เข้ากันไม่ได้! 5 สตาร์ดังดับสนิทกับปีศาจแดง

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือเป็นบ้านของนักเตะผู้ยิ่งใหญ่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ดาวทุกดวงไม่สามารถเจิดจรัสบนความคาดหวังได้เสมอไป…

 

อเล็กซิส ซานเชซ มีเส้นทางการค้าแข้งที่ยอดเยี่ยมแทบทุกช่วงเวลา ทั้งกับ อูดิเนเซ่ , บาร์เซโลน่า และก่อนหน้านี้กับ อาร์เซน่อล แต่เขากลับไม่ใช่คนเดิมที่เรารู้จักในสีเสื้อปีศาจแดง แม้กระทั่งการเปลี่ยนกุนซือจาก โชเซ่ มูรินโญ่ มาเป็น โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่ อเล็กซิส เพียงรายเดียวที่เอาชื่อมาทิ้งไว้ในโรงละครแห่งความฝัน และต่อไปนี้ คือ 5 แข้งดังที่ฟอร์มโหดกับทีมอื่น แต่ดันล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงกับ แมนฯ ยูไนเต็ด

 

ราดาเมล ฟัลเกา

 

หลังผ่านพ้นฤดูกาลแรกอันย่ำแย่นับตั้งแต่ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จากสโมสรไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้แต่งตั้ง หลุยส์ ฟานกัล ขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ พร้อมมอบงบประมาณให้มากมายเพื่ออัพเกรดขุมกำลัง

 

อันเดร์ เอร์เรร่า , ลุค ชอว์ , มาร์กอส โรโฮ , อังเคล ดิ มาเรีย และ ดาลีย์ บลินด์ ต่างตบเท้าเข้ามาร่วมทัพอสูรแบบถาวร แต่ดีลที่สร้างความฮือฮาได้มากที่สุดกลับเป็นการยืมตัว ราดาเมล ฟัลเกา เข้ามาในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะ

 

กองหน้าชาวโคลอมเบีย เดินทางมาถึงพร้อมด้วยชื่อเสียงที่พกมาเต็มกระเป๋า แม้เขาจะบาดเจ็บหนักที่เข่า จนต้องหายหน้าไปจากผืนหญ้าตลอดช่วงครึ่งแรกของปี 2014 แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยอมที่จะจ่ายเงินจำนวน 6 ล้านปอนด์ ให้กับ โมนาโก เพื่อเป็นค่าเช่า พร้อมพ่วงออปชั่นซื้อขาดที่ 43.5 ล้านปอนด์ ไว้ในสัญญา

 

ไม่รู้เป็นเพราะสภาพร่างกายไม่เหมือนเดิม หรือปรับตัวกับ พรีเมียร์ลีก ไม่ได้ เพราะ “เอล ติเกร” ยิงไปเพียง 4 ประตูเท่านั้น จากทั้งหมด 29 นัดที่ลงสนามให้กับทีม จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญายอดแย่ของซีซั่น และไม่ต้องสงสัยเลยว่าปีศาจแดงจะทำอย่างไรกับ ฟัลเกา หลังจบฤดูกาล

 

บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์

 

ชไวน์สไตเกอร์ มีบทบาทสำคัญกับทั้งทริปเปิ้ลแชมป์ของ บาเยิร์น มิวนิค ในปี 2013 และชัยชนะในศึกฟุตบอลโลก 2014 ของทัพอินทรีเหล็ก ดังนั้น เมื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่ายเงิน 6.5 ล้านปอนด์ คว้าตัว ชไวนี่ เข้ามา แฟนบอลปีศาจแดงจึงอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นไปกับนักเตะเยอรมันคนแรกในประวัติศาสตร์ของทีม (ชุดใหญ่) รายนี้

 

จอมทัพชาวเยอรมัน มีความสัมพันธ์อันดีกับอดีตเจ้านายของเขาที่ บาเยิร์น มิวนิค อย่าง หลุยส์ ฟานกัล เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และก็เป็นกุนซือจอมปรัชญานี่เองที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยน ชไวน์สไตเกอร์ ให้เป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในโลก

 

อย่างไรก็ตาม ชไวน์สไตเกอร์ คนนั้นได้กลายเป็นเพียงอดีตไปแล้ว โดยเขาได้รับโอกาสออกสตาร์ทแค่ 21 เกม และมีส่วนร่วมกับทีมทั้งหมดเพียง 31 เกมเท่านั้นในซีซั่นเปิดตัว

 

ในฤดูกาลถัดมา เมื่อ โชเซ่ มูรินโญ่ เดินทางมาถึง สถานะของ ชไวน์สไตเกอร์ ยิ่งแย่หนักลงไปอีก เมื่อเขาถูกลดชั้นลงไปเล่นทีมสำรอง แม้เจ้าตัวจะได้กลับเข้าสู่ทีมชุดใหญ่เมื่อปลายปี 2016 แต่ก็ได้เล่นเพียง 2 นัดเท่านั้น ก่อนจะถูกขายไปให้กับ ชิคาโก้ ไฟร์ สโมสรใน เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ ในเวลาต่อมา

 

ดิเอโก้ ฟอร์ลัน

 

ฟอร์ลัน เริ่มต้นอาชีพการค้าแข้งของตัวเองที่ อินดิเพนเดนเต้ ซึ่งจากผลงานการยิงไป 40 ประตู ใน 91 เกม มันช่วยดึงดูดความสนใจจากบรรดาสโมสรในยุโรป และในเดือนมกราคม ปี 2002 อินดิเพนเดนเต้ ก็บรรลุข้อตกลงกับ มิดเดิ้ลสโบรช์ ด้วยมูลค่า 6.9 ล้านปอนด์ โดยการแบ่งจ่าย 18 งวด

 

เมื่อกองหน้าชาวอุรุกวัยเดินทางมาที่อังกฤษเพื่อเปิดการเจรจากับ โบโร่ จู่ๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็โฉบเข้ามาฉกตัวในช่วงสุดท้าย พร้อมยื่นข้อเสนอเดียวกับทีมสิงห์แดง แต่ที่สำคัญ ปีศาจแดงตกลงที่จะจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวด้วยการชำระเพียงครั้งเดียว

 

ในซีซั่นแรกบนยูนิฟอร์มอสูร ฟอร์ลัน ลงเล่นไป 18 เกม แต่เขากลับยิงไม่ได้เลยแม้แต่ลูกเดียว โดยตลอดระยะเวลาที่ค้าแข้งกับ ยูไนเต็ด เจ้าตัวได้โอกาสลงสนามไปทั้งสิ้น 98 เกม และทำไปเพียง 17 ประตู

 

แม้ว่าจะยิงประตูได้น้อย แต่ก็ยังมีเหตุผลให้แฟนบอลปีศาจแดงต้องจดจำเขา เพราะ ฟอร์ลัน คือผู้ที่กดสองลูกช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้ที่ แอนฟิลด์ และยังเคยซัดประตูชัยใส่ เชลซี ได้สองหนในเกม พรีเมียร์ลีก และ ลีกคัพ

 

หลังออกจาก ยูไนเต็ด ฟอร์ลัน ประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ โดยมีไฮไลท์สำคัญคือการคว้ารางวัล “โกลเด้นบอล” ในศึกฟุตบอลโลก 2010 และการเป็นดาวซัลโวของยุโรปถึง 2 ซีซั่น

 

อังเคล ดิ มาเรีย

 

ในปี 2014 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถคว้าตัว อังเคล ดิ มาเรีย มาร่วมทัพ ด้วยมูลค่า 59.7 ล้านปอนด์ ซึ่งทำให้เจ้าตัวกลายเป็นการเซ็นสัญญาที่แพงที่สุดของอังกฤษในขณะนั้น และยังเป็นการเซ็นสัญญานักเตะระดับโลกได้สำเร็จ ทั้งที่ ยูไนเต็ด ไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลยุโรปในซีซั่นนี้ด้วยซ้ำ

 

