“อาร์เตต้า” จากนักเตะเลือดนักสู้สู่กุนซือป้ายแดง

ในฐานะสาวก “เดอะ กันเนอร์ส” เชื่อเหลือเกินว่าแฟนบอลส่วนใหญ่ รอคอย และอยากเห็นมากๆ ว่า อาร์เซนอล ยุคใหม่ภายใต้กุนซือป้ายแดงอย่าง มิเกล อาร์เตต้า

 

นักเตะ 11 คนแรกจะมีใครบ้าง ทีมจะเล่นในระบบอะไร จะมีสไตล์การเล่นแบบไหน ด้วยเวลาเพียง 3-4 วันเขาจะแก้ปัญหาทีมเบื้องต้นอย่างไร และก้าวแรกในฐานะกุนซือจะ “หมู่” หรือ “จ่า” บอร์นมัธ จะเป็นคำตอบให้ในวันพฤหัสบดีนี้

 

ในวัย 37 ปี อาร์เตต้า อาจจะเป็นกุนซือไร้ประสบการณ์ที่ไม่มีโปรไฟล์คุมทีมใดๆ มาก่อน ทว่าหากย้อนไปดูเส้นทางชีวิตของเขา นับเป็นหนึ่งในนักเตะที่ต้อง “ต่อสู้” มาตลอด ชนิดที่จริงๆ แล้วไม่ควรมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพเลยด้วยซ้ำ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ arteta surgery

มีปัญหาโรคหัวใจ

 

หนุ่มน้อยที่เกิดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 1982 ใกล้ชายฝั่งของเมืองซาน เซบาสเตียน ในประเทศสเปน พร้อมมีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับเลือดในหัวใจที่ไม่สะอาดพอ และต้องเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉินซึ่งมีแพทย์เพียงไม่กี่คนที่ความรู้ในเคสนี้

 

“ผมเชื่อว่าผมคือคนแรกในสเปน ที่ได้รับการผ่าตัดเฉพาะทาง และหมอบอกว่าผมไม่มีโอกาสที่จะทำกิจกรรมกีฬาเลยด้วยซ้ำ” อาร์เตต้า กล่าว

 

อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวแทบไม่เป็นอุปสรรคต่อความหลงใหลในกีฬาฟุตบอลของเจ้าตัวเลย แม้กระทั่งพ่อและแม่ก็ไม่อาจห้ามได้ และได้ไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญว่าจะมีความเสี่ยงมากแค่ไหน หากลูกชายจะเล่นกีฬาประเภทนี้อย่างจริงจัง

 

“พวกเขากลัวว่าจะมีบางสิ่งที่แย่เกิดขึ้นกับผมในวันหนึ่งที่อยู่ในสนาม อย่างไรก็ตามหัวใจของผมแข็งแกร่งขึ้นในทุกๆ ปีจนกระทั่งมันไม่เป็นอุปสรรคอีกเลย” เจ้าตัวกล่าวเสริม

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ arteta alonso

ฉายแววยอดนักเตะ

 

ในวัย 8 ปี อาร์เตต้า เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังหลังเข้าไปเล่นในทีมเยาวชนของ อันติกูโอโค่ ทีมท้องถิ่นในเมืองซาน เซบาสเตียน ซึ่งที่สโมสรนี้เจ้าตัวได้เล่นร่วมกับ ชาบี้ อลอนโซ่ เพื่อนของเขาที่ในอนาคตกลายเป็นหนึ่งในกองกลางระดับตำนานของทีมชาติสเปน

 

ภายใต้การเล่นร่วมกันในแผงมิดฟิลด์ของทั้งคู่เป็นที่ประทับใจของแฟนบอล ทั้งคู่คุมจังหวะเกมได้ดี มีการจ่ายบอลที่แม่นยำทั้งใกล้และไกล พาทีมคว้าแชมป์ระดับทัวร์นาเมนต์ ก่อนที่ บาร์เซโลน่า จะมาดึงตัว อาร์เตต้า ไปร่วมทีม ขณะที่ อลอนโซ่ ได้ย้ายไป เรอัล โซเซียดัด

 

อย่างไรก็ตามกราฟชีวิตของหนุ่มน้อยจากแคว้นบาสก์ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่คิด การย้ายมาอยู่กับทีมใหญ่อย่าง บาร์ซ่า อาจทำให้เขาก้าวไปติดทีมชาติสเปน ระดับเยาวชนแทบทุกชุด

 

ทว่าสุดท้ายด้วยกระดูกชิ้นโตที่ขวางอยู่ไม่ว่าจะเป็น ฟิลิปป์ โคคู, เอ็มมานูเอล เปอตีต์, อิบัน เด ลา เปญ่า, เคราร์ด โลเปซ, ชาบี้ เอร์นานเดซ รวมถึง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทำให้เจ้าตัวไม่มีโอกาสในทีมชุดใหญ่เลยแม้แต่นัดเดียว ก่อนถูกปล่อยตัวให้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยืมใช้งาน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ arteta psg

ก้าวสู่นักบอลอาชีพ

 

ที่ ปาร์ค เดส์ แพรงซ์ คือจุดเริ่มต้นอาชีพลูกหนังอย่างแท้จริงของ อาร์เตต้า ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ เฟรนานเดซ เจ้าตัวคือเพลย์เมกเกอร์ตัวหลัก ในช่วงสัญญายืมตัว 1 ปีครึ่ง อาร์เตต้า ในวัย 18-19 ปีได้ลงสนามมากถึง 53 นัดและทำได้ถึง 4 ประตู

