เซาธ์แฮมป์ตัน: กับฤดูกาลที่น่าผิดหวัง

เซาธ์แฮมป์ตัน: กับฤดูกาลที่น่าผิดหวัง

การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เข้าสู่ช่วงตัดสินในเดือนสุดท้าย อย่างที่ทราบกันว่าสถานการณ์ในการลุ้นแชมป์เปลี่ยนมือจากที่ทุกอย่างอยู่ในมือของ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล แต่ตอนนี้ข้ามมาอยู่ทางฝั่ง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 

ขณะเดียวกันโซนท้ายตารางก็กำลังลุ้นกันอย่างสนุก โอกาสยังเปิดกว้างให้กับหลาย ๆ ทีม 

แต่… อาจจะไม่ใช่กับ “นักบุญ” เซาธ์แฮมป์ตัน ที่ดูเหมือนว่าเวลาของพวกเขาบนลีกสูงสุดกำลังค่อย ๆ หมดลงไปทุกที 

จุดเปลี่ยนสำคัญที่เกือบจะทำให้พวกเขาดิ้นได้อีกครั้งคือการบุกไปเสมอกับ อาร์เซน่อล 3-3 ที่เอมิเรสต์ สเตเดี้ยม ชนิดที่ไม่มีใครคาดคิด การเก็บ 1 แต้มมาจากทีมใหญ่ ทำให้พวกเขามีกำลังใจในการลุ้นต่อ เพราะแสดงให้เห็นแล้วว่าสามารถสู้ได้ 

แถมนัดต่อไปได้กลับมาเล่นในบ้านเจอกับทีมที่ลุ้นหนีตกชั้นเหมือนกันอย่าง “เดอะ เชอร์รีส์” บอร์นมัธ แต่พวกเขาดันทิ้งโอกาสของตัวเองพ่ายคาบ้านมันซะอย่างนั้น..

เหลืออีก 4 เกมนี่คือช่วงเวลาสุดท้ายของ เซาธ์แฮมป์ตัน ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงเป็นฤดูกาลที่ย่ำแย่ที่สุดของพวกเขา

๐ การเสริมทัพที่ผิดพลาด 

ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เซาธ์แฮมป์ตัน ยังคงไว้วางใจ ราล์ฟ ฮาเซนฮุตเทิ่ล กุนซือชาวออสเตรีย แม้จะทำทีมโดนถล่มด้วยสกอร์ยับเยิน 9-0 ถึงสองครั้งจากฝีมือของ เลสเตอร์ ซิตี้ และแมนฯยูไนเต็ด

ทำการเสริมทัพผู้เล่นใหม่เข้ามาหลายราย โดยเฉพาะการไปสอยผู้เล่นดาวรุ่งจากอคาเดมี่ของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เข้ามาถึง 4 ราย นำโดยผู้รักษาประตู กาวิน บาซูนู, โรมิโอ ลาเวีย, ฮวน ลาริออส และซามูเอล เอโดซี่ ซึ่งนักเตะเหล่านี้ ไม่เคยขึ้นไปสอดแทรกในทีมชุดใหญ่ของ เป๊บ กวาร์ดิโอล่า 

ใน 4 รายนี้คนที่ดูจะสอบผ่านที่สุดคือ โรมิโอ ลาเวีย มิดฟิลด์วัย 19 ปี ที่เล่นได้อย่างโดดเด่นจนก้าวไปติดทีมชาติเบลเยี่ยมชุดใหญ่ ส่วน กาวิน บาซูนู แม้จะยึดมือหนึ่ง แต่ก็เสียประตูแทบทุกนัด

ส่วนตัวอื่น ๆ ที่เสริมเข้ามาก็เป็นพวกดาวรุ่งอย่าง เชคู มาร่า และอาร์เมล เบลล่า-ค็อตชอป รวมไปถึงผู้เล่นที่พอจะมีชื่อเสียงในยุโรปอย่าง ดูเย่ ซาเลต้า-ซาร์ และโจ อารีโบ้ ซึ่งทั้งหมดใช้เงินไปประมาณ 70 ล้านปอนด์

