ตำแหน่งต่อตำแหน่ง! เทียบฟอร์ม 11 ตัวจริงสิงห์บลูชุดแชมป์ UCL

 

ก่อนหน้านี้ โจ โคล อดีตสตาร์เชลซี ออกมาแสดงความเห็นว่า สิงห์บลูชุดปัจจุบันดีกว่าชุดคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก 2011/12 ในวันนี้ทีมชุดปัจจุบันสามารถคว้าแชมป์หูกางมาครองได้แล้วเช่นเดียวกับที่เจ้าตัวเคยเปรียบเทียบเอาไว้

 

วันนี้ UFA ARENA จะนำเอาสถิติมาเทียบกันตำแหน่งต่อตำแหน่งว่าระหว่างเชลซีชุดแชมป์ UCL 2011/12 และชุดปัจจุบัน ใครจะเจ๋งกว่ากัน

 

ปีเตอร์ เช็ค – เอดูอาร์ เมนดี้

เริ่มที่ตำแหน่งผู้รักษาประตูสำหรับ ปีเตอร์ เช็ก เจ้าตัวค้าแข้งอยู่กับทีมมาอย่างยาวนาน ซึ่งในฤดูกาลนั้นเขาก็ถือเป็นตัวหลักของทีมที่ได้ลงสนามไปทั้งหมด 56 นัด เก็บคลีนชีทได้ 19 ครั้งรวมทุกรายการ ส่วนในนัดชิงกับ บาเยิร์น มิวนิค เขาก็จัดการเซฟไปถึง 6 ครั้ง ช่วยทีมยันเสมอในเวลาไป 1-1 รวมถึงเซฟจุดโทษของ อาร์เยน ร็อบเบน ในช่วงต่อเวลาอีกด้วย ก่อนที่เขาจะไปช่วยเซฟอีก 2 ครั้งในการดวลจุดโทษพาทีมคว้าแชมป์ไปได้สำเร็จ

ส่วนทางด้าน เอดูอาร์ เมนดี้ เขาเพิ่งย้ายมาอยู่กับทีมเป็นฤดูกาลแรก และสามารถยึดตัวหลักได้ทันที ซึ่งผลงานโดยรวมของเขาจัดว่ายอดเยี่ยมลงสนามไป 45 นัด เก็บคลีนชีทไปได้มากถึง 25 ครั้ง ในขณะที่นัดชิงกับ แมนฯซิตี้ เขาก็ช่วยเซฟไปถึง 5 ครั้ง เรียกได้ว่าในตำแหน่งนายทวารไม่มีใครเป็นรองกันเลยทีเดียว

 

ใครเจ๋งกว่าสรุป: ปีเตอร์ เช็ค ถ้าวัดกันในเรื่องผลงานโดยรวม เมนดี้จะดูดีมากกว่าด้วยความที่เพิ่งย้ายเข้ามาแต่สามารถทำผลงานได้ขนาดนี้ แต่ถ้าวัดที่นัดชิง ปีเตอร์ เช็ค ค่อนข้างงานชุกมากกว่า และสามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยม

 

โชเซ่ โบซิงวา – เซซาร์ อัซปลิกวยต้า

สำหรับแบ็คขวาชาวโปรตุเกสในฤดูกาล 2011/12 ถือเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขากับทีม เนื่องจากสัญญาที่หมดลง แต่เขาก็ยังได้ลงสนามเป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่อง แต่ในส่วนของผลงานโดยรวมนั้นเขาลงสนามไป 43 นัด ยิง 1 ประตู 3 แอสซิสต์ รวมทุกรายการ และเก็บคลีนชีทไปได้ทั้งหมด 10 ครั้ง แต่ในเกมนัดชิง เขาเป็นนักเตะสิงห์บลูที่แย่งบอลกลับมาได้สำเร็จมากที่สุด 5 ครั้ง บล็อคลูกยิงอีก 2 ครั้ง เคลียร์บอลไปอีก 8 เรียกว่าเขาเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญในเกมรับเลยทีเดียว

ส่วน เซซาร์ อัซปลิกวยต้า แม้ในนัดชิงจะได้ลงสนามในฐานะเซ็นเตอร์แบ็ค แต่โดยปกติแล้วก็เล่นในตำแหน่งแบ็คขวา นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่เข้ามาแทนที่ โบซิงวา ที่ย้ายออกไปในปีที่เขาย้ายเข้ามาอีกด้วย สำหรับผลงานในฤดูกาลนี้เขาลงสนามไปทั้งหมด 43 นัด ยิง 1 ประตู 3 แอสซิสต์รวมทุกรายการ ส่วนในนัดชิงเขาช่วยเคีลยร์บอลทิ้งไปถึง 4 ครั้ง บล็อคลูกยิงอีก 1 ครั้ง

 

ใครเจ๋งกว่าสรุป: โชเซ่ โบซิงวา ด้วยผลงานโดยรวมที่เท่ากันเป๊ะ แต่ในเกมนัดชิงต้องยอมรับว่า โบซิงวาเล่นได้อย่างโดดเด่นมากกว่า และสามารถช่วยทีมได้มากกว่าทางด้าน อัซปลิกวยต้า ที่เจองานน้อยกว่า

 

ดาวิด ลุยซ์ – อันโตนิโอ รูดิเกอร์

David Luiz got you down? Relax, you're remembering the wrong David Luiz

แม้ว่าในช่วงท้ายของซีซั่น 2011/12 ปราการหลังชาวบราซิเลี่ยนจะมีอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ แต่เขาก็สามารถกลับมาลงสนามได้ในเกมนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีก โดยตลอดฤดูกาลเขาถือเป็นตัวหลักของทีมจากการได้ลงสนามไปทั้งหมด 40 นัด ส่วนในเกมนัดชิงเขาก็ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นจากการเคลียร์บอลถึง 7 ครั้ง และเป็นคนที่บล็อคลูกยิงได้มากที่สุดในทีมที่ 5 ครั้งด้วย

Rudiger confirms Tottenham transfer almost went through

ส่วนตัว รูดิเกอร์ ในช่วงต้นฤดูกาลภายใต้การทำทีมของแฟรงค์ แลมพาร์ด เขาแทบไม่อยู่ในแผนจนมีข่าวย้ายทีม ก่อนที่จะกลับมาได้ลงสนามอีกครั้งในยุคของ โธมัส ทูเคิ่ล ทำให้เขาได้ลงสนามไปทั้งหมด 34 นัดจากทุกรายการ ซึ่งในเกมนัดชิงเขาทำผลงานเคลียร์บอลไปทั้งหมด 3 ครั้ง บล็อคลูกยิง 1 ครั้ง แต่ข้อผิดพลาดของเขาคือการไปโดนใบเหลืองในจังหวะปะทะกับ เควิน เดอ บรอยน์

 

ใครเจ๋งกว่าสรุป: ดาวิด ลุยซ์ แน่นอนว่าการที่โดนคู่แข่งบุกกดต่อเนื่องแบบที่ ลุยซ์ เจอจะทำให้มีตัวเลขสถิติที่มากกว่าแต่ด้วยฟอร์มการเล่นโดยรวม ณช่วงเวลานั้นต้องบอกว่าเขาดีกว่า

 

แกรี่ เคฮิล – ติอาโก้ ซิลวา

Is Gary Cahill a Chelsea legend? - Quora

ย้อนไปในฤดูกาล 2011/12 แนวรับเลือดผู้ดีเพิ่งถูกดึงตัวมาจาก โบลตันช่วงกลางซีซั่น และสามารถก้าวเข้ามาเป็นคนสำคัญของทีมได้ทันที และได้รับโอกาสลงสนามไปทั้งหมด 19 นัดรวมทุกรายการ ในขณะที่เกมนัดชิงเขาก็ได้ลงแทนที่ จอห์น เทอร์รี่ ที่ติดโทษแบนพอดี และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จากการเคลียร์บอล 4 ครั้ง บล็อคลูกยิงอีก 4 ครั้ง

Chelsea: Thiago Silva deve renovar contrato até 2022, diz site

ส่วนปราการหลังชาวบราซิเลี่ยนถูกดึงตัวมาเมื่อช่วงต้นซีซั่นแบบไร้ค่าตัว ซึ่งด้วยอายุอานามที่มากถึง 36 ปีแล้วทำให้เขาเจออาการบาดเจ็บตามรบกวนอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังได้ลงสนามไปทั้งหมด 34 นัดรวมทุกรายการ อย่างไรก็ตามในเกมนัดชิง โชคไม่ดีที่เขามีอาการบาดเจ็บจนโดนเปลี่ยนตัวออกไปในนาทีที่ 38 ของการแข่งขันทั้งที่แทบจะยังไม่ทันทำอะไรเลย แต่คนที่ลงมาแทนอย่าง อันเดรียส คริสเตนเซ่น ก็สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม

 

ใครเจ๋งกว่าสรุป: แกรี่ เคฮิลล์ ในคู่นี้ต้องบอกว่ายังไงก็ต้องให้ เคฮิลล์ชนะไป เนื่องจาก ซิลวา มีอาการบาดเจ็บไปตั้งแต่ต้นเกม นอกจากนี้ผลงานโดยรวมเขาก็ค่อนข้างดีกว่าแม้เพิ่งย้ายมาช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง

 

แอชลี่ย์ โคล – เบน ชิลเวลล์

Ashley Cole: 5 of the Greatest Moments in the Arsenal, Chelsea and England Legend's Career | 90min

แบ็คซ้ายตัวหลักของสิงห์บลูที่ยังคงยืนระยะได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในฤดูกาล 2011/12 เขาก็เป็นตัวหลักของทีมตลอดทั้งซีซั่น ด้วยการลงสนาม 48 นัดแบบไร้อาการบาดเจ็บรบกวน แถมยังทำไปมากถึง 9 แอสซิสต์ ส่วนในเกมนัดชิง แม้ว่าการครอสบอลของเจ้าตัวจะไม่สามารถสร้างสรรค์ประตูขึ้นมาได้ แต่เกมรับเขาก็ยังทำได้เหนียวแน่นจากการบล็อคลูกยิงไป 3 ครั้ง รวมถึงยังเป็นหนึ่งในมือสังหารจุดโทษอีกด้วย

 

Ben Chilwell out of England game against Denmark as left back returns to Chelsea - football.london

 

สำหรับแบ็ควัย 24 ปี เพิ่งย้ายมาอยู่กับทีมเมื่อช่วงต้นฤดูกาลแม้จะมีอาการบาดเจ็บในช่วงแรกทำให้ไม่สามารถลงสนามได้ แต่หลังจากนั้นก็ได้เป็นตัวหลักมาตลอดและได้รับโอกาสลงสนามไปทั้งหมด 42 นัดรวมทุกรายการทำ 7 แอสซิสต์ บวกกับอีก 4 ประตู ในขณะที่เกมนัดชิงยังเล่นเกมรุกไม่ออก แต่เรื่องเกมรับจัดว่าทำได้ดีจากการเคลียร์บอลไป 4 ครั้ง แย่งบอลคืนมาได้อีก 2 ครั้ง

 

ใครเจ๋งกว่าสรุป: เบน ชิลเวลล์ แม้ทาง โคล จะมีฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวา แต่โดยรวมแล้ว ชิลเวลล์ก็ทำได้ดีกว่า และในนัดชิงก็ยังทำผลงานได้อย่างโดดเด่นมากกว่า ประกอบกับประตูที่ทีมเสียไปในเกมเมื่อปี 2011/12 โคลเองก็มีส่วนประกบตัวพลาดเช่นกัน

 

จอห์น โอบี มิเกล -เอ็นโกโล่ กองเต้ 

John Obi Mikel very important in Chelsea's win over Barcelona | Goal.com

กองกลางชาวไนจีเรียอยู่กับทีมมาตั้งแต่ปี 2006 และข้นชื่อในเรื่องของการตัดเกมเช่นเดียวกับ กองเต้ แม้ในฤดูกาล 2011/12 เขาจะไม่ใช่ตัวหลักของทีมสักเท่าไร เนื่องจากพวกเขาใช้งาน รามิเรส เป็นหลัก แต่เนื่องจากในเกมนัดชิง แข้งชาวบราซิลติดโทษแบนไป ทำให้โอบี มิเกล ที่ได้ลงสนามไป 37 นัดในซีซั่นนี้ได้ลงแทน ซึ่งเขาก็งานชุกไม่น้อย จากการแย่งบอลคืนมาได้ 3 ครั้ง เคลียร์บอล 3 ครั้ง และบล็อคลูกยิงอีก 2 ครั้ง

King Kante drives Chelsea to glory in Porto

ส่วนกองกลางชาวฝรั่งเศสถือเป็นตัวหลักของทัพสิงห์บลูมาตลอดทั้งซีซั่น แม้จะมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่บ้าง แต่โดยรวมเขาก็ได้ลงสนามไปมากถึง 48 นัด ซึ่งผลงานก็จัดว่าโดดเด่นและเป็นตัวหลักที่ทีมขาดไม่ได้ ในขณะที่เกมนัดชิงงานของเขาไม่หนักเท่าไรนัก แต่ก็ช่วยตัดเกมไป 3 ครั้ง แย่งบอลคืนมาได้ครั้งนึง และเคลียร์บอลอีก 2 ครั้ง

 

ใครเจ๋งกว่าสรุป: เอ็นโกโล่ กองเต้ แม้ว่าถ้าวัดกันที่ผลงานนัดชิงนัดเดียว มิเกลจะดูดีกว่า เนื่องจากเจองานที่มากกว่า แต่ถ้าวัดความสม่ำเสมอในฟอร์มการเล่นตลอดทั้งฤดูกาลต้องยกให้ กองเต้ที่ทำได้ดีกว่าในภาพรวม

 

แฟรงค์ แลมพาร์ด – จอร์จินโญ่

Frank Lampard says Steven Gerrard was 'the best I ever played against' as Chelsea legend names top five toughest midfielders he faced – talkSPORT

ในฐานะกองกลางที่เหมือนเป็นทุกอย่างของทีม แลมพาร์ดทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมรวมถึงผลงานที่ในปีนั้นเขาทำไปถึง 16 ประตู 10 แอสซิสต์ จาก 49 นัดรวมทุกรายการ ก่อนที่ในเกมนัดชิงเขาจะมารับบทเป็นกัปตันทีมแทน จอห์น เทอร์รี่ ที่ติดโทษแบนไป ซึ่งในส่วนของผลงานเขาก็มีจังหวะจ่ายบอลสำคัญครั้งนึง รวมถึงมีเปอร์เซ็นการผ่านบอลสูงถึง 84.5 เปอร์เซ็น และยังเป็นหนึ่งในมือสังหารจุดโทษอีกด้วย

Jorginho not going anywhere, 'just getting started' under Tuchel - We Ain't Got No History

สำหรับ จอร์จินโญ่ เมื่อเทียบกับ แลมพาร์ด ดูจะเป็นที่ชังสำหรับแฟนบอลมากกว่า โดยผลงานในฤดูกาลนี้เขาลงสนามให้ทีมทั้งหมด 43 นัด ยิง 8 ประตู 2 แอสซิสต์ ในขณะที่ในเกมนัดชิงเขาแทบจะทำผลงานไม่ได้เลย ทั้งจ่ายบอลสำคัญ และการผ่านบอลที่ทำได้แค่ 79.5 เปอร์เซ็นเท่านั้น แม้ว่าจะได้โอกาสอยู่ในสนามตลอด 90 นาทีก็ตาม

 

ใครเจ๋งกว่าสรุป: แฟรงค์ แลมพาร์ด ในฐานะกองกลางตัวปั้นเกมต้องเรียกว่า แลมพาร์ดชนะขาดลอย ทั้งเรื่องการสร้างสรรค์โอกาส และประตูที่ยิงได้ รวมถึงผลงานในเกมนัดชิงก็เหนือกว่าชัดเจน

 

โซโลมง คาลู – ไค ฮาแวร์ตซ์

Kalou enjoying life with Blues | Football News | Sky Sports

ในช่วงต้นซีซั่น คาลู ไม่ได้เป็นตัวเลือกของ อังเดร วิลลาส โบอาส เลยจากการได้ลงสนามไปแค่ 10 นัดจากทุกรายการ ก่อนที่จะได้กลับมาลงสนามต่อเนื่องอีกครั้งในยุคของ  โรแบร์โต้ ดิมัตเตโอ สรุปรวมแล้วฤดูกาลนั้นเขาได้ลงสนามไป 26 นัด ยิง 5 ประตู 3 แอสซิสต์ แถมยังได้ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีกอีกด้วย แต่ในส่วนของผลงานในนัดนี้เขาแทบจะไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยทั้งเกมรับเกมรุก จะมีโดดเด่นก็คือเปอร์เซ็นการผ่านบอลที่ทำได้ถึง 92.3 เปอร์เซ็น ก่อนโดนเปลี่ยนตัวออกไปในนาทีที่ 83

