ฮิโรกิ อาเบะ : ซามูไรคนใหม่ในทีมต่างดาว

กลายเป็นข่าวใหญ่ในวงการลูกหนังเอเชีย หลัง คาชิม่า แอนท์เลอร์ส ทีมดังในศึกเจลีก ญี่ปุ่น แถลงปล่อยตัว ฮิโรกิ อาเบะ แนวรุกอนาคตไกลทีมชาติญี่ปุ่น ย้ายไปร่วมทีมบาร์เซโลนา อย่างเป็นทางการ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

 

นี่ถือเป็นเรื่องราวที่แฟนบอลทั่วโลกให้ความสนใจไม่แพ้แข้งดังคนอื่นๆ โดยก่อนหน้าไม่ถึงเดือน ผู้คนได้ฮือฮากันยกใหญ่ เมื่อ เรอัล มาดริด ทีมอริของบาร์ซ่า คว้าตัว ทาเคฟุสะ คูโบะ ดาวรุ่งเพื่อนร่วมชาติของอาเบะ จาก เอฟซี โตเกียว มาร่วมทีมด้วยสัญญายาวถึง 5 ปี 

 

แม้หลายคนอาจจะจดจำฝีเท้าของเพลย์เมกเกอร์วัย 20 ปีได้อยู่บ้าง ไม่ว่าตอนที่เล่น เจลีก, สโมสรโลกกับ คาชิม่า แอนท์เลอร์ส หรือ กับทัพซามูไรบลูในโคปา อเมริกา ปีล่าสุดที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่คงไม่รู้จักที่มีที่ไปของ อาเบะ ซักเท่าไหร่

 

ทาง UFA ARENA จึงขออาสาพาแฟนบอลทุกท่านไปทำความรู้จักกับแข้งดาวรุ่งแดนปลาดิบคนนี้กันซักหน่อย พร้อมกับบอกเล่าช่วงเวลาสำคัญในอาชีพค้าแข้งก่อนย้ายไปอยู่กับยอดทีมแห่งแคว้นกาตาลุนย่า 

 

แข้งขาสั้นสุดโนเนม

 

 

แรกเริ่มเดิมที ตัวของ ฮิโรกิ อาเบะ ก็หลงใหลในกีฬาฟุตบอลไม่ต่างจากเด็กทั่วๆไปในแดนอาทิตย์อุทัย โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากพี่ชายของเขา ตั้งแต่สมัยประถม โดยได้อยู่กับทีมโรงเรียน โจโฮคุ อาซูกะ เอฟซี ซึ่งเขาเป็นเพื่อนร่วมห้องกับ มาโกโต้  โอกาซากิ กองหลังดาวรุ่งของเอฟซี โตเกียว พร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์มาได้ด้วย   

 

เพียงแต่ว่าชื่อเสียงของเขาไม่ได้โด่งดังอะไร ยามลงเล่นให้ทีมโรงเรียนในรายการนั้น ที่แย่ไปกว่านั้น เด็กหนุ่มจากโตเกียวต้องเห็น โอกาซากิ เข้าไปอยู่กับทีมเยาวชนของ เอฟซี โตเกียว ขณะที่ตัวเองกลับไม่ได้รับโอกาสทองเหมือนเพื่อนร่วมห้อง

 

ไม่ ผมไม่รับโอกาสนั้น เพราะผมเข้าใจดีว่าผมยังไม่ถึงขั้น มันไม่ใช่ระดับที่จะผ่านการคัดตัวเลย ไม่ว่าใครดูอยู่ก็ตาม” แข้งวัย 20 ปี ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนั้นกับ บุนชุน สื่อดังในบ้านเกิด

 

แม้ว่าจะมีความมุ่งมั่นมากเพียงใด แต่ตัวเขาก็ยังเป็นนักเตะวัยเรียนที่ไร้ชื่อเสียง ไม่ต่างจากตอนเล่นให้สมัยประถมเท่าไหร่ 

 