พร้อมปล่อยสองแนวรุกที่มีประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีก อย่าง เชน ลอง และเนธาน เรดมอนด์ รวมไปถึงมิดฟิลด์ตัวตัดเกมอย่าง โอริโอล โรเมอู

ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาย่ำแย่ พวกเขาวนเวียนอยู่ในโซนท้ายตารางเพราะออกสตาร์ท 10 เกมแรกชนะได้แค่ 2 เสมอ 1 แพ้ไปถึง 7 แถมยังผลิตสกอร์ได้น้อยมาก 

จากนั้นพวกเขามีโอกาสเสริมทัพอีกครั้งในช่วงตลาดหน้าหนาว ซึ่งในตอนนั้น ราล์ฟ ฮาเซ่นฮุตเทิ่ล กระเด็นตกเก้าอี้กุนซือไปแล้ว ได้ เนธาน โจนส์ เข้ามาคุมทีมแทน 

เสริมทัพได้น่าสนใจด้วยการทุ่มเงินจำนวน 22 ล้านปอนด์คว้าตัว คามาลดีน ซูเลมานี่ แนวรุกดาวรุ่งจอมเลื้อยมาจากแรนส์ ซึ่งเป็นค่าตัวสถิติแพงที่สุดของสโมสร พร้อมได้ มิสลาฟ ออร์ซิซ แนวรุกโครเอเชียมาจาก ดินาโม ซาเกร็บ รวมไปถึงตัวหน้าเป้าธรรมชาติ ปอล โอนูอาชู, มิดฟิลด์จอมทัพ คาร์ลอส อัลคาราซ และแบ็คขวาอย่าง เจมส์ บรี 

รวมแล้วไปใช้เงินไปกว่า 55 ล้านปอนด์ ในตลาดรอบสอบหวังที่จะต่อสู้เพื่ออยู่รอดบนลีกสูงสุดต่อไป แต่ผลงานก็ตรงกันข้ามไม่ได้ดีขึ้นเลย คนที่ตอบโจทย์ที่สุดในรอบนี้คือ คาร์ลอส อัลคาราซ ที่ย้ายเข้ามาแล้วยิงไป 3 ประตูกับ 1 แอสซิสต์

แต่โดยรวมแล้วถือว่าค่อนข้างหน้าผิดหวังกับการเสริมทัพทั้งสองตลาด เพราะไม่ได้ช่วยยกระดับทีมให้ดีขึ้นจากเดิมเลย 

๐ เลือกกุนซือที่ไร้ประสบการณ์

การปลด ราล์ฟ ฮาเซนฮุตเทิ่ล ออกจากตำแหน่งในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2022 ถือว่าพวกเขาทำถูกต้อง หลังทีมหล่นไปรั้งอันดับ 18 ของตาราง 14 เกม ชนะได้แค่ 3 เสมอ 3 และแพ้ไปถึง 8 แถมเป็นเวลาที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงพักเบรกฟุตบอลโลกด้วย 

ในตอนนั้นพวกเขามีข่าวกับกุนซือหลายราย แต่ดันเลือก เนธาน โจนส์ เทรนเนอร์วัย 49 ปี ที่ไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาก่อน แม้เขาทำผลงานได้ดีกับ ลูตัน ทาวน์ ในช่วงการออกสตาร์ทของศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ

“สปอร์ต รีพับบลิค” ที่นำโดย ราสมุส อันเคอร์เซ่น มอบสัญญาให้ โจนส์ เป็นเวลา 3 ปีครึ่ง หรือเซ็นกันถึงปี 2026 ความต้องการของพวกเขาคืออยากสร้างทีมใหม่ เปลี่ยนอะไรใหม่ ๆ จากยุคของ ราล์ฟ ฮาเซ่นฮุตเทิ่ล คำถามคือ… มันใช่เวลาไหม?

“ผมภูมิใจมากที่ได้รับโอกาสนี้ ผมมีความทรงจำมากมายเกี่ยวกับสโมสรตั้งแต่สมัยที่ลงเล่นในเดอะ เดลล์ ไปจนถึงการเล่นที่ เซนต์ แมร์รี่ ในปัจจุบัน นี่คือสโมสรที่ยอดเยี่ยม และเป็นความฝันสูงสุดของผมในการคุมทีมในพรีเมียร์ลีก” โจนส์ ให้สัมภาษณ์ในวันแรกที่เขาเซ็นสัญญากับทีม 

แม้ว่าเขาจะมีเวลาเตรียมทีมมากมายในช่วงพักเบรกบอลโลก แต่ทว่าผลงานของทีมกับไม่ดีขึ้นเลย 8 เกมในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ชนะได้แค่เกมเดียวในการเยือนเอฟเวอร์ตัน ส่วนที่เหลือแพ้หมด แม้ว่าจะทำทีมเข้ารอบลึกในรอบถ้วยก็ตาม

ไม่มีความชัดเจนในเรื่องระบบการเล่น ใช้มันแทบทุกแผนตั้งแต่ 4-4-2, 3-4-3, 3-1-4-2, 3-4-2-1, 4-2-3-1 และ 5-3-2 ทีมไม่มีระบบการเล่นที่ชัดเจน ทำเอาแฟน ๆ ของ “นักบุญแดนใต้” ต่างก็รู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และตะโกนต่อว่าในสนาม 

ฟางเส้นสุดท้ายขาดลง ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2023 พวกเขาเล่นในบ้านเจอกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ได้ประตูขึ้นนำก่อน 1-0 ในครึ่งแรก แถม รูเบน เนเวส ผู้เล่นทีมเยือนก็มาโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม 

แต่ทว่าพวกเขายังกล้าแพ้คารัง 1-2 ให้กับ “หมาป่า” ที่เหลือผู้เล่น 10 คน เป็นผลงานที่น่าผิดหวังสุด ๆ ทำให้วันต่อมาเขาถูกปลดออกจากตำแหน่งทันที สิ้นสุดช่วงระยะเวลา 4 เดือนที่เข้ามาคุมทีม

ที่สำคัญคือการเสียเงินค่าชดเชยอีก 8 ล้านปอนด์ รวมค่าฉีกสัญญาที่ไปดึงมาจาก ลูตัน ทาวน์ อีก 4 ล้านปอนด์ รวมแล้วต้องสูญเสียเงินไปแบบฟรี ๆ 12 ล้านปอนด์ กับการตัดสินใจที่ผิดพลาดในการเลือกกุนซือเข้ามาคุมทีม

 

ในตอนนั้น เซาธ์แฮมป์ตัน ต้องมองหาผู้จัดการทีมคนใหม่ มีข่าวลือกับ เจสซี่ มาร์ช ที่ตกงานมาจากลีดส์ ยูไนเต็ด และโค้ชรายอื่น ๆ แต่ทำไปทำมากลับเลือกดัน รูเบน เซเยส จากทีมสำรองขึ้นมาคุมชุดใหญ่ 

ด้วยเหตุผลตามรายงานของสื่อเมืองผู้ดีระบุว่า เขามีแพรสซั่นในการคุมซ้อมดี กระตุ้นปลุกเร้านักเตะได้ยอดเยี่ยม และเจ้าตัวเองก็ยอมรับแบบแมน ๆ ว่าอยากได้งานแบบถาวร 

แถมการประเดิมเกมแรกของเขาในฐานะผู้จัดการทีมอาชีพ ราวกับความฝันด้วยการบุกไปเอาชนะ “สิงห์บลูส์” เชลซี ถึงเดอะ บริดจ์ 1-0 

แต่การเอาชนะ เชลซี ก็เป็นเหมือนดาบสองคม ดูเหมือนว่าเหล่าผู้บริหารของ “นักบุญแดนใต้” จะมั่นอกมั่นใจกับเทรนเนอร์หนุ่มวัย 37 ปี ทำให้เขาได้รับสัญญาคุมทีมแบบถาวรไปอย่างน้อยจนจบฤดูกาลนี้ 

หลังจากนั้นฟอร์มก็ออกทะเล 10 เกม ชนะได้แค่นัดเดียว ที่เหลือเสมอ 3 แพ้ 6 จนหล่นลงไปจมบ๊วยของตารางและไม่กลับขึ้นมาอีกเลย 

นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่พวกเขาตัดสินใจผิดพลาดในการเลือกผู้จัดการทีมที่ไม่มีประสบการณ์ เข้ามาคุมทีมถึง 2 รอบภายในฤดูกาลเดียว ครั้นจะปลดอีกก็คงไม่ไหวแล้ว เพราะเงินที่ลงทุนไปก็ไม่ใช่น้อย ๆ และยังมีค่าชดเชยที่ต้องจ่ายให้ เนธาน โจนส์ อีก

๐ ขาดหน้าเป้าตัวจบสกอร์

เมื่อดูจากสถิติต่าง ๆ ในฤดูกาลนี้ “นักบุญแดนใต้” คือทีมที่มีเกมรุกห่วยที่สุดรองจาก เอฟเวอร์ตัน 34 เกมในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ พวกเขายิงได้แค่ 28 ประตู แถมเสียไปถึง 60 ลูก ที่มันดูจะบัดซบไปมากกว่านั้นคือนักเตะดาวซัลโวประจำทีมกลับไม่ใช้ผู้เล่นในตำแหน่งศูนย์หน้า แต่ดันเป็น เจมส์ วอร์ด-พราว์ส มิดฟิลด์กัปตันทีมที่ยิงไป 7 ประตู 

แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่น่าเห็นใจสำหรับพวกเขาคือ กองหน้าตัวความหวังสูงสุดอย่าง เช อดัมส์ มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ฤดูกาลนี้ลงเล่นไปแค่ 27 เกมในทุกรายการยิงได้ 5 ประตู 

นอกจาก เช อดัมส์ แล้วผู้เล่นในตำแหน่งนี้ในทีมก็จะมีสองตัวใหม่อย่าง เชคู มาร่า และพอล โอนูอาชู แต่ก็พึ่งพาอะไรไม่ได้เลย แฟน ๆ ของ ทีม “นักบุญ” พยายามเรียกร้องให้ผู้จัดการทีมเลือกใช้งาน โอนูอาชู ให้มากขึ้น เพราะเขาคือหน้าเป้าธรรมชาติ 

แต่ รูเบน เซเยส ก็ดันทุรังใช้ ธีโอ วัลค็อตต์ ที่ก็ไม่ได้สปีดจัดจ้านเหมือนเดิม เพราะอย่าลืมว่าปีนี้เขาอายุ 34 ขวบแล้ว 

นี่จึงเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ส่งผลให้ฟอร์มการเล่นของพวกเขาย่ำแย่ในฤดูกาลนี้ 

คริส ซัตตัน กูรูวิเคราะห์ฟุตบอลของสถานีข่าวดังอย่าง “บีบีซี” ได้ให้ความเห็นถึงเรื่องนี้เอาไว้เมื่อกลางเดือนมีนาคม ถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว ทั้งเรื่องปัญหาการจบสกอร์และการเล่นเกมในบ้านที่โคตรห่วย 17 นัด ชนะ 2 เสมอ 4 แพ้ 11 เก็บได้แค่ 10 คะแนน

“ผลงานในบ้านย่ำแย่ และพวกเขาทำได้น่าผิดหวังสุด ๆ ฤดูกาลนี้ดูเหมือนว่าเกมรับจะดูดีขึ้น แต่เกมรุกมันตรงกันข้าม คุณคิดดูเอาแล้วกัน กัปตันทีมอย่าง เจมส์ วอร์ด-พราว์ส ที่เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์คือผู้ทำประตูสูงสุดของทีม” อดีตดาวยิง แบล็คเบิร์น กล่าว

“ส่วนกองหน้าอย่าง เช อดัมส์ ยิงได้แค่ 3-4 ประตู มันเป็นเรื่องที่น่ากังวลมาก หากคุณอยากได้ 3 แต้ม คุณต้องทำประตูเพื่อเอาชนะเกม ซึ่งพวกเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ เมื่อแนวรุกทำประตูไม่ได้ ความกดดันก็ตกมาที่แนวรับ”

“ครั้งสุดท้ายที่พวกเขายิงได้ 2 ประตู ต้องย้อนกลับไปถึง 8 เกม คือการพบกับ เอฟเวอร์ตัน มันบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า นี่คือทีมที่กำลังมีปัญหา แน่นอนว่า เซาธ์แฮมป์ตัน ยังมีโอกาสที่จะได้อยู่ต่อ แต่มันยากจริง ๆ นะ”

ซึ่งสิ่งที่เขารู้สึกกังวลมันก็เกิดขึ้นจริง ๆ 

๐ 4 เกมกับการเดิมพันครั้งสุดท้ายบนลีกสูงสุด

จนถึงตอนนี้พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็เข้าสู่ 4 เกมสุดท้าย เซาธ์แฮมป์ตัน กำลังจะโบกมือลาลีกสูงสุดของอังกฤษเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี หลังจากที่เลื่อนชั้นขึ้นมาในฤดูกาล 2012-13 ภายใต้การคุมทีมของ ไนเจล แอดกิ้นส์ 

ช่วงเวลา 10 ฤดูกาลในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ผลงานดีที่สุดคือการคว้าอันดับ 6 ในซีซั่น 2015-16 ในยุคที่มี โรนัลด์ คูมัน คุมทัพ มีนักเตะอย่าง ซาดิโอ มาเน่, เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค, ดูซาน ทาดิช รวมไปถึง กราเซียโน่ เปลเล่ 

อย่างไรก็ตามทุกอย่างจะเหลือเพียงความทรงจำ เพราะโอกาสในการอยู่รอดบนลีกสูงสุด นั้นแทบจะเลือนลาง แม้จะเหลือโปรแกรมลงเล่นอีก 4 นัดก็ตาม เพราะพวกเขามีแค่ 24 แต้มเท่านั้น ตามหลังโซนปลอดภัยอยู่ถึง 6 คะแนน

ซึ่งเกมที่สำคัญที่สุดของพวกเขาคือนัดต่อไปในคืนวันจันทร์ที่ 8 เมษายนนี้ นี่คือเดิมพันครั้งสำคัญว่าพวกเขาจะอยู่รอดหรือไม่ ? 

เพราะต้องออกไปเยือน “เจ้าป่า” น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ คู่แข่งลุ้นหนีตกชั้นโดยตรงที่มีอยู่ 30 แต้ม โจทย์เดียวของพวกเขาคือต้องชนะในเกมนี้ เพื่อขยับขึ้นไปเป็นต่อลมหายใจใน 3 เกมสุดท้าย 

แต่เมื่อมองดูจาก 3 เกมที่เหลือก็ได้แต่ถอนหายใจ เพราะต้องเล่นในบ้านกับ ฟูแล่ม ที่แม้ว่าอาจจะปล่อยจอยไม่ได้ลุ้นอะไรแล้ว แต่ก็ยังหนักอยู่ดี 

ส่วนอีก 2 คือการไปเยือน ไบรท์ตัน และกลับมาเฝ้ารังดวลกับ ลิเวอร์พูล ที่เชื่อว่าในเวลานั้นทั้งสองทีมนี้กำลังลุ้นพื้นที่ฟุตบอลยุโรป ดังนั้นเมื่อมองดูแล้วโอกาสของพวกเขานั้นดูจะยากลำบากสุด ๆ กับผลงานในปัจจุบันที่สะกดคำว่าชนะไม่เป็นมา 9 เกมติด

คงหวังพึ่งอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากตัวพวกเขาเอง เพราะถ้ายังเล่นแบบนี้ ปาฏิหาริย์ ก็เอาไม่อยู่..