เด็กมันมีแวว : 10 แข้งดังที่ฟาน กัล ดันขึ้นทีมชุดใหญ่จนได้ดี

 

ในที่สุด หลุยส์ ฟาน กัล ก็ตัดสินใจวางมือจากงานผู้จัดการเสียทีหลังทำหน้าที่นี้มานานกว่า 25 ปี โดยเป็นกุนซือมาทั้งหมด 5 สโมสรจาก 4 ประเทศ และพาทีมคว้าแชมป์มามากกว่า 20 ถ้วย ซึ่ง 1 ในนั้นคือถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกของอาแจ็กซ์ชุดผู้เล่นดาวรุ่งที่หลายคนยังกล่าวถึงจนทุกวันนี้

 

สโมสรจากเมืองอัมสเตอร์ดัมแห่งนี้นี่เองที่ กุนซือชาวดัชต์สร้างชื่อจากการคว้าแชมป์ด้วยการใช้นักเตะหนุ่มเป็นแกนหลักจากทีมเยาวชนของทีมและมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นในเวลาต่อมาจนได้ย้ายอยู่กับทีมใหญ่ๆทั่วยุโรป

 

เจ้าของฉายา ทิวลิปเหล็ก ได้นำแนวคิดนั้นไปใช้กับ บาร์เซโลน่า, อัคมาร์, บาเยิร์น มิวนิค และ สโมสรสุดท้ายของเขาอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้จะมีหลายครั้งที่เขาสร้างความปั่นปวนให้กับทีมที่เขาทำหน้าที่กุนซืออยู่ไม่น้อย แต่สิ่งหนึ่งที่เขาทำควบคู่มาด้วยนั่นก็คือ การผลักดันนักเตะจากเยาวชนในทีมให้มีโอกาสโชว์ฝีเท้าในทีมชุดใหญ่

 

อดีตกุนซือวัย 67 ปีได้ให้โอกาสทองแก่นักเตะดาวรุ่งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคนๆนั้นจะเล่นในตำแหน่งอะไร ถ้ามองว่าผู้เล่นคนนี้มีแวว เขาก็จะจับลงไปเล่นทันทีโดยไม่สนใจว่าจะมีประสบการณ์มากน้อยเพียงใด ซึ่งมีนักเตะอยู่ไม่น้อยที่ก้าวขึ้นมาจากจุดนั้นและกลายเป็นแข้งระดับโลกได้ในเวลาต่อมา

 

เพื่อเป็นการสดุดีและระลึกถึงคุณงามความดีที่อาจารย์หลุยส์ได้สร้างไว้ให้กับวงการลูกหนังโลก UFA ARENA จึงได้รวบรวม 10 แข้งดังระดับท็อปที่กุนซือแดนกังหันลมปลุกปั้นและผลักดันขึ้นสู่ชุดใหญ่

 

 

เอ็ดการ์ ดาวิดส์

 

 

สโมสร : อาแจ็กซ์
ปี : 1991

 

กองกลางพันธ์ดุคือหนึ่งในนักเตะชุดแชมป์ยุโรปปี 1995 ที่ฟาน กัล สร้างมากับมือในสมัยกุมบังเหนียนอยู่กับอาแจ็กซ์ และเป็นนักเตะคนสำคัญที่ช่วยให้ยอดทีมจากฮอลแลนด์คว้าแชมป์ระดับเมเจอร์มามากมาย

 

และฉายา ‘พิตบลู’ ที่แฟนบอลทั่วโลกรู้จักก็มาจากปากของ หลุยส์ ฟาน กัล คนนี้ โดยให้เหตุผลว่าด้วยไตล์การเล่นที่ดุดันและเกรี้ยวกราดในสนามทำให้เขาไม่ต่างอะไรจากสุนัขพิทบลูที่เต็มไปด้วยพละกำลังเหลือล้น

 

 

คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ

 

 

สโมสร : อาแจ็กซ์
ปี : 1992

 

ทุกคนต่างตั้งคำถามมากมายทันที่ได้เห็น คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ ในวัย 16 ปีกับอีก 242 วันลงสนามให้กับอาแจ็กซ์ชุดใหญ่ แต่ฟาน กัล ก็พิสูจน์ให้เห็นว่านี่คือเรื่องที่ถูกต้อง และกองกลางชาวดัชต์ก็ไม่ทำให้เจ้านายผิดหวัง หลังโชว์ฝีเท้าจนก้าวขึ้นไป 11 ตัวจริงในทีมได้ในปีนั้น และพายอดทีมจากเมืองอัมสเตอร์ดัมคว้าแชมป์มามากมาย

 

นอกจากนี้คลาเรนซ์ เซดอร์ฟคือหนึ่งในนักเตะที่ประสบความสำเร็จในแชมเปี้ยนส์ลีกมากที่สุด เขาคือนักเตะคนแรกและคนเดียวที่คว้าถ้วยหูยาน 3 ครั้งจาก 3 สโมสรที่ต่างกันด้วย

 

 

พาทริค ไคลเวิร์ต

 

 

สโมสร : อาแจ็กซ์
ปี : 1994

 

อาแจ็กซ์ในปีนั้นพลาดคว้าตัว โรนัลโด้ กองหน้าดางรุ่งทีมบราซิลมาร่วมทีมได้ ทำให้ฟาน กัลตัดสินใจดัน พาทริค ไคลเวิร์ต หัวหอกจากทีมเยาวชนขึ้นมาทีมชุดใหญ่เลย

 

และนี่คือหนึ่งในการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมที่สุดของกุนซือทิวลิปเหล็ก เพราะกองหน้าชาวดัชต์กลายเป็นดาวซัลโวประจำเอริดิวิซี่ โดยยิงไปทั้งหมด 18 ลูกจากการลงสนาม 25 นัด และยังยิงประตูชัยในรอบชิงแชมเปี้ยนส์ลีกปีนั้นด้วย ก่อนจะไปร่วมงานกับนายเก่าอีกครั้งที่บาร์เซโลน่าในปี 1998

 

 

ชาบี เอร์นานเดซ

 

 

สโมสร : บาร์เซโลน่า
ปี : 1998

 

ชาบีน่าจะเป็นหนึ่งในกองกลางที่แฟนบอลทั่วโลกยกย่องให้เขาเป็นเบอร์หนึ่งในช่วงที่เจ้าตัวยังค้าแข้งกับบาร์เซโลน่าอยู่ และเป็นคนสำคัญที่พาทีมคว้าแชมป์มากมายตลอดช่วง 17 ปีที่อยู่กับทีม ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณฟาน กัล ที่มอบโอกาสให้กับเขาได้แสดงความสามารถให้แฟนบอลได้เห็น

 

นอกจากนี้ อดีตกองกลางทีมชาติสเปนยังป็นมันสมองในแดนกลางของบาร์เซโลน่ายุคครองเจ้ายุโรปด้วย ร่วมไปถึงในแชมป์ระดับทวีปหรือโลก อย่างศึกยูโรและฟุตบอล ชาบีก็กวาดรางวัลมาครองหมดแล้ว

 

 

การ์เลส ปูโยล

 

 

สโมสร : บาร์เซโลน่า
ปี : 1999

 

ในปี 1998 ปูโยลเกือบย้ายไปค้าแข้งกับ มาลาก้า แล้ว แต่ทว่าหลังจากที่เขาเห็นเพื่อนซี้อย่าง ชาบี เอร์นานเดซ มีโอกาสขึ้นไปเล่นชุดใหญ่ ทำให้เขาปฏิเสธและเลือกอยู่กับทีมต่อไป ซึ่งเขาก็พยายามโชว์ฝีเท้าอย่างเต็มที่ในชุดเยาวชนจนไปเข้าตาหลุยส์ ฟาน กัล ในที่สุด

 

นับตั้งแต่นั้นปูโยลก็ค่อยๆก้าวขึ้นมาเป็นแข้งตัวหลักให้สโมสรและได้รับมอบตำแหน่งกัปตันทีมในเวลาต่อมา ก่อนจะกลายเป็นกองหลังระดับตำนานของบาร์ซ่าและทีมชาติสเปนจนถึงทุกวันนี้

 

 

อันเดรส อิเนียสต้า

 

 

สโมสร : บาร์เซโลน่า
ปี : 2002

 

หลุยส์ ฟาน กัล ได้กลับไปคุมบาร์เซโลน่าเป็นคำรบที่สองในปี 2002 แต่ทว่าเขาไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เหมือนสมัยแรกในสเปนเลย จนถูกปลดในเดือนมกราคมปี 2003 แต่สิ่งหนึ่งที่แฟนบาร์ซ่าน่าจะยอมรับในตัวฟาน กัล ก็คือการดันอิเนียสต้าขึ้นมาในทีมชุดใหญ่

 

แข้งชาวสเปนกลายเป็นยอดกองกลางระดับต้นๆของโลกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์มาหมดทุกใบแล้วไม่ว่าในทีมชาติสเปนหรือกับทีมอาซูลกราน่าก็ตาม ซึ่งอิเนียสต้ามักจะกล่าวอยู่เสมอว่า หลุยส์ ฟาน กัล คือโค้ชที่สำคัญที่สุดของเขา ถ้าไม่มีกุนซือชาวดัชต์คนนั้น เราอาจจะไม่ได้เห็นอรเนียสต้าอย่างเช่นทุกวันนี้ก็ได้

 

 

บิคตอร์ บัลเดส

 

 

สโมสร : บาร์เซโลน่า
ปี : 2002

 

บิคตอร์ บัลเดสถูกดันขึ้นในทีมอาซูลกราน่าชุดใหญ่ในช่วงเดียวกับที่อันเดรส อิเนียสต้า ที่ขึ้นมาไล่เรี่ยกัน โดยเขาได้ประเดิมสนามเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เพลย์อ็อฟรอบ 3 กับ ลิเกีย วอร์ซอว์ ในเดือนสิงหาคมปี 2002 ก่อนจะกลายมาเป็นมือหนึ่งของทีมในอีกหนึ่งปีต่อมา

 

นายทวารชาวสเปนได้กลับมาร่วมงานกับหลุยส์ ฟาน กัล อีกครั้งที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ทว่าในครั้งนี้ประสบการณ์ของเขาดูไม่เป็นที่พอใจของนายใหญ่ชาวดัชต์เท่าไหร่ และได้ลงสนามแค่ไม่กี่นัดเท่านั้น

 

 

ดาวิด อลาบา

 

 

สโมสร : บาเยิร์น มิวนิค
ปี : 2010

 

แข้งชาวออสเตรียย้ายมาทีมชุดเยาวชนของเสือใต้ตั้งแต่ปี 2008 ก่อนจะเลื่อนขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดสำรอง และในปี 2010 ฟาน กัลมองเห็นแววของเด็กคนนี้ จึงจัดการดันขึ้นชุดใหญ่ทันที พร้อมกับโยกให้เขาไปเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายแทนตำแหน่งกองกลางที่เขาเคยเล่นตั้งแต่สมัยอยู่กับ ออสเตรีย เวียนน่า

 

แม้ฟาน กัลจะไม่ใช่งานนักเตะคนนี้อย่างเต็มที่ เนื่องจากโดนบาเยิร์นปลดเพื่อเซ่นผลงานห่วยในช่วงท้ายฤดูกาลปี 2010-2011 แต่ต่อมาอลาบาก็ค่อยๆสร้างชื่อจนกลายเป็นแบ็คซ้ายระดับโลกได้ในเวลาต่อมา

 

 

อันเดรส เปเรย์ร่า

 

 

สโมสร : แมนฯยูไนเต็ด
ปี : 2014

 

หลายคนอาจจะลืมไปว่า อันเดรส เปเรย์ร่า คือนักเตะที่หลุยส์ ฟาน กัล ดันขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของปีศาจแรดตั้งแต่ปีแรกที่เขาคุม ซึ่งในขณะนั้นแข้งชาวบราซิลอายุแค่ 18 ปีเท่านั้น

 

เปเรย์ร่าได้ลงเล่นอยู่บ้างตลอดช่วงเวลาที่ฟาน กัลอยู่ในรั้วโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แต่ทันทีที่โชเซ่ มูรินโญ่เข้ามา โอกาสลงเล่นก็มีไม่เหมือนแต่ก่อนและโดนปล่อยยืมไปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่ในตอนนี้เปเรย์ร่าดูมีความสุขมากขึ้นนับตั้งแต่โซลชาเข้ามา

 

 

มาร์คัส แรชฟอร์ด

 

 

สโมสร : แมนฯยูไนเต็ด
ปี : 2016

 

ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2015-2016 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดประสบปัญหา หลัง อองโทนี่ มาร์กซิยาล กองหน้าตัวหลักบาดเจ็บตอนวอร์มในเกมยูโรป้า ลีก ทำให้ฟาน กัล ต้องหันไปใช้นักเตะวัย 19 ปีอย่างมาร์คัส แรชฟอร์ดที่อยู่ในทีมเยาวชนอย่างช่วยไม่ได้

 

หลังจากนั้นกองหน้าทีมชาติอังกฤษก็กลายเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองอีกคนในยุโรปทันที หลังยิงนัดประเดิมสนามได้ 2 ประตู รวมไปถึงเกมพรีเมียร์นัดแรกที่พบกับอาร์เซน่อล ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือหนึ่งในผลงานชิ้นโบว์แดงที่หลุยส์ ฟาน กัล ทิ้งไว้ให้แฟนผีได้ชื่นชม