เผื่ออยากได้คืน : 7 แข้งดังที่ทีมเก่าใส่เงื่อนไขซื้อกลับ

 

หากสโมสรจำเป็นต้องขายนักเตะคนหนึ่ง ทั้งที่รู้ดีว่านักเตะคนนั้นมีแววก้าวขึ้นเป็นยอดแข้งในอนาคต แน่นอนว่าคงไม่มีทางออกไหนที่จะดีไปกว่าการเปิดช่องให้ตัวเองสามารถซื้อคืนได้

 

เงื่อนไขซื้อกลับนับเป็นเรื่องแปลกในพรีเมียร์ลีกจนกระทั่งไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเคสของ เควิน เดอ บรอยน์ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่แฟนบอลเชลซียังคงกำหมัดมาจนถึงทุกวันนี้ อาจจะเป็นบทเรียนชั้นดีให้ทุกสโมสรในอังกฤษหันมาให้ความสำคัญกับออปชั่นดังกล่าวกันมากขึ้น

 

และในวันนี้ เราจะพาไปดูว่ามีผู้เล่นชื่อดังคนไหนบ้างที่ประตูสู่ต้นสังกัดเก่าของพวกเขายังคงเปิดอยู่

 

เซร์คิโอ เรกีล่อน

 

 

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ จัดการปาดหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าลายเซ็นของ เรกีล่อน มาครองได้เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ด้วยค่าตัว 28 ล้านปอนด์ พร้อมเซ็นสัญญายาว 5 ปี

 

โดยแบ็คซ้ายทีมชาติสเปน เข้ามาเป็น 1 ใน 11 ขุนพลตัวจริงของ โชเซ่ มูรินโญ่ ทันที และทำไปแล้ว 3 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 9 นัดรวมทุกรายการ

 

ว่ากันว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไก่เดือยทองเข้าวินในดีลนี้ เป็นเพราะพวกเขายอมรับเงื่อนไขซื้อคืนของ เรอัล มาดริด ที่ระบุเอาไว้ว่าราชันชุดขาวสามารถซื้อตัวกลับไปได้ในช่วงหน้าร้อนปี 2021 และ 2022 ด้วยราคา 43 ล้านปอนด์

 

ไรอัน บริวสเตอร์

 

 

แม้จะไม่เคยยิงประตูให้กับทีมชุดใหญ่ของ ลิเวอร์พูล แต่ บริวสเตอร์ ก็ถือเป็นดาวรุ่งที่มีชื่อเสียงของสโมสรในเจเนอเรชั่นหลัง ถึงขนาดทำให้สโมสรที่ไม่ได้มีงบมากนักอย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ยอมควักเงินกว่า 23.5 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัวมาเสริมคมในตลาดซื้อขายรอบล่าสุด

 

แน่นอนว่าแชมป์พรีเมียร์ลีกไม่ลืมที่จะใส่เงื่อนไขซื้อกลับเอาไว้ด้วย ซึ่งสื่อคาดว่าตัวเลขน่าจะอยู่ที่ประมาณ 30-35 ล้านปอนด์ แต่พวกเขาต้องเรียกใช้ออปชั่นนี้ภายในระยะเวลา 3 ฤดูกาล และถ้าทีมดาบคู่ขายกองหน้าวัย 20 ปีไปให้กับสโมสรอื่น หงส์แดงก็จะได้ส่วนแบ่ง 15% จากค่าตัวที่ขายได้

 

เมื่อพิจารณาจากการแข่งขันในแดนหน้าบนถิ่นแอนฟิลด์ในเวลานี้ ก็คงไม่ผิดถ้าจะบอกว่าดีลที่เกิดขึ้นเป็นชัยชนะของทั้งตัวนักเตะและสโมสร

 

ดั๊กลาส ลุยซ์

 

 

ดั๊กลาส ลุยซ์ ถือเป็นคีย์แมนที่ช่วยให้ แอสตัน วิลล่า เริ่มต้นฤดูกาล 2020-21 ได้แบบเหนือความคาดหมาย ขณะที่สองดาวเด่นอย่าง แจ็ค กรีลิช และ รอสส์ บาร์คลี่ย์ อาจจะไม่ได้เฉิดฉายแบบนี้ถ้าปราศจากกองกลางทีมชาติบราซิลทำงานหนักอยู่เบื้องหลัง

 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตกลงขายดาวเตะวัย 22 ปีไปให้กับทีมสิงห์ผงาด ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2019 พร้อมพ่วงเงื่อนไขซื้อกลับในราคา 25 ล้านปอนด์เอาไว้ด้วย และจากฟอร์มการเล่นในปัจจุบันของแข้งแซมบ้า ทำให้มีรายงานว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กำลังเล็งที่จะพาอดีตลูกทีมรายนี้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในอนาคตอันใกล้

 

ด้วยระยะเวลาของ แฟร์นานดินโญ่ กับเรือใบสีฟ้าที่เหลือน้อยลงทุกที ก็เป็นไปได้เหมือนกันที่เราจะได้เห็น ลุยซ์ เข้ามาแทนที่รุ่นพี่ในทีมชาติของเขา

 

เจดอน ซานโช่

 

 

ทุกวันนี้ คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า ซานโช่ คือหนึ่งในดาวรุ่