พอมาในชั้นมัธยมปลาย อาเบะ ต้องการจะทุ่มเทให้กับทางนี้อย่างจริงจัง จึงย้ายมาอยู่กับ โรงเรียนมัธยมปลายเซโตอุจิ ในเมืองฮิโรชิม่า และต้องทะเลาะกับครอบครัวยกใหญ่เพราะการย้ายที่เรียนครั้งนี้ เนื่องจากตัวเขาต้องการย้ายมาอยู่หอพักของโรงเรียนนั่นเอง

 

อย่างไรก็ตาม อาเบะ ก็ให้สัมภาษณ์ว่าบุนชุน ตัวเขาเริ่มมีเป้าหมายเป็นนักฟุตบอลาชีพอย่างจริงจัง เมื่อตอนอยู่มอปลายปี 2 โน้น แม้จะยังไม่มั่นใจนักว่าจะทำได้อย่างที่หวังหรือเปล่า กับตลอด 3 ปีที่ เซโตอุจิ แห่งนี้  

 

 

แต่การย้ายมาอยู่ตัวคนเดียวกลับทำให้เขามีจิตใจที่แข็งแกร่งขึ้น พร้อมจะพาทีมเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ในการแข่งขันระดับประเทศ เมื่อปี 2016 พร้อมกับคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นต์ด้วย หลังยิงไป 3 ประตู 

 

ซึ่งในตอนนั้น อาเบะอยู่มัธยมปลายปีสุดท้าย ก็เตรียมใจไว้แล้ว หากตนเองไม่ได้รับสัญญาอาชีพจากสโมสรฟุตบอลในเจลีก เขาคงต้องบอกลากีฬาที่ตัวเองรักและหันไปทุ่มเทให้กับการเรียนในมหาวิทยาลัยอย่างเต็มที่แทน

 

ดูเหมือนว่าสวรรค์ยังเป็นใจให้อาเบะ เมื่อคาชิม่า แอนท์เลอร์ส ได้มอบสัญญาให้และประกาศคว้าตัวไปร่วมทีมอย่างเป็นการเมื่อวันที่ 24 กันยายนปี 2016  

 

 

สุดปังกับคาชิม่า 

 

 

อาเบะได้ลงเล่นฟุตบอลอาชีพนัดแรกอย่างเป็นทางการในปี 2017 โดยพบกับ โอมิยะ อาร์ดิย่า ในนัดที่ 5 ของเจลีกวัน ก่อนจะยิงประตูแรกให้แอนท์เลอร์สในเกมที่เอาชนะ เวนท์ฟอเรท โกฟุ ไป 3-0 ในปีฤดูกาลเดียว 

 

โดยรวมแล้วปีแรกของเขากับในลีกสูงสุดแดนปลาดิบถือว่าพอใช้ได้ หลังได้ลงเล่นไปทั้งหมด 17 นัดในทุกรายการ ยิงประตูไปทั้งหมด 4 ลูก แต่ใครจะไปคาดคิดว่าเด็กวัย 18 ย่าง 19 ปีจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักได้ในเวลาไม่ถึง 2 ปี

 

เพลย์เมกเกอร์ดาวรุ่งของ กวางเขาหล็ก ทำผลงานในสนามได้ดีเกินความคาดหมายด้วยการทำไป 2 ประตู 1 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 22 นัด (ตัวจริง 13 นัด, สำรอง 9 นัด) และด้วยผลงานที่โดดเด่นเกินเพื่อนร่วมรุ่นคนไหนๆ ทำให้อาเบะคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมเจลีก 2018 ไปครองอย่างงดงาม

 

มากไปกว่านั้น เขายังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ คาชิม่า แอนท์เลอร์ส คว้าแชมป์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีกมาครองเป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร หลังเอาชนะ เปอร์เซโปลิส ยอดทีมจากอิหร่านไปด้วยสกอร์รวม 2-0 เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

 

ด้วยฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมทำให้ สโมสรตัดสินใจเปลี่ยนหมายเลขเสื้อของอาเบะ จากเบอร์ 30 มาเป็นเบอร์ 10 ในฤดูกาล 2019 และแข้งวัย 20 ปีก็ยังทำผลงานได้ดีไม่มีตก หลังลงสนามไปแล้ว 25 นัดทุกรายการ ยิงไป 2 ประตู และ แอสซิสต์ไป 2 ลูก แต่ผลงานในประเทศหรือทวีปอย่างเดียวคงไม่เพียงพอที่จะดึงความสนใจจากทีมระดับบาร์เซโลน่าได้อย่างแน่นอน 

