เป๊ปมีเครียด : กรีลิชเหมาะกับบทบาทไหนในเรือใบสีฟ้า?

กรีลิช

แมนเชสเตอร์  ซิตี้ ทุบสถิติอังกฤษทุ่มเงิน 100 ล้านปอนด์ เพื่อคว้า แจ็ค กรีลิช จาก แอสตัน วิลล่า มาร่วมทีมในฤดูกาล 2021-22 แต่คำถามก็คือแข้งใหม่คนนี้เหมาะสมกับตำแหน่งไหนมากที่สุดในทีม ณ เวลานี้

เรือบใบสีฟ้า เป็นสโมสรที่ยิงประตูมากที่สุดเหนือทุกทีมในพรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว และเสริมเกมรุกให้ครบเครื่องขึ้นไปอีกด้วยการคว้าดาวเตะวัย 25 ปีมาร่วมทีม และนั่นก็หมายความว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะมีตัวรุกให้เลือกใช้งานถึง 9 คนในทีม ก่อนเปิดฤดูกาลใหม่ในอีกสัปดาห์หน้า

นอกเหนือจากแจ็คที่เพิ่งเข้าไปใหม่ ก็มีหน้าเก่าอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, ฟิล โฟเด้น, ริยาด มาห์เรซ, เควิน เดอ บรอยน์, กาเบรียล เฆซุส, อิลคาย กุนโดกัน, แบร์นาร์โด้ ซิลวา และ เฟร์ราน ตอร์เรส ที่เป็นแข้งเชิงรุกทั้งหมด และโดยปกติมี 5 คนที่ครองตำแหน่งตัวจริงอยู่แล้ว

ดังนั้นใครกันที่จะโดน อดีตดาวเตะ แอสตัน วิลล่า เบียดเป็นตัวสำรอง หรือกวาร์ดิโอล่า จะเลือกให้โอกาสทุกคนโยใช้การหมุนเวียนดาวดังในทีมแทน?

 

ใครเล่นตรงไหนบ้าง

GRAPHIC

การมาของ กรีลิช สร้างแรงกดดันเพิ่มเติมให้กับ สเตอร์ลิ่ง และ โฟเด้น ไม่น้อยในฐานะผู้เล่นตัวจริง ซึ่งทั้ง 3 คนมีตำแหน่งการเล่นที่ถนัดเหมือนกันก็คือด้านริมเส้นฝั่งซ้าย ขณะที่ กุนโดกัน มักจะถอยมาเล่นต่ำกว่าทั้ง 3 คน

อย่างไรก็ตาม สเตอร์ลิ่ง ก็สามารถขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้าแทนที่ เซร์คิโอ อเกวโร่ ได้ และในดีลของ แฮร์รี่ เคน ที่ยังไม่แน่นอน ซิตี้ อาจใช้การเล่นแบบ ฟอลส์ ไนน์ ไปก่อนโดยมีทั้ง สเตอร์ลิ่ง และ เฆซุส เป็น 2 ตัวเลือกเบอร์ต้นๆ

ขณะเดียวกัน ตัวรุกเจ้าของทรงผมสลิคแบค ก็สามารถเล่นบทบาทเบอร์ 10 ได้เหมือน เควิน เดอ บรอยน์ ดังนั้นจึงอาจมีที่ว่างเพื่อรองรับตัวรุกทั้ง 9 คนและการหมุนเวียนนักเตะเหล่านี้จะช่วยให้มีการแข่งขันที่หลากหลายขึ้นในทีม ไม่มีใครติดประมาทว่าตนการันตีตัวจริงเสมอในทุกๆเกม

 

แล้วตรงไหนเหมาะกับแจ็ค?