 

จริงๆ แล้ว เปแอสเช อยากจะเซ็นเจ้าตัวมาร่วมทีมถาวร ทว่าการปาดหน้าของ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ที่ยอมทุ่มเงินถึง 6 ล้านปอนด์ ทำให้เส้นทางชีวิตของ อาร์เตต้า ต้องพเนจรอีกครั้ง แต่ทุกอย่างดูเหมือนเป็นการตัดสินใจที่ดี เพราะเจ้าตัวได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอและพาต้นสังกัดคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ในปีแรกทันที

 

ปี 2004 กราฟชีวิตก็ลงเท้าเจ้าตัวอีกครั้ง งานนี้ย้ายกลับมาเล่นให้ทีมบ้านเกิด เรอัล โซเซียดัด โดยหมายมั่นปั่นมือว่าจะกลับมาจอยเพื่อนเก่า ชาบี้ อลอนโซ่ ทว่าความฝันก็พังทลายเพราะกองกลางมาดคุณชาย เลือกย้ายสวนทางไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล แทน

 

การเล่นในประเทศแม่ของตัวเองดูเหมือนจะเป็นเส้นขนานกับความสำเร็จ อาร์เตต้า มีฤดูกาลที่ย่ำแย่ ได้เล่นเพียง 15 นัด และอยู่ได้เพียงปีเดียวก็ต้องย้ายทีม โดยหนนี้เป็น เดวิด มอยส์ ที่ดึงตัวไปชุบเลี้ยง โดยหวังให้แทนที่ โธมัส กราเวอร์เซ่น สตาร์ของทีมที่ย้ายมา เรอัล มาดริด

Mikel Arteta had his breakthrough as football player at Everton.

จุดพีกกับพรีเมียร์ลีก

 

เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้งทั้งๆ ที่ใจจริงอยากเล่นในทีมเดียวกับเพื่อนรักอย่าง ชาบี้ อลอนโซ่ แต่สุดท้ายหวยดันออกตรงกันข้าม นอกจากจะอยู่คนละทีม ที่สำคัญดันเป็นอริร่วมเมืองที่ต้องดวลแข้งในเกม “เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้” ที่สุดคลาสสิกแทน

 

ในยูนิฟอร์มสีน้ำเงิน อาร์เตต้า คือตัวหลักที่ทีมขาดไม่ได้ แม้จะไม่ได้เด่นมีลูกโขกที่ทรงพลังเหมือน ทิม เคฮิลล์ แต่เจ้าตัวก็ไม่ต่างจากฟันเฟืองชิ้นสำคัญ ที่คอยคุมจังหวะ เดินเกม ยิงไกล ลูกนิ่ง ครบเครื่องทุกอย่างที่มิดฟิลด์ต้องมี เล่นดีจัดชนิดที่ เอฟเวอร์ตัน จบอันดับ 4 ได้เล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

 

อาร์เตต้า ที่ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของ “ทอฟฟี่บลูส์” ถึง 2 สมัย เลือกย้ายมาเล่นให้กับ อาร์เซนอล ในช่วงท้ายของอาชีพเพื่อโอกาสในการประสบความสำเร็จที่มากกว่าเดิม ซึ่งเจ้าตัวก็มี 2 แชมป์เอฟเอ คัพ และ 2 แชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์ เป็นของขวัญอำลาสนามเมื่อปี 2016

Mikel Arteta made known his management aspirations by persistently interfering in decision making at Arsenal.

เบี่ยงเป้าสู่งานกุนซือ

 

การทำงานกับ อาร์แซน เวนเกอร์ เพื่อนๆ ในทีมตั้งฉายาให้เจ้าตัวว่า “โค้ช” เพราะชอบแสดงความคิดเห็น หรือให้คำแนะนำอยู่ตลอดเวลา นักเตะ “ปืนใหญ่” มองเห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะก้าวเป็นผู้จัดการทีมของ อาร์เตต้า และตรงนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็มองเห็นเช่นกันก่อนถึงไปเป็นมือขวาถึง 3 ปี

 

เรื่องราวของ อาร์เซนอล กับ อาร์เตต้า ไม่ต่างจากพรหมลิขิต เจ้าตัวเคยถูกวางเป็นตัวแทนของข้งเบ้งจากแดนน้ำหอมที่สละเก้าอี้ที่ครองมานานกว่า 20 ปีในปี 2018 แม้ตอนนั้นแผนเสนองานของ อูไน เอเมรี่ จะเข้าตามากกว่าก็ตาม

 

แต่เนื้อคู่สักวันก็ต้องได้รักกัน ในวันที่ “ปืนใหญ่” กำลังวิกฤติหนัก ผลงานในฤดูกาลนี้เข้าขั้นแย่ มันถึงเวลาที่พระเอกต้องกลับมาช่วยนางเอกเหมือนดั่งในละคร แต่งานนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าจะจบแบบโรแมนติก หรือดึงดราม่าให้อาการหนักกว่าเดิม

 

แต่ที่แน่ๆ การผจญภัยบทใหม่ของนักสู่ที่ชื่อ มิเกล อาร์เตต้า ในฐานะผู้จัดการทีมเต็มตัว มันเริ่มต้นขึ้นแล้ว และเรื่องนี้น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งเลยครับคุณผู้ชม