เปิดฉากพรีเมียร์ลีกซีซั่นใหม่ : วิเคราะห์ “บิ๊กซิกส์” ใครจะปังใครจะแป้ก 

 

 

 ลูกหนัง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2022/23  เปิดฉากโม่แข้งกันเรียบร้อยแล้ว เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา  โดยในฤดูกาลนี้ นับว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะในช่วงปลายปีจะมีการพักเบรคเพื่อปล่อยให้นักเตะไปลุย ฟุตบอลโลก ที่ประเทศ กาตาร์ กันด้วย 

 

แน่นอนว่าในช่วงปรีซีซั่นที่ผ่านมา เราได้เห็นฟอร์มการเล่นของเหล่าบรรดา บิ๊กซิกส์ กันไปแล้ว ว่าถึงเวลานี้แต่ละทีมนั้น ปรับจูนทีมได้ตามที่ต้องการ และมีความพร้อมกันมากน้อยแค่ไหน และก่อนที่ซีซั่นใหม่จะเริ่มต้น เราจะขอมาดูชำแหละกันซักหน่อยว่าสโมสรใดจะพร้อมสำหรับการล่าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้กัน 

 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 

 

เจ้าของแชมป์เมื่อฤดูกาลก่อน ที่ต้องบอกว่ามาซีซั่นนี้ เป๊ป กวาดิโอล่า กุนซือชาวสแปนิช นั้นทำการปรับเปลี่ยนทีมมากพอสมควร ที่เห็นได้ชัดคือ นี่จะเป็นฤดูกาลที่พวกเขาจะกลับมาใช้ กองหน้าตัวเป้าอย่างจริงจังอีกครั้ง หลังการมาของ เออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์ ดาวยิงฟอร์มร้อนทีมชาติ นอร์เวย์ ของ โบรุสเซียร์ ดอร์ทมุนด์ มาร่วมทัพ รวมไป ยูเลี่ยน อัลวาเรซ หัวหอกของ ริเวอร์เพลท อีกราย 

 

หลังจบเกม คอมมูนิตี้ ชิลด์ ที่ทัพ “เรือใบสีฟ้า” พลาดท่าให้ ลิเวอร์พูล ทุกคนเห็นเหมือนกันคือเวลานี้ ฮาแลนด์ นั้นอาจจะยังต้องใช้เวลาปรับตัวกับลีกใหม่ของเขาอีกซักระยะ พร้อมกับต้องจูนตัวเองให้เล่นกับเพื่อนร่วมทีมให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นจังหวะการวิ่งหาช่อง หรือโอกาสในการเข้าทำ ซึ่งยิ่งปรับตัวได้เร็วเท่าไหร่ ก็เชื่อว่า ซิตี้ จะอันตรายกว่าเดิมหลายเท่าตัวแน่นอน 

 

อีกสิ่งที่น่าสนใจคือการปล่อยตัว ราฮีม สเตอร์ลิง รวมไปถึง กาเบรียล เฆซุส สองแนวรุกคนสำคัญของทีม นั่นทำให้การลาทีมในครั้งนี้ตัวเลือกของทัพ “เรือใบสีฟ้า” นั้นน้อยลงไป ทำให้ผุ้เล่นในตำแหน่งปีกสองฝั่งในฤดูกาลนี้ จะมี ฟิล โฟเด้น ,แจ็ค กรีลิช และ ริยาด มาห์เรซ เป็นตัวหลักเพียงให้คอยปรับเปลี่ยนเพียง 3  รายเท่านั้น ขณะที่แดนกลางการขาดหายไปของ แฟร์นานดินโญ่ นั้นก็ไม่ใช่ปัญหา เมื่อได้ คัลวิน ฟิลลิปส์ มาทดแทน

 

เมื่อมองโดยรวมแล้ว ลูกทีมของ เป๊ป ในทุกตำแหน่งยังคงดูน่ากลัว ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตู มายันกองหน้า  และ “เรือใบสีฟ้า” จะยังเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดของพรีเมียร์ลีก 

 

พยากรณ์อากาศ : เป็นตัวเต็งแชมป์อีกฤดูกาลอย่างไม่ต้องสงสัย  

 

โปรแกรม 6 เกมแรกของ แมนฯซิตี้ : 7 ส.ค. เวสต์แฮม (A) 13 ส.ค. บอร์นมัธ (เหย้า) 21 ส.ค. นิวคาสเซิ่ล (A) 27 ส.ค. คริสตัล พาเลซ (เหย้า) 31 ส.ค. น็อตต์เอ็ม ฟอเรสต์ (เหย้า) 3 ก.ย. แอสตัน วิลล่า (A)

 

ลิเวอร์พูล 

 

“หงส์แดง” เรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้แบบเต็มที่หลังคว่ำเอาชนะคู่อริในระยะหลังอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้สำเร็จ พร้อมคว้าแชมป์ถ้วยใบเดียวในอังกฤษที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ยังไม่เคยสัมผัสอย่าง คอมมูนิตี้ ชิลด์ มาครองได้ 

 

โอเคหละนี่อาจจะเป็นอีกฤดูกาลที่ “หงส์แดง” เสริมทัพน้อย และทุ่มเงินไปในตำแหน่งที่พวกเขาต้องการจริงๆเท่านั้น ซึ่งตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าคือสิ่งที่ คล็อปป์ ต้องการหลังจากที่ช่วงหลัง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ฟอร์มดร็อปลงไป หลังยืนระยะมาได้หลายฤดูกาลติด  แต่การเข้ามาของ ดาร์วิน นูนเญซ  อาจจะต้องใข้เวลาปรับตัวอีกซักระยะ ซึ่งในเกมล่าสุด หัวหอกอุรุกวัย ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าตัวเขานั้นเริ่มปรับตัวเข้ากับทีมได้มากขึ้นเรื่อยๆแล้ว จากการมีส่วนร่วมกับทีม พร้อมโขก 1 ประตูได้สำเร็จ 

 

 

จุดที่น่าสนใจคือการที่ยอดทีมจาก เมอร์ซีไซด์ ต้องเสีย ซาดิโอ มาเน่ ไปให้ บาเยิร์น มิวนิค ทำให้ หลุยส์ ดิอาซ แนวรุกตัวดีด ที่คว้าตัวมาจาก เอฟซี ปอร์โต้ เมื่อช่วงต้นปีจะได้โอกาสเป็นตัวจริงแบบเต็มตัว ซึ่งต้องดูว่าแข้งความเร็วสูงทีมชาติโคลัมเบีย จะสามารถทดแทนดาวเตะเซเนกัลได้ในระยะยาวหรือไม่ 

 

หากมองดูที่ผู้เล่นโดยรวมแล้ว ลิเวอร์พูล ยังคงมีโครงสร้างที่แข็งแกร่งในทุกตำแหน่ง เรียกได้ว่าการได้เล่นร่วมกันมาหลายฤดูกาลติดต่อกัน หาก คล็อปป์ สามารถปลุกไฟในตัวนักเตะขึ้นมาได้เช่นเดิม เราก็คงได้เห็นฝูงหงส์ โบยบินกันอีกฤดูกาล

 

 

พยากรณ์อากาศ : ได้บดบี้ล่าแชมป์ไปยันนัดสุดท้ายอีกครั้ง และคราวนี้อาจถึงคราที่ได้สมหวังบ้าง

 

โปรแกรม 6 เกมแรกของลิเวอร์พูล :  6 ส.ค. ฟูแล่ม (A) 15 ส.ค. คริสตัล พาเลซ (เหย้า) 22 ส.ค. แมนฯ ยูไนเต็ด (A) 27 ส.ค. บอร์นมัธ (เหย้า) 31 ส.ค. นิวคาสเซิล (เหย้า)3 ก.ย. เอฟเวอร์ตัน (A)

 

เชลซี 

 

นี่อาจจะเป็นหนึ่งในซีซั่นที่หนักหน่วงที่สุดฤดูกาลหนึ่งของ โธมัส ทูเคิล กุนซือชาวเยอรมัน หลังต้องปรับเปลี่ยนผู้เล่นแกนหลักหลายราย ไม่ว่าจะ คาลิดู คูลิบาลี่ ที่จะเข้ามาแทนที่ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ที่ลาทีมไป รวมไปถึงแนวรุกการได้ ราฮีม สเตอร์ลิง เข้ามาเสริมก็เรียกได้ว่าจะเป็นหนึ่งในการเสริมทัพที่สำคัญของทีมแน่นอน

 

ที่น่าสนใจคือในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าของทัพ สิงห์บูลส์ นั้นยังคงไม่ได้รับการแก้ไข เพราะเวลานี้ โรเมลู ลูกากู ดาวยิงขี้ใจน้อย ก็ชิ่งลากลับไปเล่นให้กับ อินเตอร์ มิลาน เรียบร้อยแล้ว และการที่จะต้องฝากความหวังเอาไว้ที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่ไม่ได้เป็นกองหน้าตัวเป้าจริงๆ ตรงนี้จะเป็นปัญหาหรือไม่ รวมไปถึง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ห้องเครื่องคนสำคัญก็เริ่มมีอาการโรยราจากอาการบาดเจ็บให้เห็นอยู่บ่อยครั้งเมื่อฤดูกาลก่อน 

 

 

เมื่อมองดูในภาพรวมแน่นอนว่าไม่มีใครที่จะประมาทเชลซีได้ และ ทูเคิล ก็เคยทำให้เห็นแล้วว่า แม้ทีมอาจจะดูไม่พร้อมเท่าที่ควร แต่เขาก็เคยพาทีมผงาดแชมป์ ยุโรป มาแล้ว 

 

 

พยากรณ์อากาศ : มีโอกาสลุ้นหาก ทูเคิล สามารถจูนทีมที่ไม่ลงตัวให้ท็อปฟอร์มได้อีกครั้ง

 

 

โปรแกรม 6 เกมแรกของเชลซี : 6 ส.ค. เอฟเวอร์ตัน (A) 13 ส.ค. ท็อตแนม (เหย้า)20 ส.ค. ลีดส์ (A) 27 ส.ค. เลสเตอร์ (เหย้า) 31 ส.ค. เซาแธมป์ตัน (A)3 ก.ย. เวสต์แฮม (เหย้า)

 

ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ 

 

“ไก่เดือยทอง” แม้จะฟอร์มช่วงปรีซีซั่น ดูเหมือนจะยังกระท่อนกระแท่น แต่ไฮไลท์จริงๆ ที่ผู้เขียนได้เห็นก็คือ การฝึกซ้อมที่หนักหน่วงสุดๆของ อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือของทีม ที่ทำเอาเหล่าบรรดาแกนหลักนอนหอบกันเลยทีเดียว เรียกได้ว่าพอเปิดฤดูกาลจริง เราอาจได้เห็น ไก่เดือยทอง ยุคที่วิ่งไม่มีหมดกันแน่แท้ 

 

หลังจากฤดูกาลก่อน คอนเต้ ที่ใช้เวลาเพียงครึ่งฤดูกาลปรับจูนทีมให้เขารูปเข้ารอย ก่อนจะแซง อาร์เซน่อล ขึ้นมาครองอันดับ 4 ได้อย่างเหลือเชื่อ พร้อมคว้าตั๋วไปเตะ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลนี้ ต้องบอกว่าเวลานี้ กุนซือชาวอิตาเลียน พร้อมแล้วที่จะพาทีมประสบความสำเร็จในซักถ้วย แนวรุกหลัง แฮร์รี่ เคน และ ซอน เฮือน มิน เป็นเดอะแบกมาโดยตลอด เวลานี้ก็ได้ ริชาร์ลิซอน เข้ามาช่วงแบ่งเบาภาระแล้ว ขณะที่แดนกลางการได้ อีฟ บิสซูม่า ห้องเครื่องจาก ไบรท์ตัน เข้ามาก็จะทำให้แดนกลางมีความสมดุลมากยิ่งขึ้นไปอีก 

 

พยากรณ์อากาศ : นี่อาจจะเป็นม้ามืดที่สามารถมองได้ถึงการคว้าแชมป์เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ คอนเต้ นั้นเคยทำให้เห็นมาแล้วไม่ว่าจะคุม เชลซี หรือ อินเตอร์ มิลาน ในฤดูกาลที่ 2 ของตัวเขา …

 

 

เกมแรก 6 เกมแรกของ สเปอร์ส :  6 ส.ค. เซาแธมป์ตัน (เหย้า) 14 ส.ค. เชลซี (A) 20 ส.ค. วูล์ฟแฮมป์ตัน (เหย้า)28 ส.ค. น็อตม์ ฟอเรสต์ (A) 31 ส.ค. เวสต์แฮม (A) 3 ก.ย. ฟูแล่ม (เหย้า)

อาร์เซน่อล 

 

เปิดฉากได้ดีสำหรับ “ไอ้ปืนใหญ่” ในฤดูกาลนี้ หลังบุกไปเอาชนะ คริสตัล พาเลซ 2-0 ซึ่งน่าจะช่วยเรียกความมั่นใจให้กับทีมได้มากขึ้นอีกโข หลังจากความผิดหวังขั้นสุดเมื่อปลายฤดูกาลก่อน ที่อยู่ดีๆผลงานก็ดิ่งลงเหว จนหลุดจากท็อปโฟร์ชวดตั๋ว แชมเปี้ยนส์ลีก ไปแบบไม่น่าเชื่อ

 

มาฤดูกาลนี้ มิเกล อาร์เตต้า กุนซือของทีม ได้โอกาสอีกครั้ง พร้อมกับเงินเสริมทัพก้อนโต จนใส่เต็มสูบกลายเป็นสโมสรที่ใช้เงินมากสุดในลีกถึง 115 ล้านปอนด์ ไล่ตั้งแต่ กาเบรียล เฆซุส ,โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ,ฟาบิโอ วิเอร่า ,แมตต์ เทอร์เนอร์ และ มาร์ควินญอส 

 

ส่วนผลงานในสนามในช่วงปรีซีซั่น ก็เหมือนว่ากุนซือชาวสแปนิช จะปรับจูนทีมได้ลงตัวสุดๆ สังเกตุได้จากผลงานช่วงปรีซีซั่น ที่กวาดชัยชนะมารวดทั้ง 5 นัด โดยเฉพาะ เฆซุส หัวหอกตัวใหม่ ที่คุ้นเคยกับ อาร์เตต้า เป็นอย่างดี ระเบิดฟอร์มประทับใจแฟนบอลซัดไปถึง 7 ประตู จาก 5 นัด รวมไปถึงแข้งอย่าง วิลเลี่ยม ซาลีบา ปราการหลังเ ที่ทีมดึงกลับมาจาก โอลิมปิก มาร์กเซย์ ก็ทำให้เกมรับดูดึขึ้นอย่างแน่นขนัด  หลังเจ้าตัวฉายแสงด้วยการติดทีมยอดเยี่ยมลีกเอิง เมื่อฤดูกาลก่อนมาแล้ว

 

ปัญหาที่น่าจะพอเห็นคือ ทุกอย่างอาจจะดูดี ดูเข้าตาไปหมดในช่วงปรีซีซั่น แต่เมื่อเปิดฤดูกาลจริง มันอาจจะไม่เป็นเช่นนั้น โดยเฉพาะเรื่องความคงเส้นคงวาที่เป็นปัญหาของ ไอ้ปืนใหญ่ มาหลายฤดูกาล นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดที่ อาร์เตต้า ต้องแก้ไขให้ได้ เพราะไม่งั้นมันก็จะเข้าอีหรอบเดิมคือ ตกม้าตายตอนจบ !

 

พยากรณ์อากาศ : เรื่องลุ้นแชมป์ลีก ไม่ต้องพูดถึง และอาจต้องไปหาลุ้นแชมป์ในรายการอื่น แต่เป้าหมายสำคัญที่ อาร์เตต้า จะพลาดไม่ได้อีกแล้ว คือการกลับไปเตะ ยุฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ให้ได้ 

 

โปรแกรม 6 เกมแรกของอาร์เซนอล :  5 ส.ค. คริสตัล พาเลซ (A) (ชนะ2-0)  13 ส.ค. เลสเตอร์ (เหย้า) 20 ส.ค. บอร์นมัธ (A) 27 ส.ค. ฟูแล่ม (เหย้า)31 ส.ค. แอสตัน วิลล่า (เหย้า) 4 ก.ย. แมนฯ ยูไนเต็ด (A)

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 

 

เดินหน้าเข้าสู่ยุคใหม่อีกครั้ง สำหรับทัพ “ปีศาจแดง” หลังฤดูกาลก่อนต้องเจอผลงานที่น่าผิดหวัง โดยเฉพาะผลงานของตัวโค้ชขัดตาทัพอย่าง ราล์ฟ รังนิก ที่ตอนแรกได้คำนิยามว่านี่คืออาจารย์ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ แต่ไปๆมาๆ ผลงานกลับไม่เอาอ่าวยิ่งกว่ายุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เสียอีก  จนถูกบันทึกว่าเป็นซีซั่นที่ย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่เคยมีมาในรอบ 3 ปีหลังสุดเลยทีเดียว

 

มาเวลานี้ เอริค เทน ฮาก ผู้พา อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ครองแชมป์ เอเรดิวิวี่ ลีก 2 สมัย เข้ามาคุมทัพ ทุกอย่างก็ดูกลับมาเป็น ยูไนเต็ด ที่ควรจะเป็นอีกครั้ง ไม่ว่าจะเรื่องของความกระตือรือร้นที่ กุนซือชาวดัตช์  นั้นเรียกเก็บตัวช่วงปรีซีซั่นก่อนใครเพื่อนตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย. ก่อนจะเดินทางมาที่ อุ่นเครื่องกับ ลิเวอร์พูล ที่กรุงเทพทันที  ซึ่งผู้เขียน ที่ได้โอกาสเข้าชมการฝึกซ้อมแล้วบอกเลยว่า เทน ฮาก นั้นใส่ใจในรายละเอียดทุกสัดส่วน และเข้มงวดมาก เพราะเมื่อมีใครพลาดก็จะถูกทำโทษด้วยการลงไปวิดพื้นทันที หรือแม้กระทั่งในสนาม เราก็จะได้เห็น กุนซือชาวดัตช์ ตะโกนสั่งการลูกทีมอย่างดุดันอยู่เสมอ 

 

ปัญหาที่ทุกคนจะเห็นได้ชัดจนถึงเวลานี้คือเรื่องที่ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์เบอร์ 1 ของทีมนั้นอยากจะอำลาทีม รวมถึงการที่เป้าหมายอันดับ 1 ที่ เทน ฮาก ต้องการตัวอย่าง เฟรงค์กี้ เดอ ยอง ยังคงคาราคาซังมาจนถึงเวลานี้ นั้นอาจจะทำให้ทุกอย่างดูไม่ลงตัวเท่าที่ควร  ซึ่งนี่คือการวัดกึ๋นของกุนซือชาวดัตช์ เช่นกันว่าจะแก้ปัญหานี้ได้ทันเวลาหรือไม่ 

 

แม้จะยังต้องเผชิญมรสุมนอกสนาม แต่การได้ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ปราการหลังคู่บุญ รวมไปถึง ไทเรลล์ มาลาเซีย เข้ามา ก็เชื่อว่าจะทำให้ ยูไนเต็ด ชุดนี้มีตัวเลือกผู้เล่นในแนวรับหลากหลายขึ้น รวมไปถึงการได้ คริสเตียน เอริคเซ่น  เข้ามาเสริมแดนกลางก็จะแบ่งเบาภาระของ บรูโน่ แฟร์นานเดซ ได้ไม่มากก็น้อย ขณะเดียวกันแข้งที่ทุ่มซื้อมาซีซั่นก่อนอย่าง เจดอน ซานโช่ ก็ดูจะปรับตัวเข้ากับทีมได้แล้ว นอกจากนี้ เทน ฮาก ยังให้โอกาสดาวรุ่งหลายคนที่ดูมีแววจะแจ้งเกิดในช่วงปรีซีซั่น ทั้ง อเลฮานโดร การ์นาโช่ ,ซีดาน อิกบาล หรือแม้กระทั่ง ชาร์ลี ซาเวจ ก็เชื่อว่าจะมีโอกาสลงสนามไม่น้อยในฤดูกาลนี้ 

 

นั่นจึงทำให้หากทุกอย่างลงตัว นี่น่าจะเป็นหนึ่งฤดูกาลที่ ยูไนเต็ด ที่โอกาสกลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นเช่นกัน 

 

พยากรณ์อากาศ :  ดูจากขุนพลแข้งที่มีแล้ว ยูไนเต็ด ก็ไม่ได้เป็นรองใคร และได้ลุ้นท็อปโฟร์แน่นอน 

 

6 เกมแรกของ แมนฯยูไนเต็ด :  7 ส.ค. ไบรท์ตัน (เหย้า) 13 ส.ค. เบรนท์ฟอร์ด (A) 22 ส.ค. ลิเวอร์พูล (เหย้า) 27 ส.ค. เซาแธมป์ตัน (A) 1 ก.ย. เลสเตอร์ (A) 4 ก.ย. อาร์เซนอล (เหย้า)

 

DaboyG

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ต้องจับตา! อเกวโร่ชี้ปืนใหญ่อาจเป็นม้ามืดลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก