เปลี่ยนแปลงโดยด่วน : เส้นทางต่อไปของไก่เดือยทองหลังไร้มูรินโญ่

 

โชเซ่ มูรินโญ่ กลายเป็นอดีตกับท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไปเรียบร้อย เมื่อโดนปลดพ้นตำแหน่งผู้จัดการทีม หลังทำหน้าที่ไปเพียง 17 เดือน

 

แดเนี่ยล เลวี่ ประธานสโมสร ‘ไก่เดือยทอง’ เลือกเสี่ยงครั้งใหญ่ ด้วยการแต่งตั้งกุนซือชาวโปรตุกีส เข้ามาในเดือนพฤศจิกายนปี 2019 แทนที่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เพื่อสร้างแนวทางการเปลี่ยนแปลงใหม่กับสโมสรในอนาคต

 

ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมากลับไม่เปลี่ยนไปตามที่คาดหวัง สเปอร์ส ที่เคยเป็นทีมลุ้นแชมป์ ทำผลงานแย่จนกระเด็นหลุดจากตำแหน่งท็อปโฟร์ในฤดูกาลนี้ เป็นเหตุให้ มูรินโญ่ และสโมสรถึงจุดสิ้นสุดลง โดยปลดเขาออกก่อนเตะนัดชิงคาราบาว คัพ กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ถึง 6 วันเท่านั้น

 

เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ในสโมสรจากลอนดอนเหนือจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้ เพียงแต่จะเปลี่ยนไปในทิศทางใดบ้าง UFA ARENA จะพาไปวิเคราะห์ผ่านบทความนี้กัน

 

 

กลับไปเล่นเกมรุกที่คุ้นเคย

 

Tottenham Hotspur Top 20 Goals 2018 HD - YouTube

 

สเปอร์ส เป็นหนึ่งในทีมที่ขึ้นชื่อกับการเน้นเกมรุก และสไตล์การเล่นแบบนั้นเปรียบเหมือนเอกลักษณ์หรือประเพณีหนึ่งของพวกเขาไปแล้ว จนกระทั่งการมาของ โชเซ่ มูรินโญ่ เจ้าของแผนรถบัสที่ใคร ๆ ต่างพูดถึง

 

การแต่งตั้ง ‘เดอะ สเปเชียล วัน’ ทำให้ความรู้สึกเหล่านั้นสั่นคล่อนได้เหมือนกัน แต่เขาก็เป็นหนึ่งในกุนซือเบอร์ต้น ๆ ของโลก พร้อมด้วยความคาดหวังว่าเขาจะเข้ามาต่อยอดทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ให้ดีขึ้นกว่าเดิม พร้อมคว้าถ้วยรางวัลที่แฟนบอลโหยหารอคอยมานานได้เสียที

 

ทว่าแนวทางของ มูรินโญ่ ที่เน้นการเล่นเกมรับเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ดูไม่เหมาะกับสโมสรที่ภูมิใจกับการเล่นเกมรุกอันเป็นเอกลักษณ์ และสิ่งเหล่านี้ก็กลายเป็นเรื่องยากสำหรับ ยิด อาร์มี่ มากขึ้น เมื่อผลการแข่งขันแย่ลง หรือไม่เป็นไปตามที่หวังไว้

 

ค่าเฉลี่ยให้การทำประตูของฤดูกาล 2020-21 (1.7) อาจมากกว่าฤดูกาล 2019-20 (1.6) เล็กน้อย ทว่าหากเทียบกับ 3 ฤดูกาลก่อนหน้าถือว่าทำได้น้อยพอสมควร (2.3 ในฤดูกาล 2016-17, 2.0 ในฤดูกาล 2017-18 และ 1.8 ในฤดูกาล 2018-19)

 

รวมไปถึงค่าเฉลี่ยโอกาสทำประตู และ การครองบอล ยุคมูรินโญ่ ช่วง 2 ฤดูกาลหลังสุดก็น้อยกว่าชัดเจน (ยิง 11.7 ครั้ง, ครองบอล 51.9% ในฤดูกาล 2019-20, ยิง 11.1 ครั้ง, ครองบอล 50.1% ในฤดูกาล 2020-21) ขณะที่ 3 ฤดูกาลก่อนหน้านี้ โอกาสยิงเฉลี่ยราว ๆ 15 ครั้งต่อเกม และครองบอลเฉลี่ยเกือบ 60% ต่อนัดด้วย

 

นี่จึงเป็นงานที่ท้าทายสำหรับ กุนซือคนต่อไปของ สเปอร์ส ที่จะเข้ามาเปลี่ยนสไตล์การเล่นของทีมให้กลับมาเล่นเกมรุกอีกครั้ง

 

แน่นอนว่าผลลัพธ์คือสิ่งที่สำคัญ แต่แฟน ๆ ‘ไก่เดือยทอง’ คงรับได้กับความพ่ายแพ้ในบางครั้งได้ง่ายขึ้น หากมีหลักฐานว่าอย่างน้อยทีมรักของเขามีเจตนาในการเล่นเกมรุกที่มากขึ้นกว่าที่ผ่านมาในฤดูกาลนี้ 

 

 

สร้างทีมใหม่

 

Ryan Mason confirmed as caretaker manager at Tottenham until end of season  | The National

 

ใครก็ตามที่เข้ามากุมบังเหียน ท็อตแน่ม ต่อจากนี้ เป็นไปได้สูงว่าพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับกับกระบวนการการสร้างทีมขึ้นมาใหม่

 

อนาคตของ แฮร์รี่ เคน ในทีมดูไม่แน่นอนนัก หลังจากมีข่าววว่าเขาต้องการย้ายทีม หากสโมสรไม่สามารถคว้าตั๋วไปเล่น แชมเปี้ยนส์ลีกได้ในฤดูกาลนี้

 

ในขณะที่การมาถึงของ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก อาจเสนอเส้นทางที่ยอดเยี่ยมอีกรายการในฟุตบอลยุโรป แต่ก็พิสูจน์ได้ยากที่จะโน้มน้าวให้ เคน เห็นว่าการเล่นให้ สเปอร์ส ต่อไปเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาในอนาคต

 

ท็อตแน่ม อาจต้องหาตัวแทนของพวกเขาในเร็ว ๆ นี้ หากดาวยิงเบอร์ 1 เลือกเก็บข้าวของออกจากลอนดอนเหนือ ขณะที่นักเตะของทีมก็ไม่ได้แย่อย่างที่ มูรินโญ่ กล่าวเป็นนัย ๆ ในช่วงเดือนสุดท้ายที่เขาทำหน้าที่ แต่ก็มีบางจุดที่ต้องการการปรับปรุงอย่างเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน

 

ฤดูกาลนี้ ตัวจริงของ สเปอร์ส มีค่าเฉลี่ยอายุที่ 27.5 ปี ซึ่งหมายความว่ามีเพียง เวสต์แฮม, เบิร์นลี่ย์ และ คริสตัล พาเลซ ที่ใช้นักเตะอายุมากกว่าพวกเขาในพรีเมียร์ลีก

 

มูรินโญ่ เคยกล่าวถึงดาวรุ่งแววดีในชุดเยาวชนอย่างเช่น แดน สการ์เล็ตต์ แต่ถึงอย่างนั้น กองหน้าวัย 17 ปี ก็ได้ลงเล่นเพียงนาทีเดียวเท่านั้นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้

 

จากข้อมูลในฤดูกาลนี้ยังบ่งชี้ด้วยว่า สเปอร์ส ให้โอกาสนักเตะอายุต่ำกว่า 23 ปี น้อยกว่าทุกสโมสรในพรีเมียร์ลีก (316 นาที) ซึ่งแตกต่างจากช่วงที่ โปเช็ตติโน่ คุมทีมอย่างมาก และพอจะบอกได้ว่าพวกเขาทำพลาดไม่น้อยที่ไม่ยอมให้โอกาสดาวรุ่งที่พร้อมไปด้วยพละกำลังและความสดใหม่ลงสนาม

 

สเปอร์สต้องลดอายุเฉลี่ยของทีมลงเพื่อที่จะกลับไปอยู่เดิมที่คุ้ยเคยให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกดันจากทีมเยาวชนของสโมสร หรือวิธีอื่น ๆ อย่างซื้อแข้งใหม่ฝีเท้าดีที่สามารถเติมเต็มช่องว่างของทีมได้

 

แกเร็ธ เบล จะกลับ เรอัล มาดริด หลังจบฤดูกาลนี้ เนื่องจากหมดสัญญายืมตัว ขณะที่พวกเขาต้องตัดสินใจกับดีลของ คาร์ลอส เวนิซิอุส ว่าจะซื้อขาดจาก เบนฟิก้า หรือไม่

 

นอกจากนี้ การตัดสินใจเกี่ยวกับ ฮูโก้ โยริส, เอริค ลาเมร่า และ แซร์จ ออริเย่ร์ ก็ต้องตัดสินใจให้แน่ชัดเช่นกัน เนื่องจากทั้งหมดเหลือสัญญาปีสุดท้ายกับทีม มีเพียงแค่ ซอน เฮือง มิน ที่เหลือสัญญา 2 ปี นับตั้งแต่ต่อสัญญาระยะยาวครั้งสุดท้ายในปี 2018

 

 

ไก่เลือกนาย

 

Hansi Flick to become new Germany manager, Bayern to target Nagelsmann -  Cartilage Free Captain

 

ไรอัน เมสัน อดีตกองกลางลูกหม้อสโมสรจะเข้ามาทำหน้าที่กุนซือชั่วคราว แทนที่ มูรินโญ่ ที่ปลดไป โดยจะคุมทีมอย่างน้อยจนจบฤดูกาลนี้ ก่อนจะมีการหากุนซือคนใหม่ที่จะเข้ามาในฤดูกาลต่อไป

 

ชื่อของ จูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ กลายเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะเข้ามารับงานในถิ่น ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม ซัมเมอร์นี้ และเข้าใจได้ดีว่าทำไม สปอร์ส จึงสนใจในตัวเขา

 

กุนซือวัย 33 ปี มีชื่อเสียงในฐานะเป็นหนึ่งในกุนซือหนุ่มที่โดดเด่นที่สุดในวงการฟุตบอลยุโรป กับผลงานที่เขาแสดงให้เห็นทั้งกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ และ แอร์เบ ไลป์ซิก ในปัจจุบัน

 

โดย สเปอร์ส ได้รับการสาธิตให้เห็นภาพแบบชัดเจนว่าทีมของเขาเป็นอย่างไร เมื่อโดน ไลป์ซิก ของ นาเกลส์มันน์ เล่นงานแบบหมดรูปในแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลที่แล้ว

 

สโมสรจากบุนเดสลีก้า บุกมาเอาชนะทีมของ มูรินโญ่ ได้ 1-0 ได้ถึงที่อังกฤษ ในเลกแรกของรอบ 16 ทีมสุดท้าย จากนั้นก็ถล่มใน เร้ดบูลล์ อารีน่า อีก 3-0 และเอาชนะไปด้วยสกอร์รวม 4-0

 

ณ เกมวันนั้น สเปอร์ส ไม่สามารถรับมือกับการโดนไล่เพรสหนัก ๆ และการจู่โจมแบบไดเรกต์ของไลป์ซิก ได้เลย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ปรัชญาที่ นาเกลส์มัน ใช้ตั้งแต่คุม ฮอฟเฟ่นไฮม์ ได้ผลและประสบความสำเร็จแค่ไหน

 

ขณะที่กุนซือคนอื่นในพรีเมียร์ลีก ก็มีข่าวเชื่อมโยงกับการเป็นว่าที่นายใหญ่คนใหม่ของ ไก่เดือยทองเช่นกัน และ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เป็นหนึ่งในนั้น แม้สถานการณ์ในปัจจุบันจะยากเอาเรื่อง เนื่องจากเขามีสัญญากับ เลสเตอร์ จนถึงปี 2025 และคงวุ่นวายกว่านี้หากสโมสรจะเอาเขามาคุมทีมให้ได้จริง ๆ 

 

Brendan Rodgers: "Leicester can attract Europe's top players" - AS.com

 

อดีตนายใหญ่ของลิเวอร์พูล ต่อยอดผลงานแจ่มจาก เซลติก ด้วยการสร้าง ‘เดอะ ฟ็อกซ์’ ให้ลุ้นลุยแชมเปี้ยนส์ลีกและเช่นเดียวกับนาเกลส์มันน์ แนวทางการเล่นเกมรุกของ บีร็อด จะสอดคล้องกับการเล่นบุกที่เป็นเหมือนประเพณีของ ท็อตแน่ม ด้วย

 

รวมไปถึง มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี ด้วยเช่นกันที่ว่างงานตั้งแต่ลา ยูเวนตุส ในปี 2019 ขณะที่ เอ็ดดี้ ฮาว, ราฟาเอล เบนิเตซ และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

 

ยังคงต้องเฝ้าดูกันต่อไปว่า สเปอร์ จะเคลื่อนที่ไปในทิศทางไหน และคงคาดเดาได้ยากว่า เลวี่ จะเลือกเดินหมากต่อไปอย่างไร หลังสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการแต่งตั้ง มูรินโญ่ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก่อนจะพังครืนไม่เป็นท่า

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แน่นอนคือ กุนซือคนต่อไปของ สเปอร์ส จะต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของสโมสร ทั้งในแง่ของสไตล์การเล่น และ โครงสร้างนักเตะภายในทีม

 

สเปอร์ส ต้องการการเริ่มต้นใหม่ก็จริง แต่พวกเขายังต้องเชื่อมโยงกับหลักการและประเพณีที่ใช้นำทางพวกเขาอีกครั้งด้วยเช่นกัน