ดิ มาเรีย เริ่มต้นเส้นทางการค้าแข้งกับ แมนฯ ยูไนเต็ด แบบอนาคตสดใส ด้วยการคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนกันยายนของสโมสรมาครอง อย่างไรก็ตาม ฟอร์มของเขาก็มาเริ่มดรอปลงในช่วงกลางเดือนตุลาคม ต่อด้วยการได้รับบาดเจ็บในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน

 

เมื่อหายเจ็บกลับมา ปีกชาวอาร์เจนไตน์ก็ยังคงเล่นด้วยฟอร์มที่ย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง และในเดือนมีนาคม เขาก็ถูกไล่ออกในเกม เอฟเอ คัพ ที่พ่ายให้กับ อาร์เซน่อล คาบ้าน 1-2 จากการโดนใบเหลือง 2 ใบ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่สาเหตุของการได้รับ เมื่อใบแรก เกิดจากการพุ่งล้ม ส่วนใบที่สอง เกิดจากการที่เขาไปกระชากเสื้อของผู้ตัดสินในเกมนั้นอย่าง ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ มันส่งผลให้อนาคตของเจ้าตัวบนถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด มืดมนลงไปอีก

 

บทสรุปเมื่อจบฤดูกาล ดิ มาเรีย เล่นไปทั้งสิ้น 32 เกม ยิงไปทั้งหมด 4 ประตู และถูกตัดสินว่าเป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ห่วยที่สุดของซีซั่น ก่อนที่ปีศาจแดงจะยอมขาดทุนด้วยการขายไปให้กับ เปแอสเช ด้วยค่าตัว 44 ล้านปอนด์ หลังใช้ได้เพียงปีเดียว

 

อเล็กซิส ซานเชซ

 

ในปี 2014 เมื่อ บาร์เซโลน่า พร้อมที่จะปล่อย อเล็กซิส ซานเชซ ลิเวอร์พูล กับ อาร์เซน่อล ต่างก็ให้ความสนใจในตัวสตาร์ชาวชิลี ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเลือกช้อยส์หลัง และกับ เดอะ กันเนอร์ส อเล็กซิส ซัดไปถึง 80 ประตู จาก 166 เกมที่ลงสนาม

 

ในเดือนมกราคม ปี 2018 ขณะที่สัญญาของ อเล็กซิส บนถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดียม เหลืออีกเพียงไม่กี่เดือน เจ้าตัวก็ตกเป็นที่หมายตาของสองทีมจากเมือง แมนเชสเตอร์ และดูเหมือนว่าจุดหมายปลายทางของเขาจะเป็นการได้ไปร่วมงานกับนายเก่าอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

 

อย่างไรก็ตาม แมนฯ ยูไนเต็ด ได้หงายไพ่เด็ดด้วยการยื่น เฮนริค มคิทาร์ยาน ไปให้กับ อาร์เซน่อล เพื่อแลกตัวกับ อเล็กซิส พร้อมเสนอค่าเหนื่อยสูงลิบให้กับอดีตดาวเตะบาร์ซ่า ทำให้ทางฝั่งสีแดงเป็นฝ่ายชนะในดีลนี้ไป แต่ในซีซั่นเปิดตัว เขากลับยิงไปเพียง 3 ประตูเท่านั้น จาก 18 เกม ซึ่งมันไม่สมกับการโปรโมทสุดเจ๋งเมื่อตอนมาถึงเอาเสียเลย

 

กาลเวลาล่วงมาจนถึงตอนนี้ อเล็กซิส ก็ยังไม่ได้ดีขึ้นไปกว่าเดิม และมีสถานะเป็นเพียงตัวสแตนบายของ อองโตนี่ มาร์กซิยาล กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด เท่านั้น อีกทั้งเมื่อได้รับโอกาส ก็ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าคู่ควรกับการเป็น 11 คนแรกเลย โดยในฤดูกาลนี้ เขาเพิ่งทำไปแค่ 2 ประตูเท่านั้น จาก 23 นัดที่ปรากฎตัวในสีเสื้อปีศาจแดง