เทิร์นโปรที่นี่! 5 แข้งดังที่เคยเล่นให้กับเปสคาร่าสมัยละอ่อน

 

เมื่อนึกถึงวงการลูกหนังอิตาลี “เดลฟิโน่ เปสคาร่า 1936” อาจไม่ใช่ชื่อที่โด่งดังมากนัก เมื่อเทียบกับ ยูเวนตุส , เอซี มิลาน หรือ อินเตอร์ มิลาน แม้ว่าพวกเขาจะมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานก็ตาม

 

อย่างไรก็ตาม มีนักฟุตบอลชื่อดังที่ยังค้าแข้งอยู่จำนวนไม่น้อย ที่เคยผ่านการเล่นให้กับ เปสคาร่า หรือแม้กระทั่งแจ้งเกิดขึ้นมาได้สำเร็จในสีเสื้อลายขาวฟ้า และนั่นรวมถึงพวกเขาเหล่านี้ด้วย…

 

มาร์โก แวร์รัตติ

สโมสรปัจจุบัน : ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

 

 

แม้จะตกอยู่ในเรดาร์ของสองสโมสรยักษ์ใหญ่จากเมืองมิลานอย่าง อินเตอร์ มิลาน และ เอซี มิลาน ในช่วงที่ยังเป็นวัยรุ่น แต่ มาร์โก แวร์รัตติ ก็เลือกที่จะเซ็นสัญญาอาชีพกับทีมบ้านเกิด เปสคาร่า ในวัย 16 ปี และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็สามารถทะยานขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จ

 

ในตอนแรกนั้น แวร์รัตติ เริ่มเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก ก่อนที่ในฤดูกาล 2011-12 ซเดเน็ค ซีแมน กุนซือของทีม จะจับเขาไปวางเป็นตัวโฮลบอล ซึ่งเจ้าตัวก็แจ้งเกิดขึ้นมาได้ทันทีกับบทบาทใหม่นี้ และช่วยให้สโมสรเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ กัลโช่ เซเรียอา ได้สำเร็จในฐานะแชมป์

 

ผลงานกระฉูดแตกของ แวร์รัตติ ส่งผลให้เขาได้รับเลือกเป็นนักเตะยอดเยี่ยมของ เซเรีย บี ในซีซั่นดังกล่าว จนทำให้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ตัดสินใจคว้าตัวไปร่วมทัพหลังจากนั้นไม่นาน โดยที่เขายังไม่ได้สัมผัสประสบการณ์บนลีกสูงสุดบนดินแดนบ้านเกิดของตัวเองด้วยซ้ำ

 

ชิโร่ อิมโมบิเล่

สโมสรปัจจุบัน : ลาซิโอ้

 

 

ชิโร่ อิมโมบิเล่ เติบโตขึ้นมาจากโรงเรียนลูกหนังของ ยูเวนตุส แต่ก้าวต่อไปในการสอดแทรกขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ดูจะเป็นเรื่องที่ยากเกินไปสำหรับเขา เนื่องจากเวลานั้นเบียงโคเนรี่เต็มไปด้วยยอดกองหน้า เจ้าตัวจึงต้องออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการยืมตัวแทน

 

อย่างไรก็ตาม หัวหอกชาวอิตาเลี่ยนกลับยิงไปเพียง 2 ประตูเท่านั้น จากทั้งหมด 20 นัด ที่อยู่กับสองสโมสรแรกอย่าง เซียน่า และ กรอสเซโต้ แต่เมื่อมาถึงที่ เปสคาร่า อิมโมบิเล่ กลับแปลงร่างเป็นคนละคน โดยกดไปถึง 20 ประตู จาก 37 นัด ผนึกกำลังกับ แวร์รัตติ ช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ กัลโช่ เซเรียอา ได้ในฤดูกาล 2011-12

 

หลังจากนั้น อิมโมบิเล่ ก็ระหกระเหินไปอยู่กับหลายสโมสร แต่ดูเหมือนจะไปได้สวยกับแค่ที่ โตริโน่ เท่านั้น ก่อนที่ในปี 2016 เจ้าตัวจะได้ค้นพบกับบ้านหลังที่ใช่อย่าง ลาซิโอ้ พร้อมสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นเครื่องจักรถล่มประตูด้วยการซัดไปแล้วถึง 85 ประตู จาก 133 เกมที่ลงสนามให้กับอินทรีฟ้าขาวจนถึงปัจจุบัน

 

ลอเรนโซ่ อินซินเญ่

สโมสรปัจจุบัน : นาโปลี

 

 

มันคงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่ เปสคาร่า จะคว้าแชมป์ เซเรีย บี ในฤดูกาล 2011-12 เพราะในเวลานั้น พวกเขามีทั้ง มาร์โก แวร์รัตติ , ชิโร่ อิมโมบิเล่ และ ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ อยู่ในทีมเดียวกัน

 

โดย อินซินเญ่ เริ่มเฉิดฉายขึ้นมาในระหว่างยืมตัวกับ ฟอกเจีย ก่อนที่จะถูกยืมตัวต่อไปยัง เปสคาร่า และที่นี่ เจ้าตัวก็ประสานงานกันได้อย่างลงล็อคกับ อิมโมบิเล่ ในแดนหน้า และยิงไปถึง 18 ประตู จาก 37 นัดที่ลงสนามในลีก

 

จากฟอร์มการเล่นอันน่าประทับใจนี้เอง ทำให้ดาวเตะร่างเล็กถูกต้นสังกัดที่แท้จริงอย่าง นาโปลี ดึงกลับไปใช้งานในทีมชุดใหญ่ และนับตั้งแต่นั้น เขาก็กลายเป็นกำลังหลักของอัซซูร่าเรื่อยมา พร้อมยกระดับตัวเองขึ้นเป็นแนวรุกที่ดีที่สุดคนหนึ่งของยุโรป

 

มัตเตีย เปริน

สโมสรปัจจุบัน : ยูเวนตุส

 

 

ในฤดูกาล 2012-13 น้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่เวที กัลโช่ เซเรียอา อย่าง เปสคาร่า ตัดสินใจที่จะมองหานายทวารมือดีรายใหม่เข้ามาเสริมทีมเพื่อสู้ศึกบนลีกสูงสุด พวกเขาจึงต่อสายไปที่ เจนัว เพื่อยืม มัตเตีย เปริน มาเฝ้าเสาให้

 

อย่างไรก็ตาม มันกลับไม่ใช่ความทรงจำที่ดีนักสำหรับนายด่านดาวรุ่งรายนี้ เมื่อ เปสคาร่า จบอันดับสุดท้ายในซีซั่นดังกล่าว พร้อมเสียไปถึง 66 ประตู จากการปรากฏตัว 30 นัด และเก็บคลีนชีตไปได้แค่ 5 เกมเท่านั้น

 

หลังจากนั้น เปริน ก็กลับไปเฝ้าเสาให้กับต้นสังกัดที่แท้จริงอย่าง เจนัว และค่อยๆขัดเกลาฝีมือเรื่อยมา จนกลายเป็นจอมหนึบระดับแถวหน้าของอิตาลีในช่วงไม่กี่ปีหลัง ก่อนที่มหาอำนาจเบอร์หนึ่งของลีกอย่าง ยูเวนตุส จะจัดการคว้าตัวไปเสริมหลังบ้านเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่แล้ว

 

ลูคัส ตอร์เรย์ร่า

สโมสรปัจจุบัน : อาร์เซน่อล

 

 

ลูคัส ตอร์เรย์น่า ถูก เปสคาร่า ดึงตัวมาจากอุรุกวัยเข้าทีมเยาวชนในปี 2013 โดยเจ้าตัวใช้เวลาเพียงแค่ปีเดียวก็สามารถทะลุขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จ ก่อนที่ปีต่อมา ซามพ์โดเรีย จะเซ็นสัญญาคว้าตัว ตอร์เรย์ร่า ไว้ล่วงหน้า พร้อมปล่อยให้ เปสคาร่า ยืมใช้งานก่อน 1 ซีซั่น และได้ย้ายไปเล่นให้กับ ลาซามพ์ อย่างเป็นทางการในฤดูกาลถัดไป

 

ด้วยความที่เป็นมิดฟิลด์ที่เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ ห้องเครื่องชาวอุรุกวัยจึงกลายเป็นนักเตะตัวหลักของ ซามพ์โดเรีย ได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่เจ้าตัวจะนำความสามารถที่มีไปโชว์ให้ชาวโลกได้เห็นในศึกเวิร์ลคัพหนล่าสุด

 

ในช่วงซัมเมอร์เดียวกันนั้นเอง ก็เป็น อาร์เซน่อล ที่สามารถปิดดีล ตอร์เรย์ร่า ได้สำเร็จ และเพียงแค่ซีซั่นแรกบนเกาะอังกฤษ เจ้าตัวก็ได้แสดงให้เห็นว่าตัวเองสำคัญต่อทีมขนาดไหน หลัง อูไน เอเมรี่ ใช้งานเขาไปถึง 50 นัด และสิ่งที่ เดอะ กันเนอร์ส ขาดหายไปในแดนกลางมานานกว่าทศวรรษ ก็ได้ถูกเติมเต็มด้วยศักยภาพของ ตอร์เรย์ร่า เรียบร้อยแล้ว