เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย : สิ่งที่ อาร์เตต้า ต้องเร่งแก้ก่อนปืนพังพินาศ  

  ย่างเข้าหน้าหนาว ที่มีลมเย็นๆโชยมาในกรุงเทพมหานคร เวลานี้ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็ผ่านพ้นการฟาดแข้งมาแล้ว 8 เกมด้วยกัน และเราก็ได้เห็น ไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ในฟอร์มที่คล้ายอยู่ในช่วง ไบโพลาร์  3 วันดี 4 วันไข้  ชนะ และ แพ้ ที่ 4 เกมเท่ากัน เกมไหนจะ 3 แต้ม หรือ 0 แต้ม ก็ไม่มีใครคาดเดาได้เลย 

 

 

 

สัปดาห์ก่อนเพิ่งจะบุกไปเอาชนะ แมนฯยูไนเต็ด มาเกมล่าสุดก็แพ้ให้กับ แอสตัน วิลล่า คาบ้าน 0-3 ซึ่งนี่นับเป็นผลงานที่แย่ที่สุดของ มิเกล อาร์เตต้า นับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมในถิ่น เอมิเรตท์ สเตเดี้ยม เลยก็ว่าได้  และทำให้ถึงเวลานี้ทีมนั้นร่วงไปอยู่ในอันดับ 11 ของตารางเรียบร้อยแล้ว   

 

และในช่วงที่กำลังพักเบรคทีมชาติอยู่นี้  มีการบ้านมากมายก่ายกองที่ อาร์เตต้า ต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน ก่อนที่ พรีเมียร์ลีก จะกลับมาเตะอีกครั้ง และนี่คือ 5 สิ่งที่กุนซือชาวสแปนิช จำเป็นต้องทำก่อนที่จะสายเกินไป  

 

เกมรุกที่ฟอร์มหายไปแบบทื่อๆ

 

อาร์เตต้า แก้จุดอ่อนที่เกิดขึ้นกับทีมมาตลอดช่วงหลัง นั่นก็คือเกมรับที่ดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา หลังคว้า กาเบรียล มากัลเญส ปราการหลังชาวบราซิล เข้ามาเสริมทัพ แต่กับกลายเป็นว่า เกมรุกที่เคยจัดจ้านของทีม ก็ฟอร์มมลายหายไปแบบสิ้นเชิงเช่นกัน เพราะตลอด 4 เกมหลังสุดพวกเขายิงไปได้เพียงประตูเดียว และมีเพียง 3 นัดเท่านั้นในฤดูกาลนี้ที่ยิงได้เกิน 2 ประตู และนั่นทำให้ อาร์เซน่อล ชุดนี้กลายเป็นชุดแรกในรอบ 22 ปีที่ทำประตูในลีกได้น้อยสุดเมื่อผ่านไป 8 นัด ด้วยตัวเลยเพียง 9 ประตู ซึ่งนี่ไม่ใช่วิสัยทัศน์ที่ควรจะเป็นสำหรับ ไอ้ปืนใหญ่ เลย

 

 

ที่เห็นได้ชัดคือฟอร์มการเล่นของ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง ดาวยิงกัปตันทีมที่นับตั้งแต่ต่อสัญญาฉบับใหม่ เขาก็เพิ่งยิงไปได้ลูกเดียว ที่สำคัญคือไม่ได้เกิดขึ้นจากเกมโอเพ่นเพลย์ด้วย แต่เกิดขึ้นจากลูกจุดโทษ รวมไปถึง อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ ที่ทำผลงานได้น่าผิดหวังตามเพื่อนซี้ไปติดๆ เพราะมีหลายครั้งเหลือเกินที่ดาวยิงเลือดเฟรนช์ พลาดโอกาสทองไปแบบเหลือเชื่อจนน่าเขกกะโหลก นั่นทำให้ถึงเวลานี้ทั้งคู่เพิ่งจะยิงรวมกันไปเพียง 5 ประตูเท่านั้น 

 

 

ไม่ว่าสุดท้ายแล้วแรงจูงใจ หรืออะไรก็ตามที่เป็นปัญหา แต่สิ่งที่ชัดเจนคือหากทั้งคู่ไม่สามารถปรับทัศนคติ และกลับมาสู่ฟอร์มการเล่นที่ฝากความหวังได้ ต่อให้จะมีเกมรับที่ยอดเยี่ยมแค่ไหน  มันก็คงเป็นเรื่องยากที่จะไปสู่จุดเป้าหมายท็อปโฟร์ที่ทีมต้องการอย่างแน่นอน

 

โอกาสสร้างสรรค์เกมที่อยู่ดีๆก็หายไลน์ไม่ตอบ

 

พูดถึงปัญหาปืนฝืด ของ โอบาเมยอง และ ลากาแซตต์ ไปแล้ว แต่ต้นตอที่แท้จริงอีกอย่างคือทั้งคู่นั้นแทบไม่ได้รับโอกาสในการทำประตูจากแนวรุกคนอื่นๆที่มีอยู่ในทีมเลย สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือจังหวะสร้างเกมที่ทำกันช้ากว่าเมื่อก่อนมาก  

 

 

อย่าง วิลเลี่ยน แนวรุกแซมบ้าแข้งใหม่ที่สร้างความหวือหวาในเกมเปิดสนามที่บุกไปเอาชนะ ฟูแล่ม แต่หลังจากนั้นมาก็ไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่ง หรือมีส่วนร่วมในการทำประตูได้อีกเลย    ส่วน เซบาญอส ที่น่าจะเป็นคนที่ดูสร้างสรรค์เกมได้ดีที่สุด ก็มีบ่อยครั้งที่ต้องถูกดร็อปเป็นสำรองตามแท็กติกของ อาร์เตต้า ที่ชื่นชอบ กองกลางตัดเกมอย่าง โมฮัมเหม็ด เอลเนนี่ หรือ กราชิต ชาก้า มากกว่า 

 

 

และอีกอย่างที่เห็นเลยคือ การยืนตำแหน่ง การสั่งการกันเองดูรวนไปหมด ขาดความเข้าใจซึ่งกัน เกมฝั่งซ้าย ซาก้า ที่เล่นเป็นฟูลแบ็ก มักจะทับตำแหน่งกับ โอบาเมยอง จนเกมมันเดินหน้าไปแบบสะเปะสะปะ ไม่เติมที่อย่างที่ควรจะเป็น

 

 

ขณะเดียวกัน นิโกลาส เปเป้ ที่ตกไปเป็นตัวสำรองถาวร เมื่อได้รับโอกาสก็ยังไม่แสดงให้เห็นเลยว่าทำไมถึงมีค่าตัวแพงขนาด 72 ล้านปอนด์  ขณะที่คนที่เคยสร้างสรรค์ และขับเคลื่นเกมได้ดีที่สุดอย่าง เมซุต โอซิล ถึงเวลานี้ควรเลิกพูดถึงได้แล้ว เพราะเสี่ยแกโดนตัดออกจากทีมทั้งชุดพรีเมียร์ลีก และ ยูโรป้า ลีก เป็นที่เรียบร้อย ทั้งที่นี่คือแข้งที่ได้รับค่าเหนื่อยที่รับค่าเหนื่อยสูงสุดในทีมด้วยซ้ำ นี่คือสิ่งที่ อาร์เตต้า จำเป็นต้องปรับให้เกมกลับมาเข้ารูปเข้ารอยให้ได้ 

 


ให้โอกาสดาวรุ่งมากกว่านี้ 

 

โอเคหละ โอซิล อาจจะหมดอนาคตไปแล้ว แต่ในเมื่อเวลานี้แข้งแกนหลักที่ยึดตัวจริงยังคงโชว์ฟอร์มน่ำแน่ อาร์เตต้า ก็ควรทดลองให้โอกาส และใช้ประโยชน์จากตรงนี้ดูบ้าง เพราะในทีมเต็มไปด้วยดาวรุ่งที่ฟอร์มแจ่มๆอย่าง โจ วิลล็อค กองกลางวัย 21 ปี ที่เป็น แมน ออฟ เดอะแมตช์ ในเกมยูโรป้า ลีก 2 นัด แต่กลับไม่ได้โอกาสแม้แต่นาทีเดียวทั้งกับเกมที่พบ แมนฯยูไนเต็ด และ แอสตัน วิลล่า  

 

 หรืออย่าง เอ็ดดี้ เอนเคเทียห์ กองหน้าดาวรุ่งที่ได้ต้องเป็นซูเปอร์ซับอยู่ตลอด แม้ ลากาแซตต์ จะฟอร์มย่ำแย่แค่ไหนก็เป็นอีกคนหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะแม้จะเป็นสำรองแต่ก็ยิงประตูได้พอๆกับ โอบาเมยอง เลยด้วยซ้ำ ส่วนฝั่งซ้ายหาก ซาก้า เล่นเหมือนทับตำแหน่งกับ โอบาเมยอง ก็ลองให้โอกาส แอชลีย์ มิตแลนด์ ไนลส์ ดูบ้างไหม

 

 

 และอีกคนที่เรายังไม่ได้เห็นหน้าเขาในสนามเลยก็คือ วิลเลี่ยม ซาลิบา ปราการหลังที่ค่าตัวแพงถึง 27 ล้านปอนด์  แต่ปรากฏว่ายังไม่ได้โอกาสลงเล่นแม้แต่นาเดียว นับเป็นเรื่องน่าสงสัยมากว่าเป็นเพราะอะไร 

 

 

 

หาแผนที่ใช่ให้เจอโดยเร็ว 

 

แม้ว่า อาร์เตต้า จะพยายามยึดแท็กติก 3-4-3 ให้เป็นแกนในฤดูกาลนี้  โดยแผนเกมรับ 3 คนของทีมที่ให้ ร็อบ โฮลดิ้ง ,กาเบรียล มากัลเญส และ คีแรน เทียร์นีย์ ยืนนั้นใช้ได้ผลอย่างดีกับเกมเอาชนะ ยูไนเต็ด แต่กับเกมที่แพ้ แอสตัน วิลล่า 0-3  แนวรับกลับยุ่ยเลยเป็นทิชชู่
แต่ก็มีบ่อยครั้งที่ทีมปรับมาเล่นในระบบ 4-3-3 โดยเฉพาะในถ้วย ยูโรป้า ลีก ที่พอใช้แผนแบ็กโฟร์ ผลงานก็ถือว่าดีขึ้นไม่น้อย (เอ๊ะหรือจะเจอแต่ทีมไม่แกร่ง ? ) ทัง้นี้แผน 4-3-3 เคยถูกนำไปใช้เกมที่พ่าย แมนฯซิตี้ มาแล้ว ซึ่งมันก็ดูไม่เวิร์ค นั่นทำให้สิ่งนี้ อาร์เตต้า จำเป็นต้องหาแผนหลักไปเลยดีกว่า เพื่อให้นักเตะไม่เกิดความสับสน และสร้างความแน่ใจว่าแท็กติกไหนกันแน่ที่เหมาะสมกับทีมของเขาจริงๆ 

 

 

 

 

หาวิธีดึงศักยภาพของ ปาร์เตย์ ออกมาให้ได้มากที่สุด

 

เราได้เห็นกันแล้วว่าทำไม อาร์เซน่อล ถึงตัดสินใจทุ่มเงิน 45 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัว โธมัส ปาร์เตย์ มาจาก แอตเลติโก มาดริด หลังเขาสร้างผลงานในเกมแรกในพรีเมียร์ลีก ด้วยการเป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมที่ทีมบุกไปเอาชนะ แมนฯยูไนเต็ด ซึ่งเกมนี้เขามีโหม่งเอาชนะคู่แข่งในจังหวะสำคัญได้หลายครั้ง และยังจ่ายบอลได้แม่นยำ รวมทั้งจังหวะเข้าปะทะก็ทำได้ดีไร้ที่ติ 

 

 

แต่แล้วในเกมพ่าย วิลล่า เขาก็ได้รับบาดเจ็บในช่วงพักครึ่ง ซึ่งเวลานี้ยังไม่แน่ชัดว่านานขนาดไหน แต่หากเขากลับมาสู่ทีมอีกครั้ง ก็เป็นที่แน่นอนว่า อาร์เตต้า จำเป็นต้องหาทางดึงศักยภาพที่ดีที่สุดของแข้ง กาน่า ออกมาให้ได้ เพราะเชื่อว่าเจ้าตัวยังมีอะไรที่สามารถสร้างประโยชน์ให้ทีมได้อีกมาก  และนี่จะเป็นอีกจุดที่สำคัญมากๆของทีมในฤดูกาลนี้

 

 

                                               DaboyG