนนี้ด้วย)

 

โอเว่นยิงได้ถึง 16 ประตูในปีแรกกับทีมเมืองหลวงจากสเปนในทุกรายการ หากค่าเฉลี่ยแล้วเขายิงประตูได้ในทุกๆ 3 นัดเลย แต่ในฐานะนักเตะที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งในโลกลูกหนังมันถือว่าน้อยเกินไปมากๆ แถมความรวดเร็วของเขายังลดลงไปอย่างมาก  จึงย้ายกลับมาเล่นให้นิวคาสเซิลในเวลาต่อมา หลังจากอยู่ในมาดริดแค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้น

 

 แม้ตัวเขาจะกลับมาอยู่ในทีมใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อีกครั้ง และคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก กับ ลีกคัพ อย่างละสมัย  แต่ฟอร์มการเล่นในทีมปีศาจแดงของโอเว่นก็ไม่มีทางยอดเยี่ยมเช่นตอนที่เขาเป็นดาวรุ่งขวัญใจ เดอะ ค็อป อยู่วันยังค่ำ

 

 

ริคาร์โด้ กาก้า

 

 

ก่อนหน้า ลูก้า โมดริช, ริคาร์โด้ กาก้า คือนักเตะคนสุดท้ายที่คว้ารางวัลบัลลงดอร์มาครองได้ ก่อนที่คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ จะผลัดจะคว้ารางวัลนี้ไปครองในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา นั่นคงเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้อย่างเพียงพอแล้ว กาก้าเป็นนักเตะที่เก่งกาจแค่ไหน

 

กองกลางหน้าหล่อชาวแซมบ้าก็รักษาฟอร์มการเล่นของตัวเองได้อย่างดีจนสีเสื้อเอซี มิลาน จนกระทั่งในซัมเมอร์ปี 2009 ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ได้สร้างกาลาติกอสเวอร์ชั่น 2.0 ขึ้นมา ด้วยการดึงตัวกาก้ามาพร้อมกับ โรนัลโด้ ในปีเดียวกัน

 

แต่หลังจากนั้น ฟอร์มการเล่นของอดีตเพลย์เมกเกอร์ปีศาจแดงดำก็ไม่เคยกลับมาใกล้เคียงกับฤดูกาล 2006-07 ได้เลย และที่เป็นเช่นนั้น บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาตกอยู่ภายใต้ร่มเงาของแข้งชาวโปรตุเกสก็เป็นได้ ก่อนจะย้ายมาเล่นให้ทีมเก่าอย่าง มิลาน และ เซา เปาโล ในหลายปีต่อมา และประกาศแขวนสตั๊ดกับ โอแลนโด้ ซิตี้ ด้วยวัย 36 ปี เมื่อปี 2017

 

 

วอลเตอร์ ซามูเอล

 

 

ปราการหลังชาวอาร์เจนไตน์ถูกเรอัล มาดริดกระชากตัวมาจาก โรม่า ด้วยค่าตัวราว 25 ล้านยูโร ในปี 2004 หลังโชว์ฟอร์มแกร่งจนถูกคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นเป็นกองหลังอันดับต้นๆในทวีปยุโรป

 

แต่น่าเสียดายที่ความเป็นจริงช่างแตกต่างจากที่หวังไว้อยู่เสมอ ในกรณีของซามูเอลก็เช่นกัน เขาไม่สามารถทำผลงานได้อย่างที่ควรจะเป็น ทั้งที่เขามีประสบการณ์มาแล้วมากมายในตอนนั้น ไม่ว่าลงเล่นให้สโมสรในบ้านเกิดและยุโรปไปกว่า 150 เกม หรือติดทีมชาติอาร์เจนติน่าไปแล้ว 50 นัด

 

หลังอยู่ในถิ่นเบอร์นาเบวได้ปีเดียว ซามูเอลก็ตัดสินใจย้ายกลับไปลีกเก่าอย่างเซเรียอากับ อินเตอร์ มิลาน และกลายเป็นตำนานชุดทริปเปิ้ลแชมป์ในปี 2010 ขณะที่มาดริดทันทีที่เสียซามูเอลไป พวกเขาก็หันไปคว้าว่าที่ตำนานของสโมสรอย่าง เซร์คิโอ้ รามอส จากเซบีย่า มาร่วมทีมแทน

   

 

นิโกล่าส์ อเนลก้า

 

 

นิโกล่าส์ อเนลก้าเข้ามาในทีมอาร์เซน่อลในฐานะนักเตะหนุ่มหน้าใหม่ไร้ประสบการณ์ แต่ภายใต้การคุมทีมของ อาร์เซน เวนเกอร์ ทำให้หัวหอกชาวฝรั่งเศสสามารถทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจในสีเสื้อกันเนอร์ส พร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้ปี 1998

 

ด้วยชื่อเสียงที่โด่งดังเกินตัวของเขาทำให้อาร์เซน่อลต้องเจอกับปัญหา เมื่อพี่ชายของอเนลก้าขู่ว่าน้องชายของเขาจะไม่เล่นให้สโมสร ถ้าไม่ปล่อยให้ย้ายทีม ทำให้ทีมจากลอนดอนเหนือต้องจำใจปล่อยอเนลก้า และยอมรับเงินจากเรอัล มาดริด  23 ล้านปอนด์ในปี 1999 ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็นำเงินนี้ไปคว้าตัว เธียร์รี่ อองรี่ มาแทน

 

ราชันชุดขาวได้นักเตะดาวรุ่งแห่งยุคไปร่วมทีมก็จริง แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าแข้งคนใหม่มีทัศนคติไม่ดีในอาชีพค้าแข้งนัก ผลงานที่ย่ำแย่ในสนาม พร้อมกับปัญหาต่างๆที่ตามมาและสามารถเข้ากับเพื่อนร่วมทีมได้ ทำให้มาดริดประสบชะตากรรมเดียวกับที่อาร์เซน่อลเคยเจอและต้องขายกองหน้าแดนน้ำหอมให้กับปารีส แซงต์ แชร์กแมง แบบขาดทุน ในปีถัดมา

