เจาะเวลาหาอดีต : #10YEARSCHALLENGE กับ 12 สโมสรยักษ์ในยุโรป

บนโลกโซเชียลตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนดังหรือชาวเน็ตทั่วไปต่างติดแฮชแท็ก #10YEARSCHALLENGE ซึ่งจะเป็นการโพสต์รูปตนเองในปัจจุบันและนำมาเปรียบเทียบกับเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับตัวเองมากน้อยขนาดไหน และไม่มีท่าทีว่าแฮ็ชแท็กนี้จะลดความนิยมลงไปในเร็วๆนี้

แล้วถ้าหากเรานำ 10YEARSCHALLENGE มาเชื่อมโยงกับสโมสรฟุตบอลชื่อดังในยุโรปบ้างล่ะ แต่ละทีมจะเป็นอย่างไร ถ้านำมาเทียบกับตอนนี้ พัฒนากว่าเดิมหรือไม่ หรือแตกต่างจากเมื่อ 10 ปีที่แล้วมากน้อยเพียงใด ทาง GAMEOVER จึงได้รวบรวมยอดทีมในยุโรป 12 สโมสรว่าในทศวรรษที่แล้วเป็นเช่นไร และเป็นอย่างไรในปัจจุบัน

 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้

10 ปีที่แล้ว : ในตอนนั้นเรือใบสีฟ้ายังเป็นแค่เพื่อนบ้านที่น่ารำคาญอยู่เลย ภายใต้การคุมทีมของ มาร์ค ฮิวจ์ แม้พวกเขาจะเริ่มมีปากมีเสียงมากขึ้นหลังจากการเทคโอเวอร์ของกลุ่มทุนอาบู ดาบี ชีค นำโดย มานซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน ซึ่งซื้อทีมต่อจากคนที่คุณก็รู้ว่าใคร อย่างไรก็ตามในปีนั้นพวกเขาก็ถือว่าล้มเหลวกับเงินที่ลงทุนไป เพราะทีมรั้งอันดับ 10 ในลีก แถมยังไม่มีถ้วยอะไรติดไม้ติดมาเลย

 

ปัจจุบัน : แมนฯซิตี้กลายเป็นมหาอำนาจลูกหนังแดนผู้ดีอย่างภาคภูมิ ภายใต้การบริหารของกลุ่มทุนอาบู ดาบี เจ้าเก่า และกุนซือเบอร์ต้นๆของโลกอย่าง เป็ป โจเซฟ กวาร์ดิโอล่า มีนักเตะระดับโลกมาอยู่ในทีมมากมาย ซึ่งในปีนี้ทีมกำลังมีลุ้นคว้าแชมป์ในทุกรายการที่พวกเขาลงเล่น โดนมีเป้าหมายสำคัญในการคว้าถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาประดับสโมสรให้ได้ เพื่อก้าวขึ้นไปทีมอันดับหนึ่งในยุโรปอย่างเต็มตัว

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

10 ปีที่แล้ว : ปีนั้นถือเป็นหนึ่งในยุคทองของปีศาจแดงภายใต้การคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือชาวสก็อต ที่ปลุกปั้นให้ทีมกลับมาเป็นเจ้ายุโรปอีกครั้ง รวมถึงช่วยให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กลายเป็นนักเตะระดับโลก โดยในจบฤดูกาลนั้น แม้ทีมจะพลาดไม่สามารถป้องการแชมป์ยุโรปได้ แต่ก็ยังคว้าแชมป์ลีกได้ 3 ปีติดต่อกัน พ่วงด้วยรางวัลลีกคัพ กับ แชมป์สโมสรโลกด้วย

ปัจจุบัน : ปีศาจแดงไม่เหลือสภาพของแชมป์ลีก 20 สมัยเลย หลังโชเซ่ มูรินโญ่ คนที่แฟนผีมั่นใจว่าจะพาทีมกลับไปอยู่จุดที่เคยอยู่ กลับพาทีมออกทะเลไปไกล แถมมีปัญหากับผู้เล่นในทีม รวมถึงบอร์ดบริหารด้วย แต่หลังจากที่เขาถูกบอร์ดปลดออกจากทีม กุนซือขัดตาทีมอย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็ช่วยให้ทีมกลับมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พร้อมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนมีลุ้นติดท็อปโฟร์อีกครั้ง

 

ลิเวอร์พูล

10 ปีที่แล้ว : หงส์แดงทำท่าจะกลับมาเป็นแชมป์ลีกได้อีกครั้งในรอบ 19 ปี หลังราฟาเอล เบนิเตซ พาทีมคว้าชัยเป็นว่าเล่น แถมเฟอร์นานโด ตอร์เรส กับ สตีเว่น เจอร์ราร์ดยังทำประสานงานได้อย่างยอดเยี่ยม จนทีมคว้าอันดับหนึ่งก่อนช่วงคริสมาสต์ได้ แต่ท้ายที่สุด หงส์แดงผู้อหังการก็ไม่สามารถคว้าถ้วยที่พวกเขาหมายปองมาได้ และเสียแชมป์ให้กับคู่อริอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอีก ทั้งๆที่พวกเขาแพ้ในลีกแค่ 2 นัดเท่านั้น (แต่ดันไปเสมอเยอะไงราฟา)

 

ปัจจุบัน : นี่เป็นปีที่พวกเขาทำได้ใกล้เคียงที่สุดแล้วกับการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก หลังเจอร์เก้น คล็อปป์ ใช้เวลาลองผิดลองถูกถึง 3 ปี เพื่อปลุกยักษ์ทีมนี้ให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับสร้างแนวรุกสามประสานที่อันตรายที่สุดในลีกอย่าง ฟีร์มิโน่,ซาลาห์ และ มาเน่ ซึ่งตอนนี้พวกเขากำลังรั้งตำแหน่งจ่าฝูงในทีมอยู่ และมีลุ้นคว้าถ้วยยุโรปมาครองได้ในรอบ 14 ปีด้วย

 

เชลซี

10 ปีที่แล้ว : เชลซีได้กลายมาเป็นทีมชั้นแนวหน้าในอังกฤษอย่างเต็มตัวแล้ว ณ ตอนนั้นแต่พวกเขาไปมีการเปลี่ยนแปลงกุนซือมากมาย ทั้ง หลุยส์ ฟิลลิเป้ สโคลารี่ ที่ทำผลงานได้แย่กว่าคิด และเรย์ วิลกินส์ ที่เข้ามารักษาการแทน ก่อนจะไปจบลงที่กุส ฮิดดิ้งค์ ผู้เข้ามากอบกู้ให้สิงห์บลูติดท็อปโฟร์อีกครั้ง หลังฟอร์มห่วยมากตั้งแต่ต้นฤดูกาล และปิดฉากฤดูกาลนั้นด้วยการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ไปครองเป็นสมัยที่ 5 ของสโมสร

 

ปัจจุบัน : เชลซีได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง หลังได้ตัว เมาริซิโอ ซาร์รี่ เข้ามาเป็นนายใหญ่ของทีมในฤดูกาลนี้ แต่พวกเขาก็ยังคงความเป็นยอดทีมในลีกอยู่ไม่ต่างจาก 10 ปีก่อน และตอนนี้พวกเขาก็ยังคงมีลุ้นติดอันดับไปเล่นในฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่อยู่ หลังจากฤดูกาลที่แล้ว ทีมจบอันดับ 5 ลีกทำให้ต้องไปเล่นในยูโรป้า ลีก ฤดูกาลนี้ก่อน

 

อาร์เซน่อล

10 ปีที่แล้ว : อาร์เซน่อลกลายเป็นทีมที่มีลุ้นแค่ตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีกอย่างเดียวซะแล้ว หลังชวดแชมป์ทุกรายการที่ลงเล่นมา 5 ปีติด นับตั้งแต่เป็นแชมป์ไร้พ่ายในปี 2003-04 แต่สิ่งที่น่าจดจำในปีนั้นคือการที่อาร์เซน เวนเกอร์ คว้าตัวแข้งฝีเท้าจัดจากรัสเซียอย่าง อังเดร อาร์ชาวิน ในตลาดหน้าหนาว ซึ่งแข้งแดนหมีขาวก็กลายเป็นขวัญใจเหล่ากูนเนอร์สอย่างรวดเร็ว ในเกมที่ยิงคนเดียว 4 ประตูช่วยให้ปืนใหญ่เสมอลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ 4-4

 

ปัจจุบัน : การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้เกิดที่เอมิเรสต์ สเตเดี้ยม หลัง อาร์เซน เวนเกอร์ ตัดสินใจลาทีมหลังจากทีมคุมมานานกว่า 22 ปี และคนที่เข้ามานั่งเก้าอี้กุนซือต่อจากนายใหญ่ชาวฝรั่งเศสก็คือ อูไน เอเมอรี่ ที่โดดมารับงานนี้ทันที หลังจากออกจากเปแอชเชมา ซึ่งได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงให้ทีมลอนดอนเหนือมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ทั้งในลีกและบอลยุโรปถ้วยเล็ก แม้ช่วงนี้จะมีข่าวลือว่ามีปัญหากับผู้เล่นในทีม และไม่มีงบให้ช็อปในตลาดเดือนมกราคมก็ตาม

 

สเปอร์

10 ปีที่แล้ว : ตลอดเวลาที่เดเนี่ยล เลวี่ เป็นประธานสโมสรไก่เดือยทองมานานกว่า 8 ปี ทีมของเขาก็ไม่ได้พัฒนามากนัก แถมยังเป็นทีมระดับกลางตารางเหมือนเดิม แถมยังคว้าได้แค่รองแชมป์บอลลีกคัพอีก ทั้งๆที่ทุ่มเงินเสริมนักเตะไปกว่า 100 ล้านปอนด์ หนึ่งในนั้นคือ ลูก้า โมดริช แข้งรองแชมป์โลกจากโครเอเชียในปัจจุบัน แถมต้องเปลี่ยนผู้จัดการทีมถึง 2 คนในฤดูกาลนั้น เพื่อเซ่นผลงานห่วย

 

ปัจจุบัน : ปัจจุบัน เดเนี่ยล เลวี่ ก็ยังดำรงตำแหน่งประธานสโมสรต่อไป แต่ทุกอย่างพัฒนาขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ทั้งกุนซืออย่างเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่พาทีมลุ้นแชมป์ลีกได้ในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมา การันตีตั๋วไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีก แถมนักเตะในทีมที่มีดีกรีเป็นแข้งระดับโลก ไม่ว่าจะแฮร์รี่ เคน, เดเล่ อัลลี่, คริสเตียน อิริคเซ่น หรือ ซอน เฮือง มิน ซึ่งตอนนี้แชมป์รายการที่เขาพอจะคว้าได้มากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นลีก คัพ ที่พวกเขาเคยคว้ามาได้ในฤดูกาล 2007-08 แต่ก็ต้องผ่านก้างชิ้นใหญ่อย่างเชลซี และ แมนซิตี้ให้ได้ก่อน

 

บาร์เซโลน่า

10 ปีที่แล้ว : ทีมจากสเปนทีมนี้ได้กลายร่างเป็นสโมสรอันดับหนึ่งในยุโรปไปในทันที หลังคว้าทริ้ปเปิลแชมป์ได้สำเร็จในฤดูกาลนั้น โดยมีเป็ป กวาร์ดิโอล่า เป็นผู้บงการความสำเร็จนซึ่งเขาได้นำสไตล์การเล่นแบบติกิ-ตาก้า มาใช้จนทีมชาติสเปนนำไปต่อยอดจนกลายเป็นแชมป์โลก ส่วนนักเตะในทีมล้วนแข็งแกร่งทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะลิโอเนล เมสซี่ ที่สถาปนาตัวเองให้กลายเป็นหนึ่งในแข้งที่ดีสุดในโลก ณ ตอนนั้นจนถึงปัจจุบัน

 

ปัจจุบัน : สถานภาพของเจ้าบุญทุ่มก็ยังไม่ได้ต่างจาก 10 ปีที่แล้วมากนัก พวกเขายังคงเป็นยอดสโมสรทั้งในสเปนและยุโรป แม้แทบจะไม่มีนักเตะจากชุดนั้นหลงเหลืออยู่ในทีมแล้ว ยกเว้น เมสซี่,บุสเก็ตส์ และ ปิเก้ แต่เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ก็ยังพาทีมรั้งอันดับหนึ่งในลาลีก้าได้ตอนนี้ และมีลุ้นแชมป์ในทุกรายการที่ลงเล่นด้วย

 

เรอัล มาดริด

10 ปีที่แล้ว : น่าจะเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ย่ำแย่ของเหล่า มาดริดนิสต้า เพราะในปีนั้นพวกเขาไม่ได้แชมป์ในรายการหลักๆเลย ทั้งลาลีก้า,โกปา เดลเรย์ และ แชมเปี้ยนส์ลีก ภายใต้การบริหารงานของ บิเซ้นเต้ โบลูด้า ประธานสโมสร และด้วยฟอร์มที่ย่ำแย่ทำให้เขาต้องเปลี่ยนกุนซือถึง 2 ครั้งในฤดูกาลนั้น ก่อนที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับราชันชุดขาวในปีถัดมา

 

ปัจจุบัน : จริงอยู่ที่ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรคนปัจจุบันของทีม คือคนที่ทำให้โลส บลังโกส กลับมาเป็นเจ้ายุโรปอีกครั้ง หลังจากคว้าถ้วยหูยาน 3 สมัยติด แต่ทันทีที่ผู้จัดการคนเก่งอย่าง ซีเนดีน ซีดาน และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงเบอร์หนึ่งของพวกเขาลาทีมไป สภาพในตอนนี้กลับดูย่ำแย่กว่า 10 ปีที่แล้วอย่างมากเลย ไม่ว่าจะเป็นยุคที่โปเลเตกีหรือโซลารี่คุม ฟอร์มการเล่นในลีกก็ย่ำแย่ไม่หายจนโดนบาร์ซ่า คู่อริตลอดกาลทำแต้มทึ้งห่างไปไกล แม้ยังพอมีลุ้นในบอลถ้วยรายการอื่นๆบ้าง แต่ถ้าฟอร์มเป็นนี้ขอบอกเลยว่าจบฤดูกาลมือเปล่าแน่นอน

 

ยูเวนตุส

10 ปีที่แล้ว : ม้าลายแห่งตูรินยังคงอยู่ในยุคมืดอยู่ หลังเลื่อนชั้นกลับมาเล่นในเซเรีย อาได้อีกครั้งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เคลาดิโอ้ รานิเอรี่ เข้ามาคุมยูเว่เป็นปีที่สองแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะคว้าแชมป์ได้ในเร็วๆนี้ ทำให้เขาถูกปลดในเวลาต่อมา อีกทั้งตัวความหวังของทีมอย่าง อเลซซานโดร เดล ปิเอโร่, พาเวล เนดเวด, เมาโร คาโมราเนซี่ หรือดาวิด เทรเซเก้ต์ ต่างอยู่ในวัยโรยราแล้ว ทำให้พวกเขาไม่มีถ้วยประดับตู้สโมสรและกลายเป็นยักษ์หลับในอิตาลีนานถึง 3 ปีหลังจากนั้น

 

ปัจจุบัน : ยูเวนตุสกลายเป็นนยอดทีมในอิตาลีอีกครั้ง นับแต่อันโตนิโอ คอนเต้ เข้ามาปฏิวัติม้าลาย 7 ปีก่อน และพวกเขาก็ยังไม่เคยพลาดแชมป์ลีกนับตั้งแต่วันนั้นภึงปัจจุบัน แถมในตอนนี้ทีมยังดูแข็งแกร่งขึ้นกว่าปีก่อน หลังคว้า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยอดดาวยิงแดนฝอยทอง มาจากเรอัล มาดริด จนทำให้หลายคนมองว่าปีนี้น่าจะเป็นปีที่พวกเขามีโอกาสคว้าถ้วยหูยานมาครองมากที่สุด หลังไม่มีโอกาสเชยชมถ้วยนี้เลยตั้งแต่ปี 1996

 

อินเตอร์ มิลาน

10 ปีที่แล้ว : ปีแรกที่ ‘เดอะ สเปเชี่ยล วัน’ โชเซ่ มูรินโญ่ รับงานที่อิตาลี และพางูใหญ่เถลิงแชมป์เซเรีย อา อย่างง่ายดาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไรนัก เพราะ ณ ตอนนั้น บรรดาทีมใหญ่มีแค่อินเตอร์ เท่านั้นที่มีขุมกำลังนักเตะพร้อมมากกว่าใคร บวกแท็กติกของกุนซือชาวโปรตุเกส แทบจะทำให้ทีมไร้เทียมทานเลย และปีถัดมาพวกเขาไร้เทียมทานมากกว่านั้นหลังเป็นทีมแรกในอิตาลีที่คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้สำเร็จ

 

ปัจจุบัน : อินเตอร์ มิลานก็ยังทีมที่มีลุ้นแชมป์อยู่ เพียงแต่ว่าพวกเขาก็ทำได้เต็มที่แค่นั้น ซึ่งหลังยุคมูรินโญ่ ก็ไม่มีใครพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้อีก แม้ในตอนนี้ ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ จะทำผลงานได้ใกล้เคียงที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา แต่ในฤดูกาลก่อนพวกเขาดันพลาดท่าตกม้าตายในตอนท้ายฤดูกาลทำให้หล่นไปอยู่ที่ 4 แทน แฟนงูใหญ่คงทำได้แค่ภาวนาให้ปีนี้พวกเขาทำผลงานให้คงเส้นคงวามากกว่านี้หน่อย

 

เปเอชเช

10 ปีที่แล้ว : ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เป็นแค่ทีมไม้ประดับในลีกเอิงเท่านั้น ไม่ได้กุนซือมากฝีมือคุมอยู่ ไม่ได้มีทั้งสตาร์ดังอยู่ในทีม ที่แฟนบอลน่าจะรู้จักหน่อยก็ โคล้ด มากาเลเล่ ในวัยโรยรา หรือ มาเตย่า เคซมัน อดีตกองหน้าเชลซี เท่านั้น และที่สำคัญที่สุด พวกเขาไม่ได้เป็นสโมสรที่มีเงินถุงเงินถังมากมายเกินกว่าสโมสรในลีกเท่าไหร่ สุดท้ายทำได้แค่อันดับ 6 ในลีกเท่านั้น

 

ปัจจุบัน : ช่างเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามกับ 10 ปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง อะไรที่พวกเขาไม่เคยมี ตอนนี้มีหมด ไม่ว่าจะเป็นกุนซือมือดีอย่างโธมัน ทูเคิ่ล นักเตะระดับซุปตาร์อย่างเนย์มาร์ งบประมาณในการเสริมทัพที่มากมายกว่าทีมหลายทีมรวมกันซะอีก และสุดท้ายคือถ้วยแชมป์ระดับเมเจอร์ที่ห่างมานานหลายปีแล้ว ดูๆไปแล้วพวกเขาก็ไม่ได้แตกต่างจากแมนซิตี้เท่าไหร่ที่ต้องการสร้างทีมให้กลายเป็นสโมสรอันกับหนึ่งในยุโรปให้ได้

 

บาเยิร์น มิวนิค  

10 ปีที่แล้ว : ไม่มีคาดคิดว่าในตอนนั้น เสือใต้แห่งแคว้นบาวาเรียจะพลาดแชมป์ลีกไปได้ แต่มันก็เกิดขึ้นจริงๆ โดยพวกเขาเสียแชมป์บุนเดสลีก้าให้กับหมาป่าแห่งเมืองเบียร์ โวล์ฟบวร์ก แถมยังไม่มีแชมป์อะไรติดไม่ติดมือกลับมาแล้ว ทำให้เจอร์เก้น คลินส์มันน์ โดนปลดออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมในเดือนเมษายน โดนมีจุ๊ปป์ ไฮย์เกส เข้ามารักษาแทนจนจบฤดูกาล    

 

ปัจจุบัน : อาจจะเรียกได้ว่าปีนี้กลายเป็นยุคใหม่ของบาเยิร์น มิวนิคอย่างเต็มตัว หลังเปิดตัวกุนซือหนุ่มไฟแรงอย่าง นิโก้ โควัช เข้ามาทำหน้าที่ผู้จัดการทีมในฤดูกาลนี้ แต่ด้วยปัญหาภายในทีมบวกกับฟอร์มการเล่นที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ในบางช่วง ทำให้เสือใต้เคยกระเด็นไปอยู่อันดับ 6 ในลีกมาแล้ว ยังดีที่ว่าตอนนี้สามารถคืนฟอร์มเก่งกลับมารั้งรองจ่าฝูงได้ก่อนช่วงคริสมาสต์ แต่จะแซงโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์และคว้าแชมป์ได้ในตอนจบของฤดูกาลนี้หรือไม่ เวลาเท่านั้นคือคำตอบ