อีกหนึ่งทางเลือก : เทียบฟอร์ม อเล็กซ์ เตลเลส กับแบ็คซ้ายปีศาจแดงฤดูกาล 2019-20

 

หลังจากพลาดตัว เซร์คิโอ้ เรกูล่อน ที่ย้ายไป  ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้รับรายงานจากสื่อต่างๆว่าเตรียมเบนเข็มหันไปล่า อเล็กซ์ เตลเลส จากปอร์โต้ เพื่อเสริมหลังบ้านในซัมเมอร์นี้

 

จากรายงานของ RMC Sport ระบุว่า แบ็คซ้ายชาวบราซิลเลี่ยน ตกลงเงื่อนไขส่วนตัวได้แล้ว และจะเซ็นสัญญาระยะยาวกับ ปีศาจแดง ด้วยค่าตัว 18 ล้านปอนด์ และถึงแม้เจ้าตัวจะออกมาปฏิเสธพูดถึงข่าวนี้ แต่ เซร์จิโอ้ คอนเซยเซา กุนซือของปอร์โต้ ก็ยอมรับว่า เตลเลส อาจลาทีมจริง

 

ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอเทียบฟอร์มการเล่นของ เตลเลส ในไพรเมร่า ลีก้า ฤดูกาลที่ผ่านมากับ แบ็คซ้ายชุดปัจจุบันของยูไนเต็ด อย่าง ลุค ชอว์ และ แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ ว่าจะดีแย่แตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน

 

 

สุดปังกับการยิงหรือแอสซิสต์

 

 

การมีส่วนร่วมในการทำประตูได้ ย่อมเป็นโบนัสพิเศษสำหรับผู้เล่นตำแหน่งแบ็คซ้ายอยู่แล้ว และ เตลเลส ก็ทำผลงานได้โดดเด่นมากยามขึ้นไปเล่นเกมรุกให้ ปอร์โต้

 

แข้งวัย 27 ปี กดไป 11 ตุงกับ 8 แอสซิสต์ ในลีกสูงสุดโปรตุเกสฤดูกาล 2019-20 ซึ่งมีส่วนร่วมกับประตูทุกๆ 134.6 นาที

 

เมื่อเปรียบเทียบแล้ว วิลเลี่ยมส์ ทำได้ 1 ประตูจากการลงเล่นในลีก 17 นัด ขณะที่ ชอว์ ไม่สามารถยิงหรือจ่ายได้เลยจากการลงเล่น 1,764 นาทีในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลก่อน

 

 

สูสีในการเล่นเกมรุก

 

 

สถิติที่ยิงไป 11 ประตู คงไม่น่าแปลกใจนัก หากพบว่า เตลเลส มีค่าเฉลี่ยยิง 1.4 ครั้งต่อ 90 นาทีใน ไพรเมร่า ลีก้า

 

ทางด้าน แบ็คซ้ายปีศาจแดง ดูลังเลกับการสับไกหน้ากรอบเขตโทษพอสมควร ทั้ง ชอว์ และ วิลเลี่ยมที่มีค่าเฉลี่ยยิงประตูเพียง 0.6 และ 0.5 ต่อเกมตามลำดับ

 

อย่างไรก็ตาม วิลเลี่ยมส์ ขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งในด้านการเลี้ยงบอล เมื่อเลี้ยงบอลสำเร็จ 1.4 ครั้งต่อเกม และมีค่าเฉลี่ยความสำเร็จที่ 70%

 

ชอว์ ตามมาไม่ห่างนักที่ 1.1 ครั้งต่อเกม โดยมีค่าความสำเร็จที่ 68.7% และ เตลเลส รั้งท้ายสุดในด้านนี้ เมื่อเลี้ยงบอลสำเร็จเพียง 0.7 ครั้งต่อเกม รวมถึงเปอร์เซนต์ความสำเร็จที่ทำได้แค่ 58.3% เท่านั้้น

 

ส่วนการเรียกฟาวล์ วิลเลี่ยมส์ ยังคงรั้งเบอร์หนึ่งที่ 1.3 ครั้งต่อ 90 นาที เหนือกว่าทั้ง เตลเลส (0.9) และ ชอว์ (0.5)

 

 

สร้างโอกาสได้แจ่มกว่า

 

 

