เดือดทุกลีก! อัพเดตสถานการณ์ลุ้นแชมป์ 5 ลีกใหญ่ยุโรป

 

หลังเกมแดงเดือดผ่านพ้นไป ทำให้ศึกพรีเมียร์ลีกในตอนนี้ลุ้นแชมป์กันสนุกมากกว่าฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งนอกจากลีกแดนผู้ดีแล้ว เมื่อเรามองไปที่ 5 ลีกใหญ่ยุโรป ไม่ว่าจะเป็น บุนเดสลีกา , ลาลีกา , ลีกเอิง และ กัลโช่ เซเรียอา ทุกลีกกำลังอยู่ในสถานการณ์ลุ้นแชมป์กันอย่างดุเดือด

 

วันนี้ UFA ARENA จะพาทุกคนไปอัพเดตสถานการณ์ของแต่ละลีกว่าจะมีความดุเดือดมากแค่ไหน

 

บุนเดสลีกา ความเดือด 6/10

มาเริ่มกันที่ความเดือดระดับเบาๆกันก่อน เพราะในขณะนี้ บาเยิร์น มิวนิค ทีมแกร่งประจำลีก ยังคงเป็นทีมที่ยึดจ่าฝูงไว้ได้ แถมทั้งลีกยังแข่งเท่ากันที่ 16 นัด แต่ทัพเสือใต้สามารถฉีกทีมอันดับสองอย่าง ไลป์ซิก ไปถึง 4 แต้ม แม้พวกเขาจะมีสะดุดแพ้บ้าง เสมอบ้าง รวมถึงในเกมที่ทั้งสองทีมเจอกันก็จบลงด้วยผลเสมอ แต่ฝั่งบาเยิร์น ก็ยังคงเป็นทีมที่ลอยตัวอยู่ในขณะนี้ ส่วนอันดับสาม และ สี่ อย่าง เลเวอร์คูเซ่น และ ดอร์ทมุนด์ มีแต้มเท่ากันที่ 29 แต้ม ห่างจาก เสือใต้ถึง 7 แต้ม 

 

สำหรับลีกเมืองเบียร์แม้จะยังเดือดไม่มากเท่ากับลีกอื่นๆในปัจจุบัน แต่ก็ต้องรอดูช่วงที่ แชมเปี้ยนส์ลีกกลับมาแข่ง ช่วงเดือนมีนาคม ที่บาเยิร์นจะมีคิวพบกับ ลาซิโอ เกมแรก 24 กุมภาพันธ์ และมีเกมกับ ดอร์ทมุนด์ ในวันที่ 6 มีนาคม ส่วนเกมกับอินทรีฟ้าขาว นัดที่สองวันที่ 18 มีนาคม และต่อด้วย เกมกับ ไลป์ซิค วันที่ 3 เมษายน ซึ่งช่วงดังกล่าวจะเป็นโปรแกรมมหาโหดของพวกเขาเลยทีเดียว

 

ลาลีกา ความเดือด 6/10

นับเป็นอีกหนึ่งปีทองของ แอตเลติโก้ มาดริด ที่ในตอนนี้พวกเขานำโด่งเป็นจ่าฝูงอยู่ในขณะนี้ด้วยการมี 41 แต้ม ห่างจากทีมอันดับสองอย่าง เรอัล มาดริด 4 แต้ม แถมยังแข่งน้อยกว่า 2 นัดด้วย ส่วนทาง บาร์เซโลน่าเองก็เก็บมาได้แค่ 34แต้ม รั้งอันดับ 3 อยู่ในตอนนี้

 

สำหรับลีกจากแดนกระทิงดุปีนี้ดูดร็อปลงไปมากเนื่องจากสองทีมแกร่งของลีกอย่าง ราชันชุดขาว และเจ้าบุญทุ่ม อยู่ในช่วงฟอร์มกระท่อนกระแท่น และแม้ว่าในการเจอกันล่าสุด ระหว่างสองทีมจากเมืองมาดริด จะเป็น เรอัล มาดริด ที่เก็บชัยไปได้ แต่มันก็ไม่เพียงพอ เพราะมันเป็นแค่ เกมเดียวที่ทัพตราหมีแพ้ในฤดูกาลนี้

 

ซึ่งนี้อาจจะเป็นฤดูกาลที่ลูกทีมของ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ได้กลับมาชูถ้วยแชมป์ลาลีกาอีกครั้ง นับตั้งแต่ปี 2013/14 ที่ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ เคยพาทีมคว้ามาได้ สิ่งเดียวที่ต้องกังวลคือปัญหานักเตะบาดเจ็บรวมถึงการโรเทชั่นนักเตะไปแข่งในรายการ แชมเปี้ยนส์ลีกอีกด้วย

 

กัลโช่ เซเรียอา ความเดือด 7/10

เป็นอีกหนึ่งลีกที่แทบจะอยู่นอกสายตาในบรรดา 5 ลีกใหญ่ยุโรป หลังจากที่ ยูเวนตุส ครองความยิ่งใหญ่มานาน ปีนี้ทัพม้าลายที่เข้าสู่ช่วงเปลี่ยนถ่ายยุค แถมยังต้องมาเจอกับผู้ท้าชิงแชมป์ลีกอย่างสองทีมจากเมืองมิลาน ทั้ง เอซี มิลาน และ อินเตอร์ มิลาน ที่ในตอนนี้ครองจ่าฝูง และรองจ่าฝูง โดยมีแต้มเท่ากันที่ 40 แต้ม

 

ในขณะที่ ยูเวนตุสแม้จะแข่งน้อยกว่า 1 นัด แต่ก็เก็บไปได้แค่ 33 แต้ม และอยู่แค่อันดับ 5 เท่านั้น ส่วนอันดับ 3 และ 4 อย่าง นาโปลี และ โรม่า มีแต้มเท่ากันที่ 34 แต้ม แต่ นาโปลี แข่งน้อยกว่า 1 นัด ซึ่งถ้าให้พูดกันตามตรงในเวลานี้ คำว่าแชมป์เริ่มห่างออกไปจาก เบียงโคเนลลี่ หลังจากที่ไปแพ้ให้กับทัพงูใหญ่ ในเกมล่าสุด ทำให้พวกเขาห่างจ่าฝูงไปไกลถึง 7 แต้ม

 

ความเดือดของลีกนี้เห็นจะเป็นการที่สองยักษ์จากเมืองมิลาน ตื่นขึ้นมาพร้อมกันหลังจากเป็นยักษ์หลับไปนาน แถมกลับมาฟาดฟันกันเพื่อแย่งแชมป์กันแบบสูสีสุดๆในปีนี้อีกด้วย โดยเกมที่พวกเขาจะต้องมาเจอกันในลีกยกที่สอง จะเกิดขึ้นในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ หลังจากยกแรก ปีศาจแดงดำเป็นฝ่ายกำชัยไปได้ก่อน

 

ลีกเอิง ความเดือด 8/10

ใครจะเชื่อว่าแม้แต่ลีกที่ถูกล้อกันว่าเป็นลีกเปิดบอท ลีกง่ายๆ ลีกของเปแอสเช แต่ปีนี้กลับมีการแข่งขันที่ดุเดือดสุดๆ เมื่อ เปแอสเช แม้จะเป็นจ่าฝูงของลีกในตอนนี้ แต่พวกเขาก็มีแต้มเท่าทีมอันดับสองอย่าง ลีลล์ ที่ 42 แต้ม ส่วนทีมอันดับสามอย่าง โอลิมปิค ลียง ที่มี 40 แต้ม ซึ่งความพ่ายแพ้ในเกมล่าสุดทำให้พวกเขาอดเก็บสามแต้มแซงขึ้นจ่าฝูงไปอย่างน่าเสียดาย

 

นอกจากนี้ยังมี มาร์กเซย ที่แข่งน้อยกว่า 2 นัด แต่ถ้าพวกเขาเก็บสามแต้มได้ทั้งสองนัดที่เหลือพวกเขาจะจี้มาเป็น 38 แต้มทันที เรียกว่าลีกแดนน้ำหอมในปีนี้ ขับเคี่ยวกันอยู่ 4 ทีม และแทบจะไม่ทิ้งห่างกันมากเหมือนปีก่อนๆเลย

 

แน่นอนว่าตัวแปรสำคัญจะไปอยู่ที่เมื่อเกมยุโรปกลับมาเตะทั้ง เปแอสเช และ ลีลล์ มีคิวต้องไปลงเตะกันทั้งคู่ แต่กลับกัน โอลิมปิค ลียง ที่ปีนี้พวกเขาอดไปเล่นฟุตบอลยุโรป เนื่องจากลีกเอิงตัดสินใจตัดจบไปก่อนในซีซั่นที่แล้ว ทำให้พวกเขามีโอกาสกวาดแต้ม และไปถึงแชมป์ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการโรเทชั่นนักเตะ ซึ่งอาจเป็นอีกปี นับตั้งแต่ปี 2016/17 ที่จะได้เห็นแชมป์ลีกเอิงไม่ใช่ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ก็เป็นได้

 

พรีเมียร์ลีก ความเดือด 9/10

หลังเกมแดงเดือดระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปเสมอกับ ลิเวอร์พูล ในเกมล่าสุด ทำให้สถานการณ์การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกปีนี้สนุกขึ้นเป็นกอง แชมป์เก่าอย่างหงส์แดง ร่วงไปถึงอันดับ 4 จากผลเสมอครั้งนี้ ส่วน ปีศาจแดงเองก็ครองอันดับ 1 ต่อไปได้แต่ก็โดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อริร่วมเมืองทำแต้มจี้หลังมาห่างแค่ 2 แต้มเท่านั้น แถมยังแข่งน้อยกว่า 1นัดอีกด้วย

 

นอกจากนี้ยังมี เลสเตอร์ ซิตี้ ที่มี 35 แต้มครองอันดับ 3 ณ ปัจจุบัน เองก็เป็นทีมที่ประมาทไม่ได้เลยเช่นกัน รวมถึง เอฟเวอร์ตัน ที่แข่งน้อยกว่า 1 นัด ก็มี 32 แต้ม พร้อมจะขึ้นมาเขี่ย หงส์แดงให้ร่วงลงไปอีกอันดับ หากว่าพวกเขาเก็บสามแต้มได้ในเกมถัดไป

 

สรุปแล้วในตอนนี้แม้ปีศาจแดงจะมี 37 แต้ม ก็ไม่ได้น่าอุ่นใจเลยเพราะทั้ง เรือใบสีฟ้า ที่มี 35 แต้มพร้อมแซงทุกเมื่อ จิ้งจอกสยาม ที่มี 35 แต้ม ก็เป็นตัวอันตรายได้ตลอด ยังมี ทอฟฟี่สีน้ำเงิน ที่แม้จะฟอร์มไม่สม่ำเสมอแต่ก็เก็บไปแล้ว 32 แต้มแถมแข่งน้อยกว่า รวมถึงแชมป์เก่าอย่างหงส์แดงก็กาชื่อทิ้งออกไปไม่ได้ หากว่าตัวผู้เล่นของพวกเขากลับมาครบ ก็มีสิทธิกลับมาทวงบัลลังก์คืนได้เหมือนกัน