Jack Grealish: Manchester City make £100m offer for Aston Villa star,  according to transfer reports - Eurosport

ดาวเตะวัย 25 ปี ถูกจับไปเล่นเป็นตัวรุกฝั่งซ้ายในระบบหน้า 3 คนกับ แอสตัน วิลล่า ตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกัน สเตอร์ลิ่ง ใน ซิตี้ อีกทั้ง โฟเด้น ก็ถูกใช้ในฝั่งซ้ายเช่นกัน และคงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร หาก กรีลิช จะถูกถอยลงมาเล่นต่ำลงกับต้นสังกัดใหม่ 

ส่วนตำแหน่งกองกลาง ต่างมีตัวหลักที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีอยู่แล้ว และทั้งหมดมีส่วนอย่างมากในการทำเกมบุกไม่แพ้ตัวรุก 3 คนในแดนหน้า

โดยหนึ่งในคนที่ทำผลงานได้โดดเด่นที่สุดในฤดูกาลที่แล้วคงหนีไม่พ้น กุนโดกัน ที่กดไปถึง 13 ประตูในลีก และแข้งทีมชาติอังกฤษ ควรต้องเรียนรู้การเคลื่อนที่ของ กองกลางทีมชาติเยอรมัน ไว้ด้วยเช่นกัน แต่การที่ กุนโดกัน กลายเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ที่โดนจับไปเล่นหลากหลายตำแหน่งในฤดูกาลก่อน ก็อาจทำให้ แจ็ค ได้แทนที่เขาในแดนกลางเช่นกัน

อีกทั้งการส่งเขาและ เดอ บรอยน์ ลงเล่นพร้อมกันกับการเจอคู่แข่งที่ด้อยห่างชั้นกว่า ในขณะที่ ซิตี้ เดินหน้าบุกแหลกอยู่ ก็เป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน และต้องไม่ลืมว่า มิดฟิลด์ทีมชาติ เบลเยี่ยม เคยโยกไปเล่นเป็น ฟอลส์ ไนน์ มาแล้ว ซึ่งอาจทำให้ แจ็ค รับหน้าที่สร้างสรรค์เกมในแดนกลางแทน

ท้ายที่สุด การหมุนเวียนนักเตะดูเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อให้ทุกคนได้โอกาสโชว์ฝีเท้า และ อดีตตัวรุก แอสตัน วิลล่า คงได้รับบทบาทใหม่ๆอีกมากมายใน ซิตี้ เพียงแต่เขาจะกลายเป็น 11 ตัวจริงหรือไม่? ณ เวลานี้ ก็ยังไม่มีใครคาดเดาได้ อย่างที่หลายคนได้เห็นมาแล้วตอนที่ เป๊ป จัดตัวจริงในเกมนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

 

เก่งในพื้นที่แคบๆ

Jack Grealish leads Aston Villa to victory over Arsenal at the Emirates

หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้ว แมนฯซิตี้ เป็นทีมดันแผงหลังขึ้นสูง, พาบอลขึ้นไปแดนคู่แข่ง รวมถึงสถิติต่างๆที่บ่งบอกว่าเป็นทีมที่ขึ้นเกมจากแดนหลังมากที่สุด

อันที่จริง การดันผู้เล่นขึ้นไปเล่นในแดนคู่แข่ง ย่อมต้องการนักเตะที่เอาตัวรอดได้ดีในพื้นที่แคบๆ และสลัดการโดนเพรสได้เยี่ยม และใครทำได้ดีกว่ากรีลิชอีกล่ะ?

ภาพด้านบนแสดงให้เห็นถึงตำแหน่งที่ อดีตแข้ง ‘สิงห์ผงาด’ ถูกกดดันในพื้นที่แคบๆเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และชัดเจนว่าเขาสามารถเอาตัวรอดในสถานการณ์คับขันได้ดีแค่ไหน

อีกทั้งยังมีความกล้าได้กล้าเสียด้วย กับสถิติการเลี้ยงบอลแบบตัวต่อตัวในสนาม และการเก็บบอลในพื้นที่สุดท้าย ซึ่งทำได้ดีเป็นอันดับที่ 6 และ 9 ของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้วตามลำดับ

สถิติ ‘การฟาวล์’ ดูเหมือนจะโดดเด่นควบคู่ไปด้วย เมื่อแจ็คโดนทำฟาล์วทั้งหมด 110 ครั้ง ซึ่งมากที่สุดในลีกฤดูกาลก่อน และมากกว่าผู้เล่นคนอื่นถึง 22 ครั้ง นั่นยิ่งทำให้สถิตินี้น่าทึ่งไม่น้อย เมื่อพบว่าเขาพลาดลงเล่นเพียง 1 ใน 3 ของฤดูกาลด้วยอาการบาดเจ็บ

กวาร์ดิโอล่า รู้ว่าเขามีนักเตะที่เล่นลูกฟรีคิกที่เก่งที่สุดคนหนึ่งในลีกอย่าง เดอ บรอยน์ และถึงแม้ว่ากรีลิชจะไม่โดนทำฟาวล์ตลอดทั้ง 90 นาที แต่ตวามสามารถของเขาก็ทำให้คู่แข่งต้องประกบติดอย่างใกล้ชิด และนั่นอาจทำให้ ดาวเตะ ‘เรือใบสีฟ้า’ คนใดคนหนึ่งได้มีพื้นที่ในการหาช่องว่างโจมตีและทำประตูได้ง่ายมากขึ้น

 

ค่าตัวที่กดดัน

Jack Grealish: Manchester City sign Aston Villa captain for £100m | Football News | Sky Sports

นอกจากนี้ ตัวรุกเลือดผู้ดี ยังอยู่กลุ่มผู้เล่นที่สร้างโอกาสได้เป็นอับต้นๆในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลก่อน โดยทำไป 3.34 ครั้งต่อ 90 นาทีเมื่อฤดูกาลก่อน เป็นรองเพียง เดอ บรอยน์ เพื่อนร่วมทีมใหม่เท่านั้น (3.6 ครั้งต่อ 90 นาที)

อีกทั้งอดีตลูกหม้อวิลล่า ยังเป็นนักเตะที่สร้างโอกาสขณะเลี้ยงบอลมากที่สุดในลีกฤดูกาลที่แล้ว ด้วยจำนวนทั้งหมด 37 ครั้ง และมีเพียง อดาม่า ตราโอเร่ ปีกกล้ามโตจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน เท่านั้นที่ทำได้ใกล้เคียงที่สุด (36)

นั่นหมายความว่า ซิตี้ มีนักเตะจอมสร้างสรรค์โอกาสให้เลือกใช้งานถึง 2 คนในคราวเดียวกัน และนี่ถือเป็นสิ่งที่กุนซือหลายคนต้องการไม่ใช่น้อย

อย่างไรก็ตาม ค่าตัวระดับ 100 ล้านปอนด์ อาจเป็นแรงกดดันสำหรับแจ็คเช่นกันในการแบกรับความคาดหวังของเหล่า ซิตี้เซน ในฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้น และในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกก็บ่งบอกว่านักเตะค่าตัวสถิติในอังกฤษส่วนใหญ่ต่างล้มเหลวหรือทำผลงานไม่สมราคาทั้งหมด 

ไม่ว่าจะเป็น เซบาสเตียน เวรอน, อังเดร เชฟเชนโก้, โรบินโญ่ หรือแม้กระทั่ง พอล ป็อกบา เจ้าของสถิติคนเก่าเมื่อ 5 ปีก่อน และ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถพูดได้เต็มปากว่าคุ้มค้ากับเงินที่สโมสรเสียไป

ทว่า กรีลิช สามารถรักษามาตรฐาน รวมถึงยกระดับฝีเท้าของตัวเองขึ้นมาได้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ค่าตัว 100 ล้านปอนด์ ก็คงเป็นลงทุนที่คุ้มค่า หากมันทำให้ทีมของกวาร์ดิโอล่า ป้องกันแชมป์ลีกแดนผู้ดีได้อีกสมัย รวมไปถึงถ้วยรายการอื่นๆในอนาคตด้วย

 

บทวามที่เกี่ยวข้องกับ กรีลิช

ซัมเมอร์ 2021
จะจบอย่างไร! จับตา 10 มหากาพย์ย้ายทีมประจำซัมเมอร์ 2021