 

 

ฉายแววให้โลกประจักษ์

 

 

หลายคนอาจจะได้เห็นฝีเท้าของ อาเบะแบบเต็มๆตาครั้งแรกในศึกชิงแชมป์สโมสรโลกเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา แต่ทว่าหลายเดือนก่อนหน้านั้น เขาเคยทำให้ทีมจากยุโรปต้องตกตะลึงกับฝีเท้าของเขาไม่น้อย

 

ในช่วงจบครึ่งฤดูกาลแรก เจลีกจะมีรายการแข่งขันอุ่นเครื่อง โดยใช้ชื่อว่า เจลีก เวิล์ด ชาแลนจ์ (J-League World Challenge) ซึ่งเป็นการเชิญสโมสรดังๆจากในยุโรปมาร่วมแข่งขัน และเพิ่งจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2017 นี่เอง

 

สำหรับปีแรก มีเซบีย่า และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ถูกเชิญเข้าร่วมการแข่งขัน พร้อมด้วย 2 ตัวแทนจากญี่ปุ่นอย่าง คาชิม่า แอนท์เลอร์ส (แชมป์เจลีก 2016) และ อูราวะ เร้ด ไดมอนด์ส (แชมป์เจลีกคัพ 2016)

 

แม้จะเป็นทีมที่ใหญ่กว่ามาก แต่ตัวแทนจากสเปนกลับโดนทีมจากแดนปลาดิบเล่นงานจนหมดสภาพและแพ้กลับไป 2-0 ซึ่งอาเบะในวัย 19 ปี ณ ตอนนั้น โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมกับคว้ารางวัลแมนออฟเดอะแมตช์ไปครอง ซึ่งหลังเกมวันนั้น เซร์คิโอ้ เอสคูเดโร่ แบ็คซ้ายเซบีย่า ได้กล่าวชื่นชมดาวรุ่งแดนปลาดิบคนนี้ยกใหญ่

 

ผ่านไปอีก 1 ปีกับอีก 6 เดือนกว่า กวางเขาเหล็กคว้าแชมป์เอเชียได้หมาดๆ ต้องเป็นตัวแทนของทวีปไปสู้ศึกชิงแชมป์สโมสรโลกที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในปี 2018 ซึ่งในรอบ 2 ของรายการนั้น พวกเขาสามารถเอาชนะ ซีดี กวาดาลาฮารา สโมสรดังจากเม็กซิโกไป 3-2 โดยได้ประตูชัยจาก อาเบะช่วงท้ายเกมด้วย

 

 

ในนัดต่อมา แม้จะเจอกับยอดทีมระดับโลกอย่าง เรอัล มาดริด อาเบะก็ยังทำผลงานได้ค่อนข้างโดดเด่น แต่ก็ต้านความแข็งแกร่งของราชันชุดขาวไม่ได้และแพ้ไปด้วยสกอร์ 3-1 ก่อนจะไปพ่ายริเวอร์ เพลท 4-0 ในเกมชิงที่ 3

 

แต่ก็อย่างที่บอกไว้ว่าแข้งวัย 20 ปียังสามารถรักษามาตรฐานของตัวเองได้ดีไม่มีตกและมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ฮาจิเมะ โมริยาซุ เรียกเขาติดทีมชาติญี่ปุ่นครั้งแรกในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม เพื่อเข้าร่วมแข่งขันในศึกโคปา อเมริกา 2019 ที่บราซิล และที่สำคัญทีมชุดนี้จะเป็นตัวแทนของประเทศในกีฬาโอลิมปิคปีหน้าด้วย

 

แม้ว่าจะทัพซามูไรบลูจะต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านไปตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม และไม่ชนะใครเลย แต่ผลงานนักเตะส่วนใหญ่ก็ถือว่าดูดีมีอนาคต ซึ่งตัวของอาเบะก็จัดอยู่ในประเภทนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย

 

     

ซึบาสะในชีวิตจริง

 

 

เกือบ 3 ปีที่ได้ลงเล่นในฟุตบอลอาชีพ จู่ๆอาเบะก็ก้าวกระโดดไปไกลกว่านักเตะส่วนใหญ่ในแดนปลาดิบ เมื่อ บาร์เซโลน่า ยอดทีมจากสเปน คว้าตัวเขาไปร่วมทีมเมื่อวันที่ 12 กรกฏาคม ที่ผ่านมา โดยเซ็นสัญญาด้วยกัน 3 ปี และจะเริ่มเล่นให้กับทีมชุดสำรอง เหมือนกับ ทาเคฟุสะ คุโบะ ดาวเตะเพื่อนร่วมชาติที่ย้ายไปค้าแข้งกับเรอัล มาดริด เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

 

ตั้งแต่ผมจบมัธยม ก็ใช้เวลา 2 ปีครึ่งที่คาชิม่า สโมสรนี้ทำให้ผมเจริญเติบโตขึ้นในฐานะคนๆ หนึ่ง และในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ นี่คือการตัดสินใจที่ยากที่จะต้องอำลาทีม แต่ผมก็เลือกที่จะไปหาความท้าทายใหม่กับบาร์เซโลน่า” อาเบะกล่าวผ่านทวิตเตอร์ของสโมสร

 

ในประวัติศาสตร์วงการลูกหนังญี่ปุ่นไม่มีนักเตะในประเทศที่ย้ายไปอยู่กับบาร์ซ่า โดยตรงมาก่อน มีเต็มที่ก็แค่ ‘เมสซี่ญี่ปุ่น’ ทาเคฟุสะ คุโบะ ที่เคยอยู่กับทีมเยาวชนของเจ้าบุญทุ่ม ในปี 2011-2015 รวมไปถึง ‘เมสซี่เกาหลี’ อี ซุง-วู ที่อยู่กับทีมถึง 6 ปี แต่ก็ไม่ได้รับโอกาสลงเล่นในชุดใหญ่เลย ก่อนจะย้ายไปค้าแข้งกับ เวโรน่า ในเซเรีย อา ปี 2017 นอกจากนี้ก็ยังไม่มีนักเตะคนไหนจากเอเชียแค่เล่นในทีมชุดใหญ่ของอาซูลกราน่าเลยแม้แต่คนเดียว (ไม่นับ เปาลิโน่ อัลคันทาร่าที่เป็นนักเตะลูกครึ่งสเปน-ฟิลิปปินส์)

 

ถ้าจะมีก็คงมีแค่คนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ โอซาระ ซึบาสะ ยอดดาวเตะที่เติบโตมาจากรั้วโรงเรียน นันคัตสึ และพัฒนาฝีเท้าจนก้าวเข้าไปอยู่ในทีมบาร์เซโลน่าได้สำเร็จ แต่ติดอยู่อย่างเดียว ตรงที่ตัวซึบาสะเองเป็นแค่ตัวละครในการตูนกีฬาสุดฮิตที่มีชื่อว่า ‘กัปตันซึบาสะ’ ซึ่งถูกเขียนโดย โยอิจิ ทาคาฮาชิ และมีมายาวนานกว่า 38 ปีแล้ว (ปัจจุบันก็ยังไม่มีท่าว่าจะจบกับภาค Rising Sun)

 

แม้ตัวของซึบาสะเองจะสร้างแรงบัลดาลใจให้เด็กให้ญี่ปุ่นหันมาเล่นฟุตบอลมากขึ้นและต้องการก้าวขึ้นไปนักเตะอาชีพแบบจริงจังกว่าปกติ แต่ก็อย่างไปกล่าวไปว่าไม่เคยมีนักเตะเลือดซามูไรคนไหนได้เล่นในทีมชุดใหญ่ในบาร์เซโลน่าเช่นซึบาสะเลย 

 

อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าการรอคอยอันแสนยาวนานนี้น่าจะสิ้นสุดลงในยุคของ อาเบะ 

 

และหวังว่า เขาจะพิสูจน์ตัวเองจนก้าวขึ้นมาเล่นร่วมกับหลุยส์ ซัวเรซ, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, อองตวน กรีซมันน์ และ  ลิโอเนล เมสซี่ ได้ในเร็วๆนี้