ด้วยการ เตลเลส มีส่วนร่วมกับเกมรุกค่อนข้างบ่อยกับ ปอร์โต้ ทำให้มีสถิติการจ่ายบอลสูงกว่า 2 แบ็คซ้ายของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ค่อนข้างชัดเจน ทั้งการสร้างโอกาสที่มีค่าเฉลี่ย 2.0 ครั้งต่อเกมในฤดูกาลก่อน เหนือกว่า วิลเลี่ยม (1.2) และ ชอว์ (1.0)

 

ด้านการครอสบอลจากด้านข้าง แบ็คจาปอร์โต้ก็ทำได้กว่า โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.3 ครั้งต่อเกม แตกต่างจาก ชอว์ และ วิลเลี่ยมส์ ที่ทำได้เพียง 0.4 และ 0.2 ตามลำดับ

 

อย่างไรก็ดี แม้จะแข้งทีมชาติบราซิล จะมีเปอร์เซนต์จ่ายบอลแม่นยำถึง 80.5% แต่เขาก็เป็นรองทั้ง ชอว์ ที่ทำได้สูงถึง 87.4% หรือ วิลเลี่ยมส์ ที่ทำได้เฉลี่ย 84.6%

 

 

เกมรับเด่นน้อยสุด

 

 

ขณะที่ฟูลแบ็คยุคใหม่ถูกคาดหวังให้ขึ้นสนับสนุนผู้เล่นตัวรุก กุนซืออีกหลายคนก็ต้องการให้พวกเขาลงไปช่วยเกมรับด้วย และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาก็เป็นหนึ่งในกุนซือเหล่านั้นเช่นกัน

 

เตลเลส มีค่าเฉลี่ยเข้าปะทะที่ 1.2 ครั้งต่อ 90 นาทีในฤดูกาลก่อน แต่ วิลเลี่ยมส์ (1.9) และ ชอว์ (1.8) ก็มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าชัดเจน

 

แต่ในด้านการแย่งบอล แนวรับจากปอร์โต้ ทำได้โดดเด่นกว่ามาก โดยมีค่าเฉลี่ยที่ 2.0 ครั้ง เหนือกว่าทั้ง วิลเลี่ยมส์ (1.3) และ ชอว์ (1.2)

 

ในแง่ของการเคลียร์ลูกอันตราย ชอว์ นำมาเป็นที่ 1 ที่ 2.6 ครั้งต่อเกม เตลเลส ตามมาเป็นที่ 2 ด้วยค่าเฉลี่ย 1.4 ครั้ง และ วิลเลี่ยมส์ รั้งท้ายสุดที่ 1.3 ครั้ง

 

 

วิเคราะห์โอกาสเป็นตัวหลักหากย้ายมาจริง

 

 

แน่นอนว่าการมาของ เตลเลส จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมรุกของ แมนยูไนเต็ด ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากเขามีจุดเด่นในด้านนี้ตามสไตล์นักเตะแซมบ้า อีกทั้ง ชอว์ กับ วิลเลี่ยมส์ ก็มีส่วนกับการเล่นเกมรุกค่อนข้างธรรมดาจนแทบไม่ได้สร้างหนักใจหรือปัญหาให้แนวรับคู่แข่งเลย ยามขึ้นมาเล่นเกมบุก

 

แต่ในขณะเดียวกัน เตลเลส ก็มีจุดด้อยในด้านเกมรับเมื่อเทียบกับ 2 แบ็คซ้ายปีศาจแดง ที่ดูเหนี่ยวแน่นกว่าในการป้องกันโดยรวม และเป็นรองแข้งชาวบราซิลเลี่ยน เพียงการแย่งบอลเท่านั้น

 

คำถามคือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ต้องการเน้นการเล่นรุกหรือรับมากกว่ากัน ซึ่งถ้าเป็นอย่างแรก เตลเลส น่าจะตอบโจทย์ได้ดีมากกว่า แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง เขาก็อาจเลือกใช้งาน 2 แบ็คหน้าเก่าก่อนเพื่อเน้นความเหนี่ยวแน่นหรือผลการแข่งขัน

 

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการมาของ เตลเลส จะส่งผลดีต่อยูไนเต็ดแน่นอน เพราะนอกจากจะเพิ่มตัวเลือกแบ็คซ้ายแล้ว ตำแหน่งนี้จะกลับมาดุเดือดอีกครั้ง หลังไม่มีการแข่งขันกันมาพักใหญ่ และด้วยตำแหน่งตัวจริงที่มีเพียง 1 เดียวจะทำให้ผู้เล่นทั้ง 3 คน พยายามโชว์ฟอร์มเด่นเพื่อเอาชนะใจกุนซือชาวนอร์เวย์ให้ได้