 

 

ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า

 

 

เจ้าของฉายา ‘กระต่ายน้อย’ สร้างชื่อกับริเวอร์เพลท สโมสรในอาร์เจนติน่าบ้านเกิด ก่อนจะย้ายมาร่วมทีมบาร์เซโลน่า ในวัยแค่ 20 ปีเท่านั้น แต่ถึงอย่างเขาก็ยังผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนใครหลายคนมองว่า ซาวิโอล่า จะก้าวขึ้นไปดาวยิงดวงใหม่ของทีมฟ้าขาวในอนาคต

 

หัวหอกร่างเล็กอยู่กับทีมอาซูลกราน่าเต็มๆ 3 ฤดูกาลแรก จากนั้นก็ย้ายไปเล่นทีมอื่นแบบยืมตัวครั้งแรกกับ โมนาโก และ เซบีย่า ในเวลาต่อมา กอ่นที่จะกลับมาอยู่กับยอดทีมแคว้นกาตาลุนย่าอีกหนึ่งฤดูกาลและหมดสัญญากับทีมในปี 2007

 

จู่ๆ เรอัล มาดริด คู่อรตัวฉกาจ ก็คว้าซาวิโอล่าไปร่วมทีมแบบฟรีๆ ด้วยค่าเหนื่อยที่แพงระยับ แต่ทว่าตัวเขากลับไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งได้เหมือนตอนส่วมเสื้อสีเลือดหมู-น้ำเงินเลยแม้แต่น้อย โดยตลอด 2 ปีที่อยู่กับทีม เขายิงประตูไปแค่ 5 ลูกจากการลงเล่น 28 นัดเท่านั้น และเก็บกระเป๋าลาถิ่นซานติอาโก้ เบอร์นาเบวในปี 2009 หลังจากที่คลาส แยน ฮุนเตลาร์ ย้ายเข้ามาไม่นาน

 

 

ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท

 

 

อีกแข้งผลผลิตในทีมเยาวชนของอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม, ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท พาทีมคว้าแชมป์เอเรดิวิซี่ได้ถึง 2 ครั้ง และดัชต์ คัพอีกสมัย  แถมคว้ารางวัลโกลเด่นบอยหรือดาวรุ่งยอดเยี่ยมของยุโรปมาครองได้ในปี 2003

 

กองกลางชาวดัชต์รักษามาตรฐานของตัวเองได้อย่างดีกับทีมใหม่อย่างฮัมบูร์ก ก่อนที่เรอัล มาดริดจะดึงตัวไปร่วมทีมในปี 2008 แต่ทว่าที่นั่น ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงเหมือนเคย และถูกจับดองอยู่บนม้านั่งสำรองบ่อยครั้ง

 

เพื่อนร่วมทีมคนบางคนในมาดริดสามารถกลับไปโชว์ฟอร์มเก่งกับทีมใหม่ได้อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นร็อบเบนกับบาเยิร์น มิวนิค หรือ เวสลี่ย์ ชไนเดอร์ กับอินเตอร์ มิลาน แต่ตัวของฟาน เดอร์ ฟาร์ท เอง กลับทำไม่ได้เช่นเพื่อนร่วมชาติคนอื่นๆ แม้จะดูดีขึ้นในตอนที่ย้ายไปค้าแข้งกับท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ แต่มันก็ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับสมัยที่เขาเป็นดาวรุ่งอยู่ดี

 

 

โจนาธาน วู้ดเกต

 

 

โจนาธาน วู้ดเกตคือหนึ่งในนักเตะหลายๆคนจากสหราชอาณาจักรที่มีโอกาสค้าแข้งกับเรอัล มาดริด แต่ว่าตัวเขาเองไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับ สตีฟ แม็คมานามาน, เดวิด เบ็คแฮม และ แกเร็ธ เบล หรอกนะ

 

อดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษย้ายจากนิวคาสเซิล มาร่วมทีมโลส บลังโกส แบบเซอร์ไพรส์แฟนบอลมาดริดนิสต้าพอสมควร เนื่องจากตัววู้ดเกตเองมีปัญหาอาการบาดเจ็บบ่อยครั้งตั้งแต่อยู่สาลิกาดงแล้ว และในสเปนก็ไม่แตกต่างกันอาการเหล่านั้นทำให้เขาไม่ได้ลงเล่นในฤดูกาลแรกกับทีมเลยซักนัดเดียว

 

ที่แย่ไปกว่านั้นในนัดประเดิมสนามของ วู้ดเกต กลายเป็นจุดเริ่มต้นของฝันร้ายในเบอร์นาเบว หลังเจ้าตัวทำเข้าประตูเองและโดนใบแดงไล่ออกในเกมนั้นพร้อมกัน ตลอด 3 ปีที่นั่น แข้งกระดูกยุงลงเล่นให้ราชันชุดขาวไปแค่ 14 นัดเท่านั้นในทุกรายการ ก่อนจะถูกปล่อยให้มิดเดิ้ลสโบรห์ยืมตัวไปใช้งานในฤดูกาล 2007-08 และขายขาดในปีต่อมา ซึ่งหนึ่งในไม่กี่ทีมที่วู้ดเกตทำให้ผลงานได้ยอดเยี่ยมในอาชีพค้าแข้ง แต่งน่าเสียดายที่อาการบาดเจ็บที่ติดตัวมาก็ทำให้เขาไม่สามารถก้าวขึ้นไปเป็นกองหลังระดับโลกได้เลย