เลเวอร์คูเซนขุดโพสต์เก่าฮาแวร์ตซ์"จากเด็กติดสอบสู่แชมป์ยุโรป" | Goal.com

ดาวเตะชาวเยอรมันย้ายเข้ามาด้วยความคาดหวังที่สูงลิบเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงแรกก็เกือบจะกลายเป็นการเสริมทัพที่ล้มเหลวแล้ว ก่อนจะเค้นฟอร์มกลับมาได้ในช่วงหลัง ลง 45 นัด ยิง 9 ประตู 9 แอสซิสต์ รวมทุกรายการ ส่วนผลงานในเกมนัดชิงก็เรียกว่าได้รับการการันตีความยอดเยี่ยมด้วยประตูชัยที่ช่วยซัดพาทีมเฉือนเรือใบสีฟ้าไป 1-0 นอกจากนี้ผลงานโดยรวมก็ทำได้อย่างโดดเด่น

 

ใครเจ๋งกว่าสรุป: ไค ฮาแวร์ตซ์ นอกจากเปอร์เซ็นการผ่านบอลที่สูงแล้ว คาลู ก็ไม่มีความโดดเด่นอะไรอีกเลยในเกมนัดชิง เทียบกับ ฮาแวร์ตซ์ ที่เกือบกลายเป็นดีลคว่ำในสายตาใครหลายคน แต่ในนัดชิงเขาเล่นได้โดดเด่น โดยเฉพาะการยิงประตูชัยให้กับทีม

 

ฆวน มาต้า – เมสัน เมาท์

Juan Mata completes record move to Manchester United

แม้จอมทัพชาวสเปนจะเพิ่งย้ายเข้ามาสู่ทีมแต่ก็สามารถก้าวเข้ามาเป็นตัวหลักของทีมได้ทันที แถมในส่วนของผลงานก็จัดว่ายอดเยี่ยมตั้งแต่แรกด้วยผลงาน 12 ประตู 20 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 54 นัดรวมทุกรายการ ส่วนในเกมนัดชิงเขาก็เป็นคนที่สามารถสร้างสรรค์โอกาสให้ทีมได้มากที่สุดที่ 2 ครั้ง แถมยังเป็นคนแอสซิสต์ให้ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา โหม่งทำประตูตีเสมอได้ด้วย แม้ในการดวลจุดโทษเขาจะยิงพลาดไปก็ตาม

Mason Mount backed as next Chelsea FC captain after match-winning turn against Liverpool at Anfield | Evening Standard

เด็กปั้นจากอคาเดมี่สิงห์บลู พิสูจน์ตัวเองมาตั้งแต่ซีซั่นก่อนด้วยการก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมที่จะขาดไปไม่ได้เลย ด้วยผลงานยิง 9 ประตู 9 แอสซิสต์ จาก 54 นัดรวมทุกรายการในปีนี้ แถมในเกมนัดชิงเจ้าตัวก็เป็นคนที่สร้างสรรค์โอกาสให้ทีมถึง 3 ครั้ง และเป็นผู้ทำแอสซิสต์ให้กับ ไค ฮาแวร์ตซ์ เข้าไปทำประตูชัย รวมถึงยังเป็นคนที่ผ่านบอลสำเร็จมากที่สุดในทีมในเกมนี้อีกด้วย แม้จะไม่ได้อยู่ในสนามจนครบเวลาก็ตาม

 

ใครเจ๋งกว่าสรุป: เมสัน เมาท์ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทั้งคู่เป็นกองกลางตัวสร้างสรรค์เกมที่ผลงานโดดเด่นกันทั้งคู่ ทั้งในภาพรวมและในเกมนัดชิง แต่เมื่อวัดกันที่ความผิดพลาด ก็จะมีแค่ มาต้า ที่มีความผิดพลาดเล็กน้อย คู่นี้จึงเฉือนกันไปแค่นิดเดียวเท่านั้น

 

ไรอั้น เบอร์ทราน – รีซ เจมส์

ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล อ่าน soccersuck.com####

สำหรับ เบอร์ทราน ช่วงเวลานั้นยังเป็นเพียงนักเตะหนุ่มวัย 22 ปี ที่วนเวียนอยู่กับการปล่อยยืม และแน่นอนว่าในฤดูกาล 2011/12 เขาไม่ใช่นักเตะตัวเลือกแรกรวมๆแล้วเขาลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ไปแค่ 15 นัด จากทุกรายการเท่านั้น แต่ด้วยปัญหาสภาพทีมทำให้ในนัดชิง เขาได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงในตำแหน่งปีกซ้าย แม้จะไม่ใช่ตำแหน่งถนัดของตัวเองก็ตาม แม้จะโดนจับเล่นเป็นตัวรุก แต่เขาดันเด่นเรื่องเกมรับมากกว่า จากการแย่งบอลคืนมาได้ 2 ครั้ง บล็อคลูกยิงอีก 3 ครั้ง แต่ในเกมรุกทำได้ไม่ดีนัก

Why Reece James is such a key man for Chelsea | The PFSA

สำหรับ เจมส์ เป็นอีกคนนึงที่เป็นแบ็คซึ่งสามารถเล่นเกมรุกได้อย่างยอดเยี่ยม ในฤดูกาลนี้เขาลงสนามไป 47 นัด ยิง 1 ประตู 5 แอสซิสต์ ส่วนในเกมนัดชิงเขาถูกขยับไปเล่นวิงแบ็ค และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งเกมรุกที่มีเปอร์เซ็นผ่านบอลถึง 83.7 เปอร์เซ็น จ่ายคีย์พาสอีก 1 ครั้ง ส่วนในเกมรับเขาก็จัดการเคลียร์บอลไป 5 ครั้ง มากสุดในทีม บล็อคลูกยิงอีก 1 ครั้ง

 

ใครเจ๋งกว่าสรุป: รีซ เจมส์ แม้เบอร์ทรานจะเล่นเกมรับได้อย่างโดดเด่นในเกมนัดชิง แต่เมื่อเทียบกับ เจมส์ ที่เด่นทั้งรับและรุก รวมถึงฟอร์มโดยรวมเมื่อเทียบกันแล้วก็ต้องให้ทาง เจมส์ ดีกว่า

 

ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา – ติโม แวร์เนอร์

Didier Drogba ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นประธาน FA ของ Ivory Coast - PriceOfWat

ดาวยิงผู้จัดเป็นตำนานของทัพสิงห์บลู แม้ในฤดูกาล 2011/12 จะมีอาการบาดเจ็บรบกวน รวมถึงต้องไปรับใช้ทีมชาติในรายการ แอฟริกาคัพออฟเนชันส์ แต่ก็ยังสามารถทำผลงานยิง 21 ประตู จาก 46 นัดรวมทุกรายการ ในขณะที่เกมนัดชิงเขามีโอกาสยิงถึง 5 ครั้ง เข้ากรอบ 2 ครั้ง และยังเป็นผู้ทำประตูตีเสมอให้กับทีม จนยื้อไปเอาชนะในการดวลจุดโทษ

Werner: This is the unluckiest season ever and I'm still in the Champions League final!

หัวหอกชาวเยอรมันที่เพิ่งย้ายมาสู่ทีมด้วยค่าตัวและความคาดหวังที่สูงลิบ แต่ในส่วนของผลงานจัดว่ายังไม่ได้ตามเป้าจากการลงสนาม 52 นัด ยิงได้ 12 ประตู รวมทุกรายการ ขณะที่ในเกมนัดชิงเขามีโอกาสยิงถึง 3 ครั้ง แต่ก็เข้ากรอบไปแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถือเป็นนักเตะที่มีโอกาสยิงมากที่สุดในทีมในเกมนัดนี้ ก่อนจะโดนเปลี่ยนตัวออกไปในนาทีที่ 65

 

ใครเจ๋งกว่าสรุป: ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ไม่มีข้อกังขาเลยสำหรับตำแหน่งนี้เมื่อเทียบ ดร็อกบา ที่ฟอร์มคงเส้นคงวามากกว่า แถมยังยิงประตูในเกมนัดชิงได้และเป็นประตูสำคัญเสียด้วย กับ แวร์เนอร์ที่ยังคงต้องพิสูจน์ตัวเองอยู่ต่อไปในฤดูกาลหน้า

 

ข่าวที่เกี่ยวข้องกับ เชลซี

ประสบการณ์ช่วยได้! โซล่ายกเชลซีมีติอาโก้ช่วยยกระดับเเข้งดาวรุ่ง