หากเอ่ยถึงเจ้าของสโมสรที่แฟนบอลเกลียดมากที่สุดในยุคปัจจุบันต้องมีชื่อของ ตระกูลเกลเซอร์ ผู้ครอบครองแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ติดมาเป็นอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน
มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน เข้ามาเป็นเจ้าของทีมอย่างสมบูรณ์ในปี 2005 หลังค่อย ๆ ไล่ซื้อหุ้นคนอื่น ๆ ภายในทีม แต่ที่ทำให้แฟนบอล ‘ปีศาจแดง’ เดือดดาลที่สุดคือการกู้หนี้ยืมสินที่ซื้อสโมสร ทำให้ทีมกลายเป็นหนี้ครั้งแรกในรอบ 70 ปี
เมื่อโปรเจ็ค ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก ที่พวกเขาเป็นตัวตั้งตัวตี ล้มเหลวภายในเวลา 48 ชั่วโมงหลังเปิดตัว ทำให้สาวก ‘เร้ด เดวิลส์’ มากมายจากทั่วโลกรวมพลังออกมาต่อต้านและประท้วงเจ้าของสโมสรอีกครั้ง
แต่นอกจากแฟนบอลแล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เรายังได้เห็นอดีตนักเตะของสโมสรหลายคนที่ออกมาโจมตี เกลเซอร์ บ่อย ๆ กับแนวทางการบริหารทีมที่หวังกอบโกยผลกำไรมากเกินไป ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จะขอพาไปพบกับ 10 อดีตแข้งผีที่ออกมาต่อต้านตระกูลเศรษฐีจากแดนมะกัน
ปาทริซ เอวร่า
“สโมสรต้องหยุดทำตัวหยิ่งผยองได้แล้ว” เอวร่า กล่าวถึงผู้บริหารที่อยู่เบื้องบนของสโมสรที่สนใจแต่เรื่องธุรกิจมากกว่าฟุตบอลในปี 2020
“ก่อนถึงพวกเขา บ็อบบี้ ชาร์ลตัน, จอร์จ เบสต์ พวกเขาสร้างประวัติศาสตร์ให้สโมสร และเราพยายามเคารพมัน ทริปเบิ้ลแชมป์ในปี 99 และของเราในปี 08 แต่คนบางกลุ่ม กลับต้องการทำลายมรดกนี้ทิ้งไป เพื่ออะไรกัน? ธุรกิจหรอ? ผมคิดว่าคนที่ทำงานกับสโมสรนี้กำลังทำลานสโมสรนี้อยู่ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องบอกความจริง ๆ ให้แฟนบอลรู้”
“ปัญหาเดียวที่ผมจะพูดกับ เอ็ด คือการเชื่อใจคนที่เขาไม่ควรไว้วางใจนั่นแหละ”
แกรี่ เนวิลล์
เนวิลล์ ปล่อยความคิดเห็นตนเองออกมาแบบไม่มีกั๊ก หลังข่าวเรื่อง ซูเปอร์ลีก เริ่มเผยแพร่ออกมาผ่านสื่อ และตัวเขาเองได้เรียกร้องให้แฟนบอลรวมพลังกัน ตลอด 3 วันที่เขาทำหน้าที่ใน สกาย สปอร์ต สื่อดังแดนผู้ดี
“ชัดเจนว่าเราไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องเป็นเวลานี้ ปลิงพวกนั้นคงต้องหักหลังเขาด้วยเหตุบางอย่าง ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเกี่ยวกับเรื่องนั้น” เนฟผู้พี่ กล่าว หลัง เอ็ด วู้ดเวิร์ด ประกาศลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของ ปีศาจแดง
“เอ็ด วู้ดเวิร์ด เป็นแค่ลำต้นของต้นไม้ ตอนนี้เราต้องขุดไปให้ถึงราก ผมบอกไปเมื่อคืนว่าผมรู้สึกว่ามันแปลก ๆ พวกเขาตกลงกัน ขณะที่พวกเขานั่งอยู่เฉย ๆ ในสโมสร โดยไม่แถลงการณ์อะไร ไม่บอกอะไร ไม่มีการแถลงผ่านสื่อ ใช่ไง พวกเขาเอาเงินสโมสรออกไป พวกเขาใช้ประโยชน์จากสโมสร ไม่มีอะไรที่พวกเราทำได้เลยหากสโมสรกลายเป็น PLC (บริษัท มหาชน จำกัด )”
“พวกเขาเกลเซอร์ ต้องไม่มีที่ยืนใน แมนเชสเตอร์ อีกต่อไป”
ริโอ เฟอร์ดินานด์
นอกจาก เนวิลล์ แล้ว ริโอ เฟอร์ดินานด์ ก็เป็นอดีตแข้งยูไนเต็ด อีกครั้งที่ออกมาพูดถึงสโมสรเก่าบ่อย ๆ ผ่านสื่อต่าง ๆ เมื่อมีโอกาส ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องที่เขามองว่าถูกต้องนักในแง่ของการบริหารทีมจากคนที่อยู่เบื้องบน และการก่อตั้งซูเปอร์ลีก ก็เช่นกัน
“ผมคิดว่ากลุ่มทีมที่แยกตัวออกไปได้สร้างสงครามกับฟุตบอล ช่างน่าอับอายขายหน้า และมันขัดแย้งกับทุกอย่างเกี่ยวกับฟุตบอล” อดีตกองหลังปีศาจแดง กล่าวกับ บีที สปอร์ต
“น่าขายหน้าจริง ๆ ผมไม่อยากเชื่อเลย พวกเขากล้าที่จะทำสิ่งนี้ได้ยังไง ในช่วงเรากำลังเผชิญกับการระบาดทั่วโลกในขณะนี้”
“มันแสดงให้ผมเห็นว่าคนเหล่านี้ไม่รู้ว่าฟุตบอลเกี่ยวกับอะไรเลย เห็นมันเป็นเพียงธุรกิจอย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีความคิดสำหรับคนอื่นในฐานพีระมิด ไม่มีการพิจารณาใด ๆ เลย ฉันไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ”
พอล ปาร์คเกอร์
ปาร์คเกอร์ เป็นหนึ่งในนักเตะที่คว้าแชมป์ในอังกฤษทุกรายการในช่วงที่ค้าแข้งกับ แมนยูไนเต็ด ได้สับการบริหารของสโมสรแบบไม่ไว้หน้าในบทสัมภาษณ์กับ ดิ เอ็กซ์เพรส ในปี 2019
“ณ ช่วงเวลานี้ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องบนเหนือผู้จัดการทีม เป็นเรื่องที่น่าตกใจ เรื่องราวต่าง ๆ ออกมาตลอดเวลา มันกลายเป็นโลกที่ยากลำบากสำหรับทุกคน” อดีตแนวรับชาวอังกฤษ กล่าว
“ณ เวลานี้ ยูไนเต็ด ถูกเลือกปฏิบัติต่อต้านเรื่องของฟุตบอล โดยด้านธุรกิจ มันเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ใช่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอฟซี อีกต่อไป นี่เป็นสโมสรฟุตบอล เป็นสโมสรฟุตบอลของชาวแมนเชสเตอร์อีกฝั่งหนึ่ง แม้ว่าสิ่งนั้นจะถูกพรากไปแล้วก็ตาม”
นิกกี้ บัตต์
“ผมคิดว่าการขอโทษคงดีเกินไป หากผมต้องพูดมันออกมาตรง ๆ ผมคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้น มันไม่ควรเกิดขึ้นเลย” นิกกี้ บัตต์ หนึ่งในแข้งปีศาจแดงชุด ‘คลาส ออฟ 92’ กล่าวในบทสัมภาษณ์ล่าสุดกับ สกาย สปอร์ต
“สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการทารุณกรณีที่เลวร้ายที่สุดของในความคิดของผมจากคนที่มีอำนาจ ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะขอโทษหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวข้องกับผมจริง ๆ”
“ผมคิดว่านั่นเป็นวิธีการทำงานของนักธุรกิจเหล่านี้ พวกเขาทำงานในเงามืด และพวกเขาทำในสิ่งที่คิดว่าถูกต้อง แต่ผมคิดว่าสิ่งที่น่าตกใจคือพวกเขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจแฟน ๆ ที่ทำให้กีฬานี้ยอดเยี่ยมได้เลย”
“หากไม่มีแฟน ๆ กีฬาก็ไม่มีความหมายอะไร และการไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่แฟน ๆ ต้องการนั่นเป็นสิ่งที่น่าตกใจสำหรับผมเช่นกัน”
มาร์ค บอสนิช
ถึงไม่ได้ประสบความสำเร็จฉายแววเป็นมือหนึ่งในทีมยาวนานนัก แต่ มาร์ค บอสนิช ก็ออกมาวิจารณ์เจ้าของทีมยูไนเต็ด แบบไม่เกรงใจเช่นกัน จากบทสัมภาษณ์กับ talkSPORT ในปี 2012 กรณีที่สโมสรขาดความทะเยอทะยานในด้านการเสริมทัพ
“แมน ยูไนเต็ด ไม่ได้มีพลังอย่างที่พวกเขาเคยมี นั่นค่อนข้างชัดเจน ไม่ว่าคุณจะมองไปในทางใดก็ต้องพิจารณาว่าสโมสรมีโครงสร้างทางการเงินอย่างไร” อดีตนายด่านชาวออสซี่ กล่าว
“พวกเกลเซอร์ กำลังใช้หนี้ก้อนโต้ และคุณก็ต้องทำแบบนั้นไปด้วยไม่ต่างกับการมัดมือไว้ด้านหลัง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บอกว่านี่ไม่ใช่เวลาในการซื้อ แต่เขาก็น่าจะพูดในสิ่งที่เขาต้องการได้”
“มีผู้เล่นมากมายในตลาดนักเตะ ที่หากพวกเขายอมจ่ายเงินเพิ่มอีกหน่อย พวกเขาก็มั่นใจได้ว่าสามารถไล่ล่าแชมป์ทุกรายการได้”
เอริค คันโตน่า
เอริค คันโตน่า ถือเป็นผู้มาก่อนการณ์ก็ว่าได้ เพราะเขาเป็นคนแรกที่ออกมาวิจารณ์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ตั้งแต่ที่เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรในปี 2005 แล้ว
“เกลเซอร์ไม่มีอะไรเทียบได้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เลย ผมรักสโมสรนะ แต่ไม่ชอบที่มีพวกเขาเข้ามาบริหารทีม” ก็องโต้ กล่าวกับ เดอะ มิร์เรอร์ เมื่อ 16 ปีก่อน
“ผมไม่ชอบคนประเภทนี้ที่มีส่วนร่วมในเกมนี้ ผมจะต่อสู้ในทุกวิถีทางเพื่อให้เกลเซอร์ออกจากสโมสรแห่งนี้ ถึงเกลเซอร์สามารถจ่ายเงินให้ฉัน 100 ล้านยูโรเพื่อให้เป็นผู้จัดการทีม ผมก็จะไม่ไป”
นอกจากนี้ ตำนานปีศาจแดงคนนี้ เป็นไม่ต่างจากอดีตแข้งผีคนอื่น ๆ ที่ออกมาต่อต้านศึกยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก เช่นกันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ลี ชาร์ป
ลี ชาร์ป อาจไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหวในหน้าสื่อบ่อย ๆ นัก เมื่อเทียบกับนักเตะรายอื่น ๆ ในลิสต์นี้ แต่ความคิดเห็นของเขาในบทสัมภาษณ์กับ โกล เมื่อปี 2010 ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย หลังวิจารณ์การทำทีมในยุคของ เกลเซอร์
“มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายและเป็นความอัปยศอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหนี้สิ้นต่าง ๆ” อดีตปีกหน้าหล่อของ ยูไนเต็ด กล่าว
“การทำงานอย่างหนักของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันและทุกคนในสโมสรในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาอยู่ในภาวะอันตราย”
“ยูไนเต็ดคว้าแชมป์มามากมาย สร้างสโมสรขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง แต่ เกลเซอร์ได้ทำลายการทุ่มเทอย่างหนักทั้งหมด และเอารัดเอาเปรียบจากสิ่งนี้”
เดวิด เบ็คแฮม
สำหรับ เบ็คแฮม ไม่เพียงแต่พูดเท่านั้น แต่เขายังกระทำร่วมกับแฟนบอลในการต่อต้านพวกเกลเซอร์ด้วย
ในเกมที่ เอซี มิลาน พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกปี 2010 แฟนบอลในสนามต้อนรับการกลับมาของ หนึ่งในแข้งชุดทริปเบิ้ลแชมป์อย่างอบอุ่น
เกมนั้น’ ปีศาจแดง’ เป็นฝ่ายถล่ม มิลาน ยับ 4-0 และผ้าพันคอสีเขียว-เหลือง ถูกโยนลงมาในสนาม ขณะที่ อดีตกองกลางเท้าช่างทองกำลังเดินออกจากสนาม ซึ่งนั่นถือเป็นสิ่งที่แฟนบอลปีศาจแดงใช้ประท้วงเจ้าของทีมบ่อย ๆ ในสนาม โดยใช้สีของ นิวตัน ฮีธ ชื่อเดิมของสโมสรในการส่งเสียงต่อต้าน
เบ็คแฮม ก้มลงไปหยิบผ้าพันคอผืนนั้น และพันไว้รอบคอในขณะที่เดินออกไป แม้ต่อมา เขาอ้างว่าไม่ได้สื่ออะไรจากพฤติกรรมดังกล่าว แต่ก็ยากเหลือเกินที่จะเชื่อว่าเขาจะไม่รู้ว่าเบื้องหลังของผ้าพันคอหมายถึงอะไร
อันเดร์ เอร์เรร่า
ไม่นานหลังเก็บข้าวออกจาก โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ย้ายซบ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในซัมเมอร์ปี 2019 อันเดร์ เอร์เรร่า เผยว่าคนเบื้องบนของ ยูไนเต็ด ไม่เคยให้ความสำคัญกับเรื่องของฟุตบอลเป็นอันดับต้น ๆ เลย
“กับสโมสร มีช่วงเวลาหลายครั้งที่ผมรู้สึกว่า ฟุตบอล ถูกมองว่าไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด” กองกลางชาวสแปนิช กล่าวในบทสัมภาษณ์กับ So Foot สื่อแดนน้ำหอม
“นั่นไม่ได้ออกมาจากปากของผมนะ (เรื่องเงินสำคัญที่สุด) ผมไม่รู้เหมือนกัน แต่ฟุตบอลไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดใน แมนเชสเตอร์ แน่ ๆ”
ช่วงที่ ซูเปอร์ลีก เปิดตัวออกมา เอร์เรร่า ก็เป็นนักเตะคนแรก ๆ ที่ประณามแผนการดังกล่าว พร้อมโจมตีเจ้าของสโมสรอย่าง ตระกูลเกลเซอร์ ว่าขโมยกีฬาเหล่านี้ไปจากแฟน ๆ และผู้คนที่สร้างมันมากับมือ
“ผมรักฟุตบอล และผมไม่อาจนิ่งเฉยกับสิ่งนี้ได้ ผมเชื่อในการพัฒนาแชมเปี้ยนส์ลีก แต่ไม่กับการที่คนรวยขโมยสิ่งที่ผู้คนสร้างมันมา ซึ่งไม่มีอะไรนอกจากกีฬาที่สวยงามที่สุดในโลก” กองกลางจอมขยัน กล่าวในทวิตเตอร์
