เตรียมตัวรับแรงกระแทก! : เมื่อดาวรุ่งอาแจ็กซ์กลับมาเขย่าเวทีลูกหนังยุโรปอีกครั้ง

 

ย้อนกลับไปในปี 1995 อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลกหลังคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยนักเตะหนุ่มที่เติบโตมาจากอคาเดมี่สโมสรล้วนๆ

 

เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, ไมเคิล เรย์ซิเกอร์, แฟรงค์ ไรจ์การ์ด, แฟรงค์ เดอ บัวร์, คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ, เอ็ดการ์ ดาวิดส์, โรนัลด์ เดอ บัวร์ และ แพทริค ไคลเวิร์ต คือ 8 จาก 13 แข้งลูกหม้อของยอดทีมแดนกังหันลมที่ได้ลงสนามในนัดชิงดำกับ เอซี มิลาน และได้ชูถ้วยบิ๊กเอียร์ในท้ายที่สุด

 

เวลาผ่านไป 24 ปี นักเตะดาวรุ่งของอาแจ็กซ์กลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง หลังตัวแทนจากประเทศฮอลแลนด์ถล่มเรอัล มาดริด คาซานติอาโก้ เบอร์นาเบว ด้วยสกอร์ 1-4 ส่งผลให้ราชันชุดขาวตกรอบ 16 ทีมในแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 2009-2010  

 

แถมยังมีการยกย่องโยฮัน ครัฟฟ์ โดยอ้อมด้วยสกอร์ที่คล้ายกับเบอร์ 14 ที่เป็นเอกลักษณ์ของนักเตะเทวดา ว่าแต่อาแจ็กซ์ชุดนี้มีสิทธิ์คว้าแชมป์ยุโรปมาครองเหมือนสมัยปี 1995 ได้หรือเปล่า?

 

 

เหล่าอนาคตใหม่

 

 

นักเตะในชุดนี้มีล้วนมีนักเตะพลังหนุ่มเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญไม่ว่าจะเป็นเอริดิวิซี่ หรือ แชมเปี้ยนส์ลีกก็ตาม ซึ่งในนัดล่าสุดมีนักเตะเหล่านั้นอยู่ในทีมถึง 7 จาก 14 คนทีได้ลงสนาม

 

ดอนนี่ ฟาน เดอ บีก กองกลางดาวรุ่งวัย 21 ปี อยู่กับสโมสรมาตั้งแต่ปี  2008 และค่อยเติบในยอง อาแจ็กซ์ ก่อนจะก้าวขึ้นมาโลดแล่นในทีมชุดใหญ่ในปี 2016

 

ในแผงหลังมีทั้ง มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ กัปตันทีมวัย 19 ปี, ดานี่ เดอ วิต ที่ลงมาแทน โจเอล เวลท์แมน และ อังเดร โอนาน่า นายทวารของทีม ต่างเริ่มต้นในอาชีพค้าแข้งตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งพวกเขาจะเป็นอนาคตใหม่ของทีมในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน

 

อีกคนที่พูดถึงไม่ได้ ก็คือ แฟรงกี้ เดอ ยอง ว่าที่กองกลางตัวใหม่ของบาร์เซโลน่า ซึ่งได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทำไมบาร์ซ่าถึงทุ่มเงินมหาศาลเพื่อคว้าตัวเขามาร่วมทีม หลังหลอกล่อเจ้าของรางวัล บัลลงดอร์ปีล่าสุดอย่าง ลูก้า โมดริช จนเสียท่าในเกมล่าสุด

 

 

แม้ว่ามิดฟิลด์ชาวดัชวัย 21 ปีจะไม่ได้อยู่กับทีมเยาวชนของอาแจ็กซ์ตั้งแต่เด็กเหมือนแข้งคนอื่นๆ แต่ด้วยทักษะที่โดดเด่นในทีมวิลเล่ม ทเว ทำให้ยอดทีมแห่งเอริดิวิซี่คว้าตัวมาร่วมทีมในปี 2015 ก่อนจะกลายมาเป็นหนึ่งในกองกลางดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดในปัจจุบัน

 

นอกจากนี้ในทีมยังมี ดาวิด เนเรซ ปีกดาวรุ่งตัวจิ๊ดชาวบราซิล, แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก กองหน้าชาวเดนมาร์ก, ฮาคิม ซีเย็ค ตัวรุกทีมชาติโมร็อกโก หรือ นิโคลัส ตาเกลียฟิโก้ แบ็คขวามากฝีมือชาวอาร์เจนไตน์ ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้

 

ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ต้องให้เครดิตแก่ทีมเยาวชนของอาแจ็กซ์ด้วยในการจรรหาและพัฒนาดาวรุ่งเหล่านี้ให้เติบโตมาเป็นแข้งคุณภาพได้

 

 

ผู้หลักผู้ใหญ่ที่คอยสนับสนุน

 

อาแจ็กซ์ชุดปัจจุบันอาจจะดูคล้ายกับปี 1995 อย่างมาก แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้พวกเขาต่างจากทีมชุดนั้นพอสมควรก็คือการใช้นักเตะมากประสบการณ์เข้ามาผสมผสานกับผู้เล่นดาวรุ่ง และผลลัพธ์ทั้งหมดก็ปรากฏออกมาอย่างที่ใครหลายคนเห็นกัน

 

ดูซาน ทาดิช เข้ามาช่วยยกระดับการเข้าทำของอาแจ็กซ์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และฟอร์มในวันอังคารที่ผ่านมาน่าจะเป็นฟอร์มที่ดีที่สุดของเขาเลย หลังเล่นงานแนวรับของ ซึ่งโลส บลังโกสจนหัวหมุน ซึ่งสื่อดังในฝรั่งเศสอย่าง เลอกิ๊ปให้คะแนน ทาดิช ถึง 10 เต็ม 10 เลย

 

 

นี่ถือเป็นสิ่งที่เซาธ์แฮมป์ตันพลาดอย่างยิ่ง หลังขายตัวรุกวัย 30 ปีแค่ 11 ล้านปอนด์เท่านั้น แม้ในตอนแรกมันอาจจะดูคุ้มค่ากับนักเตะอายุแตะเลขสาม แต่ฟอร์มแบบนี้เชื่อว่าแฟนๆนักบุญก็คงเสียดายในตัวทาดิชไม่น้อย

 

ส่วนดาร์เลย์ บลินด์ ที่กลับมาทีมเก่าเป็นครั้งที่สอง หลังย้ายไปค้าแข้งในอังกฤษกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2014 ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขามีส่วนช่วยเติมเต็มให้แข้งรุ่นน้องอย่าง มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ เป็นกองหลังที่ครบเครื่องมากขึ้นจนยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรปต่างจ้องตาเป็นมัน

 

ในแดนกลางก็มี ลาสเซ่ โชน แข้งวัยเก๋าชาวเดนส์คอยประคองและช่วยเหลือดาวรุ่งในทีมอยู่ แม้อายุจะปาเข้าไป 32 แล้ว แต่เขาก็ยังทักษะการเล่นลูกฟรีคิกที่เหลือร้าย ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปถามธิโบต์ กูร์ตัวส์ดูได้

 

 

ในขณะที่แดนหน้าอาแจ็กซ์ก็มีคลาส แยน ฮุนเตลาร์ ที่ถึงแม้จะไม่ค่อยได้ลงสนามเป็นตัวจริงนัก แต่ก็คอยถ่ายทอดเคล็ดลับการจบสกอร์ให้กองหน้ารุ่นเยาว์ในทีมอยู่ โดยมีแคสเปอร์ ดอลเบิร์ก เป็นศิษย์เอก

 

ไม่แปลกใจที่นักเตะหนุ่มในทีมจะเล่นในฟุตบอลอาชีพได้นิ่งเกินวัยไม่ว่าจะเป็นระดับประเทศหรือระดับทวีปก็ตาม

 

 

กลับสู่วังวนเดิม

การผสมผสานกันระหว่างแข้งเพชรน้ำหนึ่งในวงการ, นักเตะมากประสบการณ์ที่โดนเนรเทศมาจากพรีเมียร์ลีก, แข้งนำเข้าจากอเมริกาใต้ และดาวรุ่งลูกหม้อในทีม ทำให้อาแจ็กซ์กลับมาเฉิดฉายในเวทียุโรปอีกครั้งในรอบหลายปีที่ผ่านมา

 

 

ทว่าสิ่งเหล่านี้ก็เป็นเหมือนดาบสองคม เนื่องจากความยอดเยี่ยมของนักเตะเหล่านี้ทำให้มีโอกาสไม่น้อยที่ยักษ์ใหญ่ต่างแดนทั่วทวีปยุโรปจะกระชากตัวไปร่วมทีมในฤดูกาลหน้า อย่างเช่น เดอ ยอง ที่พร้อมเดินทางไปแคว้นกาตาลันในซัมเมอร์หน้า

 

และนั่นอาจจะทำให้ทีมในเมืองหลวงแดนกังหันลมแตกกระจายไปคนละทิศคนละทางในอนาคตอันใกล้นี้ อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ของอาแจ็กซ์แต่อย่างใด ทันทีที่ดาวดวงนึงถูกพรากไปจากทีม พวกเขาก็พร้อมสร้างดาวอีกดวงหนึ่งในเจิดจ้าในวงการลูกหนังได้เสมอมา

 

ไล่มาตั้งแต่ยุคเก่าอย่าง  ไรนุส มิเชล, โยฮัน ครัฟฟ์ ยุค 80 อย่าง แฟรงค์ ไรจ์การ์ด,มาร์โก้ ฟาน บาสเท่น, โรนัลด์ คูมัน, เดนนิส เบิร์กแคมป์ ยุคกลางปี 90 ที่ครองแชมป์ยุโรป, ช่วงปี 2000 ต้น อย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์, หลุยส์ ซัวเรซ, แยน แฟร์ตองเก้น, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ หรือ คริสเตียน อิรีคเซ่น คือนักเตะระดับโลกที่มาจากการบ่มเพาะฝีเท้าของอาแจ็กซ์

 

แม้โอกาสในการคว้าแชมป์รายการนี้อีกครั้งในรอบ 24 ปีจะเรื่องที่ดูเพ้อเจ้อไปหน่อย แต่ในตอนนี้ สโมสรอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมคือทีมที่สมควรได้รับคำชื่นชมจากแฟนบอลทั่วโลก ไม่ว่าแข้งดาวรุ่งของสโมสรจะพาพวกเขาไปได้ไกลแค่ไหนในเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลนี้ก็ตาม