เปลี่ยนจนได้ดี : 9 แข้งโดนโยกตำแหน่งแต่ฟอร์มแจ่มกว่าเดิม

 

โดยทั่วไปแล้ว นักฟุตบอลทุกคนจะมีตำแหน่งที่ตนเองถนัดมากที่สุดในการลงสนาม แต่ในบางครั้งพวกเขาอาจจำเป็นต้องโยกไปเล่นในตำแหน่งอื่นอย่างช่วยไม่ได้

 

ซึ่งการโดนเปลี่ยนไปเล่นในตำแหน่งอื่นอาจเกิดขึ้นได้ด้วยหลากหลายเหตุผล อาจเป็นเพราะสถานการณ์ในทีม หรือความต้องการของกุนซือก็ตาม และมันก็ไม่เรื่องง่ายเลยที่จะทำผลงานได้ดีกับตำแหน่งที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน 

 

แต่ทว่าก็มีผู้เล่นไม่น้อยเหมือนกันที่สามารถโชว์ฟอร์มการเล่นได้อย่างโดดเด่นในตำแหน่งที่คุ้นเคยเหล่านี้ จนถูกดันให้มาเล่นในตำแหน่งนี้ถาวรพร้อมกับแจ้งเกิดเป็นดาวเตะระดับโลกไปในทันที

 

และนี่คือ 9 แข้งชื่อดังที่โดนโยกตำแหน่งใหม่แต่กลับโชว์ฟอร์มแจ่มกว่าเดิมในสนาม

 

 

บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์

 

 

ตำแหน่งแรก : ตัวริมเส้น/ตัวรุก 
ตำแหน่งแจ้งเกิด : กองกลางตัวรับ

 

บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ เพิ่งประกาศแขวนสตั๊ดไป หลังค้าแข้งมานานกว่า 18 ปี โดยไฮไลท์ที่สำคัญที่สุดของเขาคงหนีไม่พ้นนัดชิงฟุตบอลโลกที่เอาชนะอาร์เจนติน่าไป 1-0 ในปี 2014 ซึ่งในเกมนั้นเขาเป็นกองกลางที่เข้าปะทะมากกว่ากองกลางคนอื่นในสนาม และจ่ายบอลมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในสนาม

 

ตัวเลขเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้นกับชไวนี่แน่ๆ หากตัวเขายังเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุกอยู่ ซึ่งเป็นตำแหน่งเดิมของเขาในสมัยที่เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ บาเยิร์น มิวนิค แถมบ่อยครั้งเขาถูกขยับไปเล่นเป็นตัวริมเส้นด้วย

 

จนกระทั่ง แข้งชาวเยอรมันโดน หลุยส์ ฟาน กัล ขยับให้มาเล่นเป็นกองกลางอย่างสมบูรณ์ในฤดูกาล 2009-10 ทำให้เขาดูโดดเด่นกว่าตอนเล่นเป็นตัวรุกเสียอีก และยืนคุมเกมอยู่กลางสนามนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

 

บรานิสลาฟ อิวาโนวิช

 

 

ตำแหน่งแรก : กองหลัง 
ตำแหน่งแจ้งเกิด : แบ็คขวา

 

บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ได้ย้ายมาค้าแข้งกับเชลซีในปี 2008 ในฐานะปรากการหลังจอมแกร่ง แต่ช่วงแรกในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ของเขาถือว่ายากลำบากไม่น้อย เมื่อ อัฟราม แกรนท์ มองว่าเขายังไม่ฟิตพอที่เล่นให้กับทีม ทำให้ไม่มีโอกาสลงสนามในฤดูกาล 2007-08 เลยแม้แต่นัดเดียว

 

และกว่าจะได้ลงเล่นนัดแรกในเสื้อสิงห์บลูก็ปาเข้า 8 เดือนหลังจากที่เซ็นสัญญากับทีม แถมได้ลงเล่นในตำแหน่งแบ็คขวา ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งจริงๆของแข้งชาวเซิร์บเลย แต่หลังจากเขาก็กลายเป็นแบ็คขวาเบอร์หนึ่งของทีมไปโดยปริยาย และลงให้กับเชลซีกว่า 377 เกม พร้อมกับคว้าแชมป์ร่วมกับสโมสรจากลอนดอนในทุกรายการที่ลงเล่น

 

ในช่วงบั้นปลายอาชีพ อิวาโนวิชได้กลับไปเล่นเป็นกองหลัง ตำแหน่งดั้งเดิมของเขาอีกครั้ง หลังโบกมือลาเชลซีไปอยู่ เซนิต เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในปี 2017

  

 

โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ 

 

 

ตำแหน่งแรก : ตัวริมเส้น/กองกลางตัวรุก 
ตำแหน่งแจ้งเกิด : กองกลางตัวรับ

 

จินตนาการไม่ออกใช่มั้ยว่า โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ จะเล่นในตำแหน่งที่เน้นเกมรุกมาก่อน หลังเริ่มต้นเป็นตัวริมเส้นกับบาเยิร์น มิวนิค ในช่วงเริ่มต้นค้าแข้ง โดยลงเล่นในตำแหน่งปีกถึง 43 จาก 218 นัดที่ลงเล่นให้เสือใต้

 

ด้วยทักษะการจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยม มีลูกตื้อลูกขยัน ทำให้แข้งชาวอังกฤษโดนขยับมาเล่นเป็นกองกลางตัวโฮลบอลเมื่อเขาย้ายมาค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2007 และกลายเป็นตัวทำเกมจากแนวลึกมากกว่าขึ้นไปแดนหน้า และ 13 ประตูตลอดอาชีพค้าแข้งคงเป็นเหตุผลถึงเรื่องนี้ได้ดี

 

 

เดิร์ก เค้าท์

 

 

ตำแหน่งแรก : กองหน้า 
ตำแหน่งแจ้งเกิด : ปีก

 

หลังจากทำผลงานได้น่าประทับใจกับ เฟเยนูร์ด ที่ซัดไปถึง 95 ประตูจาก 144 นัด ทำให้ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือลิเวอร์พูลได้คว้าเดิร์ก เค้าท์ ไปร่วมทีมในปี 2006 ซึ่งในขณะนั้นยังเล่นเป็นกองหน้าอยู่

 

แต่การมาของ เฟร์นานโด ตอร์เรส ในปี 2007 ส่งผลให้แข้งชาวดัตช์ถูกขยับออกไปเป็นปีกขวามากกว่ากองหน้า และประสานร่วมกับ หัวหอกชาวสแปนิชได้เป็นอย่างดีพร้อมกับยึดตำแหน่งเป็นตัวหลักของทีมอยู่พักใหญ่ๆหลายปี

 

หลังย้ายออกจากถิ่นแอนฟิลด์ เค้าท์ยังคงเล่นเป็นปีกต่อไป ทั้งตอนที่ย้ายไปเล่นกับ เฟร์เนบาร์เช่ และ เฟเยนูร์ด เป็นรอบที่ 2 ในปี 2015-2017 ซึ่งช่วยให้ทีมแดนกังหันลมคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1999 ก่อนจะแขวนสตั๊ดในเวลาหลังจากนั้นไม่นาน

 

 

มุสซ่า ซิสโซโก้

 

 

ตำแหน่งแรก : กองกลาง  
ตำแหน่งแจ้งเกิด : ปีก

 

เมื่อนิวคาสเซิลได้คว้าตัว มุสซ่า ซิสโซโก้ มาร่วมทีม แฟนสาลิกาดงหลายคนเชื่อว่าพวกเขาคงได้ กองกลางผึ้งงานคนใหม่แบบ ดาวิด แบ็ตตี้ หลังโชว์ฟอร์มกับ ตูลูส ได้อย่างยอดเยี่ยม และลงเล่นในลีกเอิงไปมากกว่า  192 นัด

 

จากนั้น อลัน พาร์ดิว ที่ดำรงตำแหน่งเป็นกุนซือของทีมอยู่ในตอนนั้น ได้มองเห็นศักยภาพของแข้งชาวฝรั่งเศส และเริ่มด้นเข้าไปเล่นเป็นปีกแบบเต็มตัวในถิ่นเซนต์ เจมส์ ปาร์ค โดยลงเล่นไปกว่า 133 นัดจาก 4  ปีในแดนอีสาน

 

ทว่านับตั้งแต่ที่เขาย้ายไปค้าแข้งกับสเปอร์ส ในปี 2016 แข้งวัย 30 ปีก็ถูกเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ถอยให้กลับมาเล่นเป็นกองกลางอีกครั้ง ซึ่งเห็นได้บ่อยในช่วงปีที่ผ่านมา

  

 

แยน แฟร์ตองเก้น 

 

 

ตำแหน่งแรก : กองกลางตัวรับ/แบ็คซ้าย
ตำแหน่งแจ้งเกิด : กองหลัง

 

แยน แฟร์ตองเก่น เริ่มต้นเป็นกองกลางตัวรับมาก่อนในช่วงที่เริ่มต้นค้าแข้งในเบลเยี่ยมบ้านเกิด และ เล่นเป็นตัวทำเกมแนวลึกกับแบ็คซ้ายในอาแจ็กซ์ จากนั้นเขาค่อยกลายเป็นกองหลังระดับโลกนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ในปี 2012

ถึงแข้งเบลเยี่ยมจะบอกว่าตนเองชอบเล่นในตำแหน่งกองกลางแบบในช่วงเริ่มต้นฟุตบอลอาชีพมากกว่า แต่ในช่วง 292 นัดที่เล่นให้กับไก่เดือยทอง เขาลงเล่นเป็นปราการหลังโดยส่วนใหญ่ และจะถูกจับไปเล่นเป็นแบ็คในบางครั้ง หากมีผู้เล่นบาดเจ็บในทีม

      

 

แกเร็ธ เบล

 

 

ตำแหน่งแรก : แบ็คซ้าย
ตำแหน่งแจ้งเกิด : ปีกซ้าย

 

นี่น่าจะเป็นการเปลี่ยนตำแหน่งการเล่นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกหนัง หลัง แกเร็ธ เบล ได้เปลี่ยนจากฟูลแบ็คมาเป็นปีกซ้ายความเร็วสูงที่พร้อมฉีกแนวรับคู่แข่งให้ขาดวิ่น 

 

ณ ช่วงเวลาที่เริมต้นอาชีพค้าแข้งกับ เซาแธมป์ตัน แข้งชาวเวลส์ถูกจับมองในฐานะแบ็คซ้ายดาวรุ่ง จนกระทั่งเขาย้ายมาอยู่สเปอร์ส ในปี 2007 เบลจึงค่อยๆค้นพบตำแหน่งที่เหมาะสมกับความสามารถของตนเองมากที่สุด

 

ฟอร์มการเล่นที่โดดเดนเกินใครในทีม ทำให้ เรอัล มาดริด คว้าตัวเบลไปร่วมทีมในปี 2013 และประสานงานร่วมกับ คาริม เบนเซม่า กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จนทำให้โลส บลังโกส มี 3 แนวรุกที่อันตรายที่สุดในโลก พร้อมกับช่วยให้ทีมคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกมาได้ 4 จาก 6 ครั้งหลังสุด   

 

 

โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

 

 

ตำแหน่งแรก : ปีก
ตำแหน่งแจ้งเกิด : กองหน้า

 

คงดูแปลกไม่น้อยหากเราจะนึกภาพ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เล่นตำแหน่งอื่นนอกจากกองหน้า แต่จริงๆแล้วในช่วงแรกที่เริ่มค้าแข้งกับ เฟเยนูร์ด เขาเล่นเป็นปีกหรือตัวริมเส้นมาก่อน

 

ซึ่งอาร์เซน เวนเกอร์ กุนซืออาร์เซน่อล ได้สังเกตุเห็นถึงความเร็ว, ความคล่องแคล่ว และ การลากเลื้อย ของแข้งชาวดัตช์จึงขยับมาเล่นเป็นกองหน้า ซึงเป็นตำแหน่งที่ทำให้เขากลายเป็นแข้งระดับโลก

 

หลังจากที่ยิง 21 ประตู ใน 76 นัดกับเฟเยนูร์ด, ซัดไปอีก 131 ลูกให้ปืนใหญ่ และคว้าแชมป์กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2012-13 ฟาน เพอร์ซี่ ก็ตัดสินแขวนสตั๊ดกับทีมวัยเด็กในซัมเมอร์ที่ผ่านมา

     

 

ฮาเวียร์ มาสเคราโน่

 

 

ตำแหน่งแรก : กองกลางตัวรับ  
ตำแหน่งแจ้งเกิด : กองหลัง

 

ในกรณีของ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ อาจจะแตกต่างจากแข้งอื่นๆในลิสต์ซักหน่อย เพราะเขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอยู่แล้วในสมัยที่ยังเล่นเป็นกองกลางตัวรับอยู่กับลิเวอร์พูล แต่นับตั้งแต่ย้ายไปบาร์เซโลน่าในปี 2010 เขาก็ถูก เป็ป กวาร์ดิโอล่า ปรับตำแหน่งให้ไปเล่นเป็นกองหลังคู่กับ เคราร์ด ปิเก้ ไปในทันที

 

การจ่ายบอลที่เฉียบคมและการเข้าปะทะที่หนักหน่วงแต่แม่นยำ ทำให้แข้งชาวอาร์จนไตน์ปรับตัวเข้ากับปรัญชาลูกหนังของทีมอาซูลกราน่าที่เน้นการครองบอลได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับคว้าแชมป์ได้ถึง 19  รายการตลอดเวลาที่ค้าแข้งกับทีมจากแคว้นกาตาลัน 

 

แข้งวัย 35 ปี ถูกโยกกลับมาเป็นกองกลางเหมือนเดิมอีก หลังค้าแข้งกับ หัวเป่ย ไชน่า ฟอร์จูน สโมสรในประเทศจีน ตั้งแต่ปี 2018 จนถึงปัจจุบัน