ด้วยผลกระทบจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ทำให้ตลาดนักเตะเดือนมกราคมปี 2021 ปิดตัวลงไปแบบเงียบ ๆ ในคืนวันจันทร์ แม้จะมีดีลยืมตัวเกิดขึ้นในช่วงก่อนตลาดวายก็ตาม
ยอดรวมทั้งหมดที่สโมสรจากพรีเมียร์ลีกใช้จ่ายในเดือนที่ผ่านมาแค่ 84.2 ล้านปอนด์ โดยดีลที่แพงที่สุดคือ อาหมัด ดิยัลโล่ ที่ย้ายจาก อตาลันต้า มา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 37 ล้านปอนด์ ซึ่งตกลงค่าตัวกันได้ตั้งแต่ตลาดช่วงซัมเมอร์แล้ว
ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่ามีการใช้เงินที่น้อยลงกว่าเดือนมกราคมปีก่อนมากที่ใช้จ่ายไป 230 ล้านปอนด์ และน้อยกว่า 381 ล้านปอนด์ เมื่อเทียบกับสถิติใช้จ่ายสูงสุด 430 ล้านปอนด์ในเดือนมกราคมปี 2018
มีการซื้อขาดนักเตะแค่ 12 ดีลเท่านั้นในเดือนมกราคมปีนี้ และหากไม่นับกรณีของ ดิยัลโล่ กับปีศาจแดง ดีลของ มอร์กาน ซ็องซง ที่ย้ายจาก โอลิมปิก มาร์กเซย มา แอสตัน วิลล่า มีราคาแพงมากสุดด้วยราคา 15.5 ล้านปอนด์
ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงพาทุกท่าไปพบกับบทสรุปตลาดนักเตะหน้าหนาวในแดนผู้ดีปีนี้ว่าเป็นอย่างไร และเงียบเหงาแค่ไหน…
เมื่อไวรัสบวกกับ Brexit
การใช้จ่ายที่ลดลงอย่างรวดเร็วนั้นมีผลมาจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า อย่างที่หลาย ๆ คนทราบกันดี แต่ Brexit ก็เป็นส่วนสำคัญเช่นกันที่ทำให้นักเตะย้ายมาค้าแข้งในอังกฤษน้อยลงมากในเดือนที่ผ่านมา
นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ปี 2021 คือวันที่ สหราชอาณาจักร แยกตัวจากสหภาพยุโรป อย่างเป็นทางการ มันส่งประทบกับทุกวงการ ซึ่งฟุตบอลก็เป็นหนึ่งในนั้น
กฏต่าง ๆ ที่บัญญัติไว้หลังการแยกตัวต้องถูกบังคับใช้ ไม่ว่าจะเป็นห้ามเซ็นสัญญากับนักเตะ นอกสหราชอาณาจักร ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี, ซื้อนักเตะนอกสหราชอาณาจักรที่มีอายุช่วง 18-21 ปี ได้แค่ 3 รายเท่านั้น
รวมถึงนักเตะในยุโรปจากที่สามารถลงเล่นให้ทีมจากอังกฤษได้เลย พวกเขาต้องขอเอกสารที่คล้ายๆเวอร์เพอร์มิตของนักเตะนอกยุโรป แต่มีชื่อว่า GBE ซึ่งพิจารณาโดย เอฟเอ ว่าผ่านเกณฑ์หรือไม่ ถ้าผ่านก็สามารถลงเล่นในแดนผู้ดี แต่ถ้าไม่ก็จะมาพิจารณากรณีพิเศษเป็นเคส ๆ ไป
ก่อนตลาดวาย
ไบรท์ตัน เสริมรายสุดท้ายกับ มอยเซส ไซเซโด้ กองกลางทีมชาติเอกวาดอร์ ค่าตัว 4.5 ล้านปอนด์ ส่วน ลิเวอร์พูล เสริมหลังบ้านแบบแพ็คคู่กับ ดีลของ เบน เดวี่ส์ และ โอซาน คาบัค ขณะที่ เอนส์ลีย์ เมตแลนด์-ไนล์ส ถูก อาร์เซน่อล ปล่อยให้ เวสต์บรอม ยืมไปใช้งาน เช่นเดียวกับ โจ วิลล็อค ที่ถูก นิวคาสเซิล เช่าไป โดยที่ ชโคดราน มุสตาฟี่ ยกเลิกสัญญา และย้ายกลับไปเล่นในเยอรมันกับ ชาลเก้
ขณะเดียวกัน ทาคูมิ มินามิโนะ ก็เซอร์ไพรส์ เดอะ ค็อป ด้วยการลา ‘หงส์แดง’ ชั่วคราว เพื่อย้ายไปเล่นกับ เซาแธมป์ตัน แบบยืมตัว, ฟูแล่ม ส่งท้ายตลาดรอบนี้ด้วยการคว้า จอช มาฆ่า จาก บอร์กโดซ์ และ เอฟเวอร์ตัน ก็เอาชนะทีม ‘เจ้าสัว’ ได้การคว้า โจชัว คิง หอกบอร์มมัธ มาร่วมทีม
นอกเหนือจากดีลที่ดังกล่าว ก็ไม่มีการย้ายในทีมในวันสุดท้ายที่น่าสนใจอีก และกลายเป็นวันสุดท้ายของตลาดนักเตะที่สุดแสนจะเงียบเหงา
ปืนใหญ่ เป็นทีมที่โละนักเตะออกไปมากที่สุดในตลาดรอบนี้ ทั้ง เมซุต โอซิล ที่ยกเลิกสัญญาไปซบ เฟเนร์บาห์เช่, โซคราติส ที่ย้ายกลับ โอลิมเปียกอส หลังแยกทางกับทีม, มุสตาฟี่ กับ เซอัด โคลาซินัช ที่ย้ายไป ชาลเก้ (หลายหลังย้ายไปแบบยืมตัว) และเมื่อรวมกับดาวรุ่ง 2 คนที่ถูกปล่อยเช่าอย่าง เมตแลนด์-ไนล์ส กับ วิลล็อค และดาวรุ่งทั้งหมด ทำให้มีขาออกใน เอมิเรสต์ สเตเดี้ยมถึง 11 ราย
ขณะที่ เวสต์บรอม เป็นทีมพรีเมียร์ลีกที่เคลื่อนไหวขาเข้าในตลาดนักเตะเดือนมกราคมปีนี้มากที่สุด หลังทีมของ แซม อัลลาร์ไดซ์ คว้าแข้งใหม่ถึง 5 ราย เพื่อเสริมแกร่งให้พวกเขาอยู่รอดต่อไปในลีกสูงสุด
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีอีก 12 สโมสรที่ไม่มีการซื้อขาดนักเตะมาร่วมทีมเลยจาก 20 ทีมในลีก
ดีลแพงสุด
ในด้านตัวเลขการเงิน ดิยัลโล่ เป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในตลาดเดือนก่อน อย่างไรก็ตาม เวสต์แฮม ก็ลงทุนควักเงินในกระเป๋ากว่า 26 ล้านปอนด์ เพื่อซื้อขาด ซาอิด เบนราห์มา จาก เบรนท์ฟอร์ด ที่ทีมยืมตัวมาใช้งานในซัมเมอร์ก่อน
ส่วนดีลที่แพงรองลงมาคือ มอร์กาน ซ็องซง กองกลางวัย 26 ปี ที่ แอสตัน วิลล่า ดึงมาจาก มาร์กเซย ด้วยค่าตัว 15.5 ล้านปอนด์ ไล่ลงมาก็คือ ไซเซโด้ ของ ไบรท์ตัน ด้วยค่าตัว 4.5 ล้านปอนด์
ทางด้านแชมป์เก่าอย่าง ลิเวอร์พูล ใช้เงินซื้อขาด เดวี่ส์ จาก เปรสตัน ด้วยราคาย่อมเยาว์ 2 ล้านปอนด์ เพื่อช่วยแก้ปัญหาแข้งแผงหลังที่ขาดแคลน ขณะที่ อาร์เซน่อล มองไปที่อนาคต ด้วยการคว้า โอมาร์ เรกิค กองหลังวัย 19 ปี ของ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ไปร่วมทีม
ยืมตัวคือเทรนต์ตลาดหนนี้
การย้ายตัวส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในหน้าสื่อเดือนที่แล้ว มักเป็นการยืมตัวชั่วคราว เช่น ‘ขุนค้อน’ที่คว้า เจสซี่ ลินการ์ด จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบยืมตัว หรือ อาร์เซน่อล ที่เช่า มาร์ติน โอเดการ์ด วันเดอร์คิดจาก เรอัล มาดริด รวมถึงดึง แม็ต ไรอัน จาก นายทวารจากไบรท์ตัน เป็นอะไหล่สำรองให้กับ แบรนด์ เลโน่ ด้วย
ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองทำให้สโมสรทั้งหลายเลือกที่ยืมตัวมาก่อน ซึ่งบางทีมอาจทำเพราะต้องการหานักเตะมาทดแทนตัวที่บาดเจ็บเช่น ลิเวอร์พูล ที่ได้ โอซาน คาบัค จาก ชาลเก้ มา หรือ วูล์ฟแฮมป์ตัน ที่คว้า วิลเลี่ยน โจเซ่ จาก เรอัล โซเซียดาด มาล่าตาข่ายในช่วงที่ ราอูล ฆิมิเนซ หายหน้าไปจากทีม
ขณะที่ทีมท้ายตารางก็เลือกแนวทางดังกล่าวในการเสริมทัพเช่นกัน โดยส่วนมากจะเน้นไปที่ผู้เล่นตัวรุก อย่าง คริสตัล พาเลซ ที่ได้ ฌอง ฟิลลิป-มาเตต้า จาก ไมนซ์ รวมไปถึง เวสต์บรอมวิช ที่ได้ เอ็มบาย ดีอาเน่ จาก กาตาซาราย มาร่วมทีม
ขายแพงสุดแค่ 20 กว่าล้านปอนด์
ตลาดนักเตะที่ไม่มีการเคลื่อนไหวยังส่งผลกระทบต่อแข้งขาออก ซึ่งมีเพียง 34 รายเท่านั้นที่ย้ายออกจากต้นสังกัดแบบถาวร โดยมี 14 ดีลที่ไม่เปิดเผยค่าตัว
เวสต์แฮม เป็นทีมที่ทำเงินจากการขายในตลาดเดือนมกราคมมากที่สุด หลังปล่อย เซบาสเตียน อัลแลร์ ให้ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในราคา 22.2 ล้านปอดน์ ถูกว่าครึ่งจากที่พวกเขาเคยซื้อมาเมื่อ 18 เดือนก่อนจาก ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต ในราคา 45 ล้านปอนด์
ขณะเดียวกัน ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น สโมสรจากบุนเดสลีก้า เยอรมัน ก็สอยนักเตะจาก พรีเมียร์ลีก ไปทีเดียว 2 ราย นั่นก็คือ เดมาไร เกรย์ จาก เลสเตอร์ (2 ล้านปอนด์) และ ทิโมธี โฟซู-เมนซ่าห์ จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (1.8 ล้านปอนด์)
ยอดเงินสุทธิแต่ละสโมสร
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่ใช้เงินมากที่สุดในตลาดรอบนี้ แม้จะขาย โฟซู เมนซ่าห์ ออกไป แต่ก็หักลบเพียงนิดจนได้ค่าเงินสุทธิทั้งหมดที่ 35.4 ล้านปอนด์ เนื่องจากคว้า ดิยัลโล่ ด้วยราคากว่า 37 ล้านปอนด์
แอสตัน วิลล่า เป็นทีมที่ใช้เงินรองลงมาที่ 14 ล้านปอนด์ ตามมาด้วย เวสต์แฮม (5.8 ล้านปอนด์), ไบรท์ตัน (4.5 ล้านปอนด์), ลิเวอร์พูล (1.6 ล้านปอนด์) และ อาร์เซน่อล (9 แสนปอนด์) ตามลำดับ
ส่วน เลสเตอร์ เป็นทีมเดียวของพรีเมียร์ลีกที่ได้กำไรในตลาดนักเตะหนนี้ จากการปล่อย เกรย์ ให้กับ ห้างขายยา 2 ล้านปอนด์ โดยที่ไม่ได้ซื้อใครมาเพิ่มเลย
สรุปตลาดทั้งหมด
ในด้านจำนวนแข้งใหม่ เวสต์บรอม คือทีมที่เสริมทัพมากที่สุดด้วยจำนวน 5 ราย ตามมาด้วย อาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล และ เวสต์แฮม ที่คว้าแข้งมาเพิ่ม 3 รายเท่ากัน โดยมีอีก 9 ทีมที่คว้านักเตะมาเพิ่มแค่รายเดียวตลอดเดือนก่อน นั่นก็คือ แอสตัน วิลล่า, ไบรท์ตัน, เบิร์นลี่ย์, คริสตัล พาเลซ, เอฟเวอร์ตัน, ฟูแล่ม, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, นิวคาสเซิล และ วูล์ฟส์
ส่วนทีมที่ไม่คว้าใครมาเพิ่ม ไม่ว่าจะปล่อยยืมหรือขายขาด มีด้วยกัน 7 ทีม คือ เชลซี, ลีดส์ ยูไนเต็ด, เลสเตอร์, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, เซาแธมป์ตัน และ สเปอร์ส
กรณีขาออก อาร์เซน่อล เป็นทีมที่ปล่อยนักเตะออกไปมากที่สุดเหนือใคร ทั้งแบบเช่าและขายขาด รวมกัน 11 ราย ตามมาด้วย แมนยูไนเต็ด, วูล์ฟส์, เลสเตอร์ และ สเปอร์ส (9 รายเท่ากัน) ส่วน เอฟเวอร์ตัน ปล่อยไป 8 ราย และ แอสตัน วิลล่า, ไบรท์ตัน, แมนซิตี้ และ เวสต์แฮม ปล่อยเท่ากันที่ 7 ราย
