ฟุตบอลอาชีพทั่วโลกต่างอยู่ในช่วงหยุดนิ่ง เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยกเว้นที่แห่งหนึ่งในยุโรปฝั่งตะวันออกที่ยังเดินหน้าฟาดแข้งกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เบลารุส คือ ที่ที่เราหมายถึง แม้ว่าจะมีรายงานผู้ติดเชื้อน้อยกว่าเพื่อนร่วมทวีปหลายแห่ง แต่ จำนวน 152 คน ก็เป็นตัวเลขที่สูงขึ้นจากเมื่อก่อนพอสมควร (ไม่ถึง 100 คนเมื่อสัปดาห์ก่อน) อย่างไรก็ตาม รัฐบาลหรือผู้คนในประเทศก็ไม่มีท่าทีหวั่นวิตกกับเรื่องนี้แต่อย่างใด
ไล่ไปตั้งแต่ประธานาธิบดี จนถึง ประธานสมาคมฟุตบอลของ เบลารุส ก็ยืนยันว่าจะไม่มียกเลิกหรือเลื่อนการแข่งขันกีฬาในประเทศ อย่างที่หลายคนได้เห็นศึก เบลารุส พรีเมียร์ลีก ที่ยังดวลแข้งกันอยู่ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
เพราะเหตุใด ทำไม ประเทศในยุโรปฝั่งตะวันออก ถึงไม่ความหวาดหวั่นต่อไวรัสเหมือนหลายที่บนโลกใบนี้เลย UFA ARENA จะพาไปหาคำตอบผ่านบทความชิ้นนี้กัน
28 ปีที่ผ่านมา
เบลารุส พรีเมียร์ลีก เป็นลีกสูงสุดของประเทศที่ก่อตั้งเป็นครั้งแรกในปี 1992 โดยในฤดูกาลแรกที่มีทีมเข้าแข่งขันในลีกจำนวน 17 ทีม ก่อนจะปรับลงมาจนเหลือ 11 ทีมในปี 2012 ทว่าในฤดูกาลล่าสุด สโมสรในลีกก็เพิ่มขึ้นเป็น 16 ทีม
ในการก่อตั้งลีกยุคแรก ดินาโม มินส์ค ทีมเบลารุสที่เคยลงเล่นในลีกสูงสุดของโซเวียต กลายเป็นมหาอำนาจของประเทศอย่างรวดเร็ว โดยคว้าแชมป์ลีกไปครองได้ 5 สมัยติดในช่วง 5 ฤดูกาลแรกของลีกเบลารุส
อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ชื่อชั้นของ ยอดทีมในยุคโซเวียต ก็ลดน้อยถอยลงไป และหลังจากที่พวกเขาคว้าแชมป์ลีกปีสุดท้ายในฤดูกาล 2004 ทีมที่ไต่เต้าจากลีกระดับ 3 ขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดของประเทศอย่าง บาเต้ โบริซอฟ ก็ขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งในวงการลูกหนังแทน
บาเต้ โบริซอฟ เดินหน้าคว้าแชมป์ลีกได้ถึง 13 ปีติด นับตั้งแต่ฤดูกาล 2006-2018 เมื่อนำไปรวมกับแชมป์ลีกที่เคยได้มาก่อนหน้านี้ 2 สมัย ในปี 1999 กับ 2002 ทำให้พวกเขากลายเป็นสโมสรที่คว้าแชมป์ลีกมากที่สุดในประเทศด้วยจำนวน 15 สมัย
แต่ว่า โบริซอฟ ก็มาเสียแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี ให้แก่ ดินาโม เบรสต์ อดีตทีมลีกรองของโซเวียต ในฤดูกาล 2018-19 ที่ผ่านมา
อินดี้สุดในยุโรป
ประเทศส่วนใหญ่ได้บังคับใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ทำให้ช่วงสุดสัปดาห์กลายเป็นช่วงที่เงียบเหงาสุดๆสำหรับแฟนบอลหลายประเทศ แต่ไม่ใช่กับ เบลารุส ที่หลายคนยังสามารถเข้าไปชมเกมการแข่งขันในสนามได้อย่างปกติ
อย่างเช่นเกมในวันเสาร์ที่ผ่านมา คู่ดาร์บี้เมืองหลวงของประเทศระหว่าง เอฟซี มินส์ค กับ ดินาโม มินส์ค มีรายงานว่าแฟนบอลต่างเดินทางเข้าไปชมเกมในสนามมากกว่า 3,000 คนเลย
การเว้นระยะห่างทางสังคมที่หลายประเทศยังไม่ได้ถูกบังคับใช้มากนัก แต่แฟนบอลที่เข้าชมเกมก็ยังมีการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าไปสู่สนามอยู่ด้วย
แต่ที่น่ากังวลไปกว่านั้นคือ ภาพที่แสดงให็เห็นว่ามีแฟนบอลจำนวนหยิบมือที่สวมใส่หน้ากากป้องกันขณะอยู่ในพื้นที่แออัด แม้ว่าพวกเขาหลายคนในสนามจะไม่ได้นั่งหรือยืนเบียดกันเหมือนเมื่อก่อนก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อ152 คน และยังไม่มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสชนิดนี้ ทำให้ เบลารุส ที่มีประชากรในประเทศ 9.5 ล้านคน ไม่ได้มองว่าโควิด-19 เป็นโรคระบาดร้ายแรงอย่างที่หลายประเทศคิดกัน
ทางด้านผู้จัดการแข่งขันฟุตบอลเบลารุส ก็บอกพวกเขาไม่มีความตั้งใจจะเลื่อนการแข่งขันออกไป หรือ ยุติฤดูกาลนี้ และมีการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสจากทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกีฬาไว้แล้ว ซึ่งวิธีรับมือคือให้ทุกคนที่เข้าชมเกมใส่ถุงมือไว้
นอกจากนี้ การที่พวกเขาเป็นลีกเดียวของยุโรปที่ยังเตะอยู่ทำให้หลายประเทศทยอยซื้อลิขสิทธิ์การแข่งขันเบลารุส พรีเมียร์ลีก ไปถ่ายทอดให้แฟนบอลชมกันแล้วประมาณ 10 ประเทศ ทั้งในอินเดีย, รัสเซีย, อิสราเอล เนื่องจากลีกใหญ่ๆของโลกไม่มีการแข่งขันกัน
ผู้นำก็ไม่หวั่น
ในขณะที่ประเทศอื่นๆ พยายามควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่ากันอย่างเข้มงวด ประธานาธิบดีของเบลารุสอย่าง อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชงโก กลับไม่ให้ความสนใจกับมาตรการเว้นระยะห่างจากสังคมเท่าไหร่นัก และกลายเป็นหนึ่งในไม่กี่มีประเทศที่ยังไม่มีมาตรการควบคุมไวรัสตัวร้ายอย่างเป็นรูปธรรม
เมื่อวันที่เสาร์ที่ผ่านมา ท่านผู้นำของเบลารุส ยังโผล่ไปเล่นฮอกกี้น้ำแข็งแบบไม่สะทกสะท้าน พร้อมกับยืนยันว่า กีฬานี่แหละคือยาต้านไวรัสชั้นดี และให้สัมภาษณ์ว่า ไม่มีเหตุผลที่จะหยุดเล่นกีฬาชนิดนี้ เพราะบริเวณนั้นไม่มีไวรัส
“คุณเห็นมันลอยอยู่แถวนี้ไหมล่ะ ผมก็ไม่เห็น ที่นี่หนาวจะตาย” ลูคาเชงโกกล่าวกับนักข่าวในวันนั้น
เมื่อเร็วๆนี้ ผู้นำเบลารุสยังสร้างความประหลาดใจให้กับชาวโลกไม่หยุด ด้วยการให้คำแนะนำกับประชาชนในประเทศว่า ควรดื่มวอดก้าวันละ 50 มิลลิลิตร (ยกเว้นช่วงทำงาน )และเข้าอบซาวน่าสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและป้องกันการติดเชื้อไวรัส
นอกเหนือจากกีฬาแล้ว งานวันแห่งชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่จัดขึ้นในวันที่ 9 พฤษภาคม ลูคาเชงโก ก็ยืนยันว่าจะจัดงานนี้ตามกำหนดที่วางไว้
องค์กรใหญ่ขอท้วง
คำแนะนำที่ชวนส่ายหน้าและไม่มีหลักฐานอะไรมากยืนยันได้ ทำให้ องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ต้องออกมาชี้แจงว่า การดื่มแอลกอฮอล์อย่าง ว็อดก้า เข้าไป ไม่ได้ทำให้ป้องกันหรือลดโอกาสติดเชื้อไวรัสได้แต่อย่างใด
ขณะที่ สหพันธ์นักเตะอาชีพนานาชาติ หรือ Fifpro ออกมาชี้แจงว่าเบลารุส ไม่มีความเข้าใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในวงการฟุตบอลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เลย
“เรากำลังเรียกร้องให้มีมาตรการตักเตือนเช่นเดียวกับที่ใช้กับส่วนที่เหลือของวงการฟุตบอล ไม่เข้าใจจริงๆว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร” โจนาส เบเออร์ ฮ็อฟฟ์แมนน์ เลขาธิการทั่วไปของ Fifpro กล่าว
“ทำไมมาตรฐานเหล่านี้ถึงดูแตกต่างกันมากนักกับการอยู่กันแค่คนละฝั่งของประเทศ ผมไม่คิดว่าใครจะอธิบายเรื่องนี้ได้ ดังนั้นสามัญสำนึกทุกอย่างจะบอกคุณว่า พวกเขาจำเป็นต้องใช้มาตรฐานเดียวกัน และเราจะหาทางเพื่อจัดการเรื่องนั้น”
สหพันธ์นักเตะอาชีพนานาชาติ ไม่มีสหภาพสมาชิกในเบลารุสก็จริง แต่พวกเขาบอกว่าจะโน้มน้าวให้ สหพันธ์ฟุตบอลระดับโลกของ ฟีฟ่า หรือ ในทวีปยุโรปอย่าง ยูฟ่า จัดการปัญหาในเรื่องนี้ต่อไป
เบลารุส พรีเมียร์ลีก อาจจะเป็นลีกเดียวในยุโรปที่ยังเตะอยู่ในตอนนี้ แต่ถ้าผู้นำในประเทศยังไม่มีมาตรการในการจัดการและป้องกันโควิด-19 ให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ ลีกลูกหนังของพวกเขาอาจต้องหยุดการแข่งขันไปอย่างไม่มีกำหนด หากเกิดการระบาดลุกลามเหมือนอย่าง อิตาลี, สเปน,อังกฤษ,ฝรั่งเศส หรือ เยอรมัน เป็นอยู่
และจะส่งผลกระทบต่อวงการต่างๆในเบลารุส นอกเหนือจากฟุตบอลหรือกีฬาอื่นๆอย่างแน่นอน