https://twitter.com/footballGodzila/status/1391085598744584194?s=20

 

 

วันฝันร้ายของ เซร์คิโอ “กุน” อเกวโร่ อย่างแท้จริง เมื่อได้โอกาสทองจากจุดโทษ ก่อนพยายามยิงแบบ ปาเนนก้า แต่ เอดูอาร์ด เมนดี้ ไม่หลงทางเซฟได้ กลายเป็นลูกยิงขนม ปาปริก้าไปซะงั้น  ทำให้ ซิตี้ ยังต้องเลื่อนเวลาฉลองแชมป์ออกไปอีกสัปดาห์

 

 

ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่บิ๊กแมตช์ ประจำวันเสาร์ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดสนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม ดวลกับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ซึ่งจะเป็นการเจอกันก่อนจะดวลกันอีกครั้งในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ

 

 

เริ่มเกมมาช่วง 20 นาทีแรก รูปเกมยังดูสูสี และเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีโอกาสลุ้นทำประตูมากกว่าแต่ยังยิงเข้ากรอบไม่ได้

 

 

นาที 31 เชลซี เกือบได้ประตูเมื่อ รีช เจมส์ จ่ายบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ ติโม แวร์เนอร์ ยิงแบบไม่จับเข้าไป แต่ผู้ตัดสินให้เป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อนแล้ว อีก 3 นาที ซิตี้ ได้ลุ้นบ้างเมื่อ ราฮีม สเตอร์ลิง ได้โอกาสซัดในกรอบเขตโทษ แต่บอลยังเบาเข้าซอง เอดูอาร์ด เมนดี้

 

 

เข้าสู่ช่วงท้ายเกม สิงห์บูล์ส ได้ลุ้นอีกครั้งจากลูกยิงด้วยซ้ายของ ฮาคิม ซิเยค หน้ากรอบเขตโทษ แต่ เอแดร์ซอน ยังพุ่งปัดไปได้

 

 

จนกระทั่งนาที 44 แมนฯซิตี้ มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จนได้ เมื่อ รูเบน ดิอาส เปิดบอลยาวเข้ามาหน้ากรอบเขตโทษ อันเดรีนส คริสเตียนเซ่น สกัดบอลพลาดมาเข้าทาง กาเบรียล เฆซุส ได้หลุดก่อนจ่ายมาให้ เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่ยืนโล่งๆ แต่เจ้าตัวจับบอลไม่ดีมาเข้าทางปืน ราฮีม สเตอร์ลิง ยิงเน้นๆเข้าไปไม่มีเหลือ

 

 

เท่านั้นไม่พอในช่วงทดเจ็บ เชลซี มาเสียจุดโทษอีก เมื่อ บิลลี่ กิลมัวร์ ไปทำฟาลว์ เฆซุส ในกรอบเขตโทษ และเป็น อเกวโร่ ที่รับหน้าที่สังหารด้วยการพยายามเหนือชั้นยิงปาเนนก้ากลางประตู แต่ เมนดี้ ไม่หลงรบเข้าซองสบาย ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเป่านกหวีดจบครึ่งแรก ซิตี้ นำ เชลซี 1-0

 

 

ครึ่งหลังเกมดูเนือยๆ ผ่านมาครบชั่วโมง ทีมเยือนได้ลุ้นเมื่อ คริสเตียน พูลิซิช ได้บอลหน้ากรอบเขตโทษโยกหลอก นาธาน อาเก้ และยิงแต่บอลยังหลุดเสาสองออกไป

 

และในที่สุดหลังจากที่ สิงห์บูล์ส บดมานานในครึ่งหลัง ก็มายิงประตูตีเสมอ 1-1 จนได้ เมื่อ โรดรี้ เสียบอลกลางวสนาม ก่อนที่ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า แตะบอลมาหน้ากรอบเขตโทษ ซิเยค ยิงด้วยซ้ายบอลเรียด เสียบเสาแรกเข้าไปอย่างเฉียบขาด

 

 

นาที 70 แมนฯซิตี้ แก้เกมเปลี่ยนสองคนเอา อเกวโร่ กับ เฟร์ราน ตอร์เรส ออก และส่ง ฟิล โฟเด้น กับ อิลกาย กุนโดกาน ลงมาแทน

 

 

เข้าสู่ช่วงท้ายเกมกลายเป็น เชลซี ที่เล่นได้ดีกว่าและส่งบอลเข้าก้นตาข่ายถึงสองครั้ง แต่ปรากฏว่าว่าทั้งลูกยิงของ แวร์เนอร์ และ โอดอย นั้นเป็นลูกล้ำหน้าทั้งคู่

 

จนกระทั่งในช่วงทดเจ็บนาที 92 กลายเป็น เชลซี ที่มาได้ประตูชัย 2-1 เมื่อ แวร์เนอร์ ได้บอลในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนตวัดเข้ากลางให้ มาร์กอส อลอนโซ่ ยิงด้วยขวาย้อยเข้าประตูไปเลย

 

ช่วงเวลาที่เหลือแม้ ซิตี้ จะกลับมาเปิดเกมบุกเต็มที่แต่ยังทำประตูชัยไม่ได้  จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้ เชลซี คาบ้าน 1-2 ทำให้เวลานี้ ซิตี้ มีแต้มห่าง แมนฯยูไนเต็ด เป็น 13 คะแนนเท่าเดิม และเหลือโปรแกรมอีก 3 นัดสุดท้ายแต่ยังไม่ได้แชมป์ เพราะ ยูไนเต็ด ยังเหลือโปรแกรมอีก 5 นัดนั่นเอง ส่วนเชลซี ท็อปโฟร์สดใสแซง เลสเตอร์ ขึ้นเป็นอันดับ 3 แล้ว

 

 

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนาม

แมนฯ ซิตี้ : เอแดร์ซอน, ชูเอา คานเซโล, รูเบน ดิอาส, อายเมอริก ลาปอร์กต์, นาธาน อาเก้, เบนฌาแม็ง เมนดี้, โรดรี้, เฟร์รัน ตอร์เรส, กาเบรียล เชซุส, ราฮีม สเตอร์ลิง, เซร์คิโอ อเกวโร่

 

เชลซี : เอดูอาร์ เมนดี้, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, รีซ เจมส์, บิลลี่ กิลมอร์, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาร์กอส อลอนโซ่, ฮาคิม ซิเย็ช, คริสเตียน พูลิซิช, ติโม แวร์เนอร์