เถียงกันไม่รู้จบ: 10 เหตุการณ์สุดคาใจในรอบทศวรรษของพรีเมียร์ลีก

 

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จัดเป็นหนึ่งในการแข่งขันฟุตบอลที่มีคนเฝ้าชมและติดตามมากที่สุดในโลก

 

ทั้งการห้ำหั่นของยอดทีมดัง หรือผู้เล่นในลีก, เหตุการณ์ที่น่าตกใจและเป็นที่ถกเถียง เป็นส่ิงที่เกิดขึ้นตลอดในทุกปี ณ ลีกสูงสุดแดนผู้ดี

 

ในฐานะที่ลีกกำลังจะก้าวเข้าสู่ทศวรรษใหม่ ทาง Ufa Arena จะขอพาย้อนไปช่วงเวลาหรือเหตุการณ์ที่หลายคนถกเถียงและเป็นประเด็นมากที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา

 

กอมปานีรอดใบแดง (2018-19)

 

 

การเบียดลุ้นแชมป์ของ ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาล 2018-19 น่าจะอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลพรีเมียร์ลีกแทบทุกคนในโลกนี้ หลังทั้ง 2 ทีม ทำแต้มห่างกันแค่คะแนนเดียวเท่านั้น

 

ด้วยคะแนนของ เรือใบสีฟ้า ที่มี 98 แต้ม ส่งผลให้ หงส์แดงกลายเป็นรองแชมป์ที่ทำแต้มได้มากที่สุดในลีกสูงสุดแดนผู้ดี แต่เรื่องราวคงต่างไปจากนี้ หากเกมในนัดที่พวกเขาพบกันจบลงอีกแบบนึง

 

ทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ บุกไปเยือน เอติฮัด สเตเดี้ยม ในเดือนมกราคม ซึ่ง แวงซองต์ กอมปานี กัปตันทีมซิตี้ รอดพ้นจากโดนใบแดง หลังฟาวล์ใส่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในฐานะกองหลังตัวสุดท้าย 

 

ภาพช้าแสดงให้เห็นว่า กองหลังชาวเบลเยี่ยม เข้าบอลช้าและยกเท้าสูง แต่กลับได้รับแค่ใบเหลืองเท่านั้น และนั่นสร้างความเดือดดาลให้กับ เดอะ ค็อป ในสนามและทั่วโลกเป็นอย่างมาก

 

มากไปกว่านั้น ทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นฝ่ายคว้า 3 แต้มสำคัญไปได้ด้วยการเบียดเอาชนะไป 2-1 

 

 

พาร์ดิวนักโขก(2013-14)

 

 

ในยุคใหม่นี้ การปะทะกันในเกมแบบออกอาวุธกันชัดเจน ไม่ใช่สิ่งที่เราเห็นได้บ่อยนัก แต่การทะเลาะกันระหว่าง ผู้จัดการทีม และ นักเตะ นั่นหายากยิ่งกว่านั้นอีก

 

เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2014 นิวคาสเซิล บุกชนะ ฮัลล์ ซิตี้ ได้ถึง เคซี สเตเดี้ยม 4-1 แต่เหตุการณ์ที่หลายคนจดจำกลับไม่ใช่การยิงประตู แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างสนามในช่วงครึ่งหลังมากกว่า

 

เดวิด เมย์เลอร์ แข้งเดอะ ไทเกอร์ ที่วิ่งไปเก็บบอลได้ปะทะกับ อลัน พาร์ดิว ซึ่งภาพช้าแสดงให้เห็นว่า กุนซือสาลิกาดง เป็นฝ่ายใช้หัวโขก และ ตะโกนใส่หน้า แข้งชาวไอริช ก่อนที่เมย์เลอร์จะเป็นฝ่ายผลักคืนในจังหวะต่อมา

 

บทสรุป พาร์ดิว โดนปรับเงินกว่า 100,000 ปอนด์ และถูกแบนห้ามคุมทีม 7 นัด ซึ่งเป็นการลงโทษนานและหนักที่สุดกับผู้จัดการทีมของ เอฟเอ เลย

 

ซัวเรซ จอมเขมือบ (2012-13)

 

 

หลุยส์ ซัวเรซ คือหนึ่งในนักเตะอันดับต้นๆที่หลายคนพูดถึงในแง่ไม่ดีเท่าไหร่ และเขาก็อยู่ในลิสต์ของเราอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

 

ในเกมที่ เชลซี เสมอกับ ลิเวอร์พูล 2-2 ที่แอนฟิลด์ ในเดือนเมษายนปี 2013 บรานิสลาฟ อิวาโนวิช เข้าไปฟ้อง เควิน เฟรนด์ กรรมการในเกมนั้นว่า เขาถูกหัวหอกชาวอุรกวัยกัดแขน พร้อมกับโชว์หลักฐานที่แขนให้เห็นเป็นขวัญตาด้วย

 

หลังจบเกมดังกล่าว เอฟเอสั่งแบน แข้งหงส์แดงเป็นเวลา 10 นัดทันที อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ซัวเรซ กัดเพื่อนร่วมอาชีพค้าแข้ง เพราะก่อนหน้านี้ ตอนค้าแข้งในฮอลแลนด์กับ อาแจ็กซ์ เขาถูกแบน 7 นัด หลังไปกัด อ็อตมัน บัคคาล แข้งพีเอสวี ในปี 2010

 

ใบแดงผิดคน (2013-14)

 

 

อังเดร มาร์ริเนอร์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในเกมที่  เชลซี เปิด สแตมฟอร์ด บริดจ์ ถล่ม อาร์เซน่อลไป 6-0 เหตุเขาดันไปแจกใบแดงผิดคน

 

อเล็กซ์ อ็อกเล็ด-แชมเบอร์เลน จงใจใช้มือปัดบอลออกหลังไป ส่งผลให้ ปืนใหญ่เป็นฝ่ายเสียจุดโทษในจังหวะนั้นแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ตัดสินชาวอังกฤษทำได้ถูกต้องแล้ว

 

แต่สิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นคือ เขาดันไปไล่ คีแรน กิ๊บส์ แบ็คซ้ายของอาร์เซน่อล ออกจากสนาม แทนที่จะไล่ แชมเบอร์เลน แม้นักเตะทั้ง 2 ฝั่ง รวมถึงตัว แชมเบอร์เลน จะบอกว่าเขาเป็นคนที่ทำแฮนด์บอล แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิม

 

ในเวลาต่อมา มาร์ริเนอร์ และ แอนโธนี่ย์ เทย์เลอร์ ผู้ตัดสินที่ 4 ออกมาขอโทษกับเหตุการณ์ในตอนนั้น และทั้งคู่ก็ยังทำหน้าตัดสินในเกมพรีเมียร์ลีกจนถึงปัจจุบัน

 

 

เมื่อกัปตันปะทะแฟนบอล (2019-20)

 

 

แม้เหตุการณ์นี้จะผ่านพ้นไปไม่นาน แต่เป็นสิ่งที่หลายคนน่าจะจดจำไม่รู้ลืม กับสิ่งที่ กรานิต ชาก้า กัปตันทีมอาร์เซน่อล แสดงออกมาหลังโดนแฟนบอล ปืนใหญ่โหใส่ในสนาม

 

แข้งชาวสวิตถูกเปลี่ยนตัวออกมา ในเกมที่ปืนใหญ่เสมอกับ คริสตัล พาเลซ 2-2 แต่แทนที่จะรีบวิ่งออกมาจากสนาม เขากลับเดินทอดน่องเอื่อยๆออกไป ซึ่งเป็นเหตุให้ เดอะ กันเนอร์ส โหใส่หนักกว่าเก่า แถมตัวชาก้ายังทำท่าทางท้าทายแฟนบอลด้วยซ้ำไป

 

เรื่องราวกลับใหญ่โตกว่าเดิม เมื่อภาพจับได้ชัดเจนว่า ชาก้า ด่าแฟนบอลทีมตัวเองอย่างชัดเจน ก่อนจะถอดเสื้อทิ้งลงกับพื้น และเดินเข้าไปในอุโมงต์สนามทันที

 

หลังจากที่โดนริบปลอกแขน นับตั้งแต่ความสัมพันธ์ของ ชาก้า กับ แฟนบอลอาร์เซน่อล ก็ไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกต่อไป

 

 

เหตุแมวดำรอดตกชั้น (2013-14)

 

 

ซันเดอร์แลนด์ คงหล่นไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ชิพตั้งแต่ไก่โหในฤดูกาล 2013-14 แล้ว เมื่อมีสิทธิโดนตัดแต้ม หลังส่ง จี ดอง วอน กองหน้าชาวเกาหลีใต้ลงสนามแบบผิดกฎ เนื่องจากยังไม่ลงทะเบียนนักเตะตางชาติกับ เอฟเอ

 

เดิมทีตามกฎของพรีเมียร์ลีกทีมแมวดำจะต้องโดนตัดแต้มทันทีจากการทำความผิดดังกล่าว แต่ทว่าเอฟเอลงโทษเพียงแค่สั่งปรับเงินเท่านั้น แม้หลายฝ่ายจะมองว่าทีมแดนอีสานควรโดนลดโทษมากกว่านี้ก็ตาม

 

จากอันดับที่ 19 ในตอนนั้น ซันเดอร์แลนด์กลับเร่งฟอร์มเก่งจนคว้าอันดับที่ 14 ในท้ายฤดูกาลนั้น รอดตกชั้นได้แบบสบายๆ

 

    

ช็อตลื่นโลกไม่ลืมของเจอร์ราร์ด (2013-14)

 

 

ลิเวอร์พูลเกือบคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2013-14 แต่ตอนท้ายพวกเขาก็ต้องพบจุดจบที่ขมขื่นอยู่เช่นเดิม

 

แบรนแดน ร็อดเจอร์ส เปลี่ยนโฉมให้หงส์แดงกลายเป็นทีมลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัว นำเป็นจ่าฝูงอยู่ และต้องไปพบกับเชลซีในช่วงท้ายๆฤดูกาลนั้น

 

ทว่าความหวังแชมป์ลีกครังแรกในรอบ 25 ปี ก็ค่อยๆพังทลายลง เมื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมและตำนานหงส์แดง ลื่นเสียบอลกลางสนาม ก่อนจะถูก เดมบา บา ฉกบอลและยิงผ่านตัว ซิมง มินโญ่เลต์ เข้าประตูไป

 

แม้ลิเวอร์พูลจะโหมบุกอย่างหนักในครึ่งหลัง แต่ก็โดนทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ฝั่งอีกเม็ด และจบเกมด้วยความพ่ายแพ้ 2-0 

 

โอกาสลุ้นแชมป์ของลิเวอร์พูลมาจบสิ้นลงจริงๆในนัดต่อมาที่พลาดเสมอกับ คริสตัล พาเลซ 3-3 ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แซงขึ้นจ่าฝูงและคว้าแชมป์ไปครองในท้ายที่สุด

 

จุดเปลี่ยนในนัดสุดท้าย (2011-12)

 

 

เรื่องการทะเลาะวิวาทในสนาม โจอี้ บาร์ตัน ไม่เคยเป็นรองแข้งคนไหน แต่ในเกมที่ คิวพีอาร์ พบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล หลายคนมองว่าเขาไม่ใช่ก่อเรื่องก่อนแต่อย่างใด

 

ภาพช้าได้แสดงให้เห็นว่า เตเบซ เหมือนศอกใส่ บาร์ตันก่อน แม้จะไม่ทราบว่าเขาเจตนาทำร้ายคู่แข่งหรือไม่

 

แต่ตัวของแข้งคิวพีอาร์โต้ตอบเอาคืนแบบชัดเจน พร้อมจะบวกใส่ใครก็ตามที่เขามาขว้างทางเขา 

 

ผลที่บาร์ตันได้รับคือใบแดง และนั่นทำให้ซิตี้ได้เปรียบตัวผู้เล่นอย่างมาก ก่อนจะเป็นฝ่ายเอาชนะและเบียดคว้าแชมป์เหนือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยลูกได้เสียเท่านั้น

 

คดีเหยียดผิวของ เทอร์รี่ (2011-12)

 

 

จอห์น เทอร์รี่ เป็นอีกหนึ่งในนักเตะที่มีเรื่องราวอื้อฉาวไม่แพ้ใคร ไม่ว่าทั้งในหรือนอกสนาม และคดีของเขากับ แอนตอน เฟอร์ดินานด์ ในปี 2012 ก็เช่นเดียวกัน

 

กัปตันเชลซีถูกตั้งข้อหา เหยียดผิวเฟอร์ดินานด์คนน้อง ก่อนที่ศาลจะตัดสินให้เขาไม่มีความผิด และน่าจะจบลงด้วยดี

 

อย่างไรก็ตาม เอฟเอ สั่งปรับ เทอร์รี่ จากเหตุการณ์นั้น 220,000 ปอนด์ พร้อมกับแบนห้ามลงเล่นอีก 4 นัด

 

นั่นสร้างประเด็นถกเถียงในสังคมลูกหนังอย่างมากว่าเป็นส่ิงที่สมควรหรือไม่ เนื่องจาก กองหลังชาวอังกฤษโดนลงโทษในเหตุการณ์นี้ ทั้งๆที่เขาเคลียร์เรื่องนี้ในด้านกฏหมายเรียบร้อยแล้ว

 

ความผิดพลาดของหงส์แดง (2011-12)

 

 

ในปีนี้ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ออกมายอมรับว่า ลิเวอร์พูลทำผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ไปสนับสนุน หลุยส์ ซัวเรซ หลังมีคดีเหยียดผิว ปาทริซ เอวร่า

 

ย้อนกลับในช่วงนั้น แข้งปีศาจแดงกล่าวหาว่า กองหน้าหงส์แเดง เหยียดผิวเขาในเกมที่ทั้งคู่พบกันช่วงต้นในฤดูกาล 2011-12

 

แม้เรื่องราวจะอยู่ในขั้นตอนสืบสวน แข้งหงส์แดงกลับสนับสนุนเพื่อนร่วมทีมอย่างชัดเจนด้วยการสวมเสื้อเชิ้ตรูปซัวเรซ ก่อนเกมพบ วีแกน ในเดือนธันวาคม ปี 2011

 

ต่อมา แข้งชาวอุรุกวัย ถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง และถูกแบนห้ามลงเล่น 8 นัด ทำให้ทีมจากเมอร์ซี่ย์ไซด์ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก สำหรับการกระทำในช่วงนั้น

 

ภายหลัง คาร์ร่า ได้ออกมาขอโทษ เอวร่า เป็นการส่วนตัว และอ้างว่าไม่รู้ว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้ แต่ไม่ว่าเรื่องนี้จะมาจากใคร มันก็เป็นสิ่งที่ผิดอยู่ดี หากมองย้อนกลับไป