อาร์เตต้าอย่าทำตาม : ย้อนการออกสตาร์ทสุดห่วยของกันเนอร์ส

อาร์เตต้า

มิเกล อาร์เตต้า โดนกดดันอย่างหนักหลังพา อาร์เซน่อล ออกสตาร์ทได้ย่ำแย่ในฤดูกาลนี้ แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในสโมสร และทุกครั้งที่เกิดขึ้นก็จบแบบไม่สวยเช่นกัน

‘ปืนใหญ่’ อาจเป็นสโมสรที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆในเกาะอังกฤษ แต่ปัจจุบันต้องยอมรับว่าความยอดเยี่ยมของพวกเขาห่างไกลจากยุคทองหลายเท่าตัว โดยเฉพาะในยุคที่กุนซือชาวสแปนิช กุมบังเหียน ในฤดูกาลล่าสุดพ่ายไปแล้ว 2 นัดแรกกับ เบรนท์ฟอร์ด น้องใหม่ และ เชลซี ด้วยสกอร์เดียวกัน 2-0

ไม่แปลกที่หลายคนจะมองว่า ‘กันเนอร์ส’ ชุดนี้ออกสตาร์ทฤดูกาลได้ย่ำแย่ที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเห็นมา แต่หากย้อนไปในยุคก่อนหน้านี้ราวๆ 70 ปี ต้องบอกกว่าทีมดังจากลอนดอนเคยทำผลงานน่าผิดหวังยิ่งกว่านี้เยอะ แถมมีบางครั้งที่พวกเขาต้องตกชั้นจากการเริ่มต้นที่ย่ำแย่ด้วย

UFA ARENA จึงพาทุกท่านนั่งไทม์ แมนชีน ย้อนไปดู อาร์เซน่อล ที่ออกสตาร์ทฤดูกาลได้ย่ำแย่ที่สุดจากช่วงเวลาในอดีต 

ปล. ใช้เกณฑ์การวัดผลงานจาก 5 นัดแรก และนับเกมที่ชนะเป็น 3 คะแนน แม้ในยุคนั้นยังใช้การนับแต้มแบบปัจจุบันนี้ก็ตาม

 

เก็บได้ 4 แต้มจาก 5 เกม : หลายหน

มีมากถึง 10 ครั้งที่ อาร์เซน่อล คว้าชัยกับเสมออย่างละครั้งจาก 5 เกมแรกในลีก โดยเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นครั้งล่าสุดในฤดูกาล 2011-12 เมื่อ เชส ฟาเบรกาส ถูกขายให้กับ บาร์เซโลน่า และปล่อย ซามีร์ นาสรี่ ให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพื่อหาเงินมาเคลียร์หนี้สนามใหม่

ปืนใหญ่ เริ่มต้นด้วยการ เสมอกับ นิวคาสเซิล 0-0, พ่ายคาบ้านต่อ ลิเวอร์พูล 2-0, รวมไปถึงโดน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ถล่มแบบหมดสภาพ 8-2

ผลการแข่งขันดังกล่าวทำให้ อาร์เซน เวนเกอร์ คว้า ปาร์ค ชู ยอง, อังเดร ซานโตส, แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ และ พ รี่ ต้ า กุนซือของทีมคนปัจจุบัน ก่อนที่ทีมจะคว้าชัยหนแรกในเกมพบ สวอนซี น้องใหม่ แม้แอบวนลูปเดิม ด้วยการพ่ายต่อ แบล็คเบิร์น แต่ทีมก็ค่อยทำผลงานได้ดีขึ้น หลังเก็บไป 25 แต้มในอีก 10 นัดต่อมา จนเสียงวิจารณ์ต้นซีซั่นค่อยๆหายไป

ส่วนอีก 9 ครั้งที่เหลือล้วนเกิดขึ้นทั้งหมดในศตวรรษที่ 20 ไล่ตั้งแต่ฤดูกาล 1907-08 ในชื่อเก่าอย่าง วูลวิช อาร์เซน่อล ที่พ่ายคาบ้านแก่ บริสตอล ซิตี้ 4-0, ฤดูกาล 1909-10 พ่าย 2 เกมเยือนติดต่อกันให้กับ แอสตัน วิลล่า 5-1 และ มิดเดิ้ลสโบรห์ 5-2 ตามลำดับ จากนั้นในฤดูกาล 1912-13 ที่พ่ายไป 3 จาก 4 เกมแรก แม้ชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ได้ในเกมต่อมา แต่ 18 นัดหลังจากนั้น ‘ปืนใหญ่’ พ่ายไปถึง 15 นัด เสมออีก 3 ส่งผลให้พวกเขาเปลี่ยนจะทีมลุ้นแชมป์เป็นทีมตกชั้นอย่างสมบูรณ์แบบ

หลังมีการเปลี่ยนชื่อ และเลื่อนชั้นขึ้นลีกสูงสุดอีกครั้ง ทีมจากลอนดอนเหนือ ก็เจอกับเหตุการณ์นี้อีกครั้งในฤดูกาล 1922-23 ที่พ่าย ลิเวอร์พูล 5-2, พ่าย เบิร์นลี่ย์ 4-1 และ คาร์ดิฟฟ์ 4-1 จากนั้นในฤดูกาล 1928-29 ก็พ่ายให้กับ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์, ดาร์บี้ และ พอร์ทสมัธ 

ทีมของ จอร์จ อัลลิสัน ในฤดูกาล 1938-39 ดีกรีแชมป์ลีกฤดูกาลก่อน ผิดฟอร์มเล็กน้อยในช่วงแรกๆ ก่อนจบซีซั่นด้วยอันดับ 5 แต่ทีมของเขาในฤดูกาล 1946-47 ก็ย่ำแย่สุดๆ จนหล่นไปรั้งอันดับที่ 21 รองบ๊วย ยังดีที่ทีมทำผลงานดีขึ้นเล็กน้อยจนจบอันดับที่ 13 แต่ก็ไม่สามารถหยุดให้ อัลลิสัน ก้าวลงจากตำแหน่งกุนซือ

จากนั้นเรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้น 2 ครั้งในยุคทีวีสีเริ่มเป็นที่นิยมตามครัวเรือน ฤดูกาล 1973-74 เบอร์ตี้ มี ที่พาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์เมื่อ 2 ปีก่อน แต่ด้วยผลงานช่วงแรกและกลางซีซั่นทำให้ ‘กันเนอร์ส’ จบอันดับกลางตารางแบบช็อกแฟนบอล

แต่อย่างน้อยทีมของ มี ก็ยังชนะในเกมนัดเปิดสนาม เพราะในฤดูกาล 1982-83 เทอร์รี่ นีล คนที่มารับช่วงต่อ พ่ายทั้ง สโต๊ค, ลิเวอร์พูล และ ไบรท์ตัน (ทีมบ๊วยของซีซั่น) บวกกับเสมอ นอริช ก่อนไปกู้หน้าด้วยการชนะ โคเวนทรี่ ในเกมต่อมา

 

เก็บได้ 3 แต้มจาก 5 เกม : 5 ครั้ง

File:Flickr - davehighbury - Greenwich Heritage Centre Arsenal Team 1908-09  Woolwich London (4).jpg - Wikimedia Commons

การออกสตาร์ทย่ำแย่กว่าหัวข้อก่อนก็ยังมี แถมเคยเกิดขึ้นถึง 5 ครั้งด้วย กับการเก็บได้เพียง 3 แต้มจาก 5 เกมแรก โดยปกติแล้วมักเป็นการชนะแค่เกมเดียว และแพ้ไป 4 แต่ก็โชคดีสำหรับ ‘กูนเนอร์ส’ ยุคปัจจุบันเช่นกันที่ไม่มีโอกาสได้พบเห็นเต็ม 2 ตา เนื่องจากมันเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของศตวรรศที่ 20 ซึ่งเป็นยุคที่ชัยชนะยังถูกนับแค่ 2 คะแนน

เริ่มต้นด้วยฤดูกาล 1908-09 ในชื่อเก่าอย่าง วูลวิช อาร์เซน่อล ที่ชนะ เอฟเวอร์ตัน ถึง 4-0 แต่ดันพ่ายให้กับ น็อตต์ เค้าน์ตี้, นิวคาสเซิล และ บริสตอล ซิตี้ จากนั้นอีก 2 ปีต่อมาก็เกิดขึ้นอีกครั้งในฤดูกาล 1910-11 แถมดูห่วยกว่าเดิม เนื่องจากไม่ชนะใครเลยจาก 7 เกมแรกในลีก (เสมอ 4, แพ้ 3)

หลังตกชั้นนและสงครามโลกครั้งที่ 1 อาร์เซน่อล ก็กลับมาเล่นในลีกสูงอีกครั้งในปี 1919 แต่การประเดิมฤดูกาลที่น่าผิดหวังก็ยังเกิดขึ้นในช่วงต้นยุค 1920 กับฤดูกาล 1921-22 ภายใต้การดูแลของ เลสลี่ ไนท์ตัน ที่แพ้ไปถึง 5 จาก 6 เกมแรกในลีก แถมผลงานยังดิ่งไปเรื่อยๆจนยหล่นไปจมบ๊วยในเดือนมีนาคม ก่อนดิ้นรนหนีตกชั้นได้สำเร็จ ขณะที่ฤดูกาล 1923-24 ก็แย่ไม่ต่างกัน ปราชัยไป 4 เกมติด แต่ก็ยังเอาตัวรอดจบอันดันที่ 19 เหนือโซนตกชั้นแค่แต้มเดียว

เฮอร์เบิร์ต แชปแมน เข้ามาช่วยกอบกู้ให้ ‘ปืนใหญ่’ ก้าวขึ้นเป็นแชมป์ลีกอีกครั้ง ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะเกิดขึ่นในปี 1938 หลังช่วงเวลาสงครามสิ้นสุดลงในปี 1945 ทอม วิทเทกเกอร์ ก็พาทีมกลับสู่ลูปนรกอีกครั้งที่พ่ายไป 4 จาก 5 นัดแรก ยังดีที่ทีมสามารถเค้นฟอร์มเก่งได้ด้วยการไม่แพ้ในอีก 12 นัดต่อมา แต่ก็ยังไม่ดีพอที่จะกลับไปลุ้นแชมป์ลีกอีกครั้ง หลังจบอันดับ 6 ในซีซั่นนั้น

 

ห่วยสุดตลอดกาลกับ 2 แต้มจาก 5 เกม

Arsenal win title by 0.099 of a goal | History | News | Arsenal.com

อาร์เซน่อล ในมือ วิทเทกเกอร์ ที่ผงาดคว้าแชมป์ลีกอีกครั้งในปี 1953 กลับสร้างเรื่องน่าประหลาดใจยิ่งกว่ากับผลงานช่วงเริ่มต้นของฤดูกาล 1953-54 ซึ่งหากวัดจากเกณฑ์ 5 นัดแรกที่เรากำหนดขึ้น นี่ถือเป็นการออกสตาร์ทที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรเลยก็ว่าได้

‘ปืนใหญ่’ จั่วหัวด้วยการพ่ายต่อ เวสต์บรอม 0-2 และฟอร์มก็ไม่ฟื้นเท่าไหร่ในเกมต่อๆมา ด้วยการเสมอในบ้านกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์, บุกไปพ่ายพ่าย เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด กับ แอสตัน วิลล่า ตามมาด้วยการปราชัยต่อ วูล์ฟแฮมป์ตัน กับ เชลซี และปิดท้ายด้วยการโดน ซันเดอร์แลนด์ ยำใหญ่ 7-1 ส่งผลให้ทีมจากลอนดอนหล่นไปจมท้ายตารางอย่างช่วยไม่ได้

ปัจจัยหลักๆที่ทำให้ผลงานของทีมตกลงแบบน่าใจหายคือการตัดสินใจขาย เรย์ แดเนี่ยล กองหลังคนสำคัญให้กับ ‘แมวดำ’ ด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 30,000 ปอนด์ ณ ตอนนั้น อีกทั้ง กองหน้าตัวเก่งอย่าง คลิฟฟ์ โฮลตัน ที่ยิงไป 22 ประตู จาก 25 เกมในฤดูกาลก่อน กลับฝืดสนิทยิงเพียง 2 ลูกจาก 6 นัดแรก

อย่างไรก็ตาม กุนซือชาวอังกฤษ ก็เค้นฟอร์มลูกทีมได้สำเร็จในเกมนัดที่ 9 ของฤดูกาลที่เอาชนะ เชลซี และเป็นจุดประกายให้ทีมคว้าชัยอีก 9 เสมอ 2 จาก 12 นัดถัดมาจน ‘ปืนใหญ่’ กระโดดขึ้นมากลางตาราง พร้อมจบอันดับที่ 12 ในปีนั้น

แน่นอนว่าผลงานในปัจจุบันของ อาร์เตต้า ทำให้หลายคนอดนึกฤดูกาลที่ออกสตาร์ทได้ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไม่ได้ แต่ลึกๆก็เชื่อว่า กุนซือชาวสแปนิช คงไม่พยายามเลียนแบบ วิทเทกเกอร์ ด้วยการไม่ชนะใครใน 8 นัดแรกลีกแน่นอน

และหากพาทีมกลับขึ้นมาตารางบนได้หลังจากนี้ก็คงทำให้ ‘กูนเนอร์ส’ ใจชื้นขึ้นมาบ้าง แม้มันจะไม่การันตีอนาคตของเขาว่าจะคุมทีมใน เอมิเรสต์ ได้จนจบฤดูกาลนี้ก็ตาม

 

บทความที่เกี่ยวกับ อาร์เตต้า

จากร้อยเหลือศูนย์ : อาร์เตต้ากับฤดูกาลที่มืดมิดของอาร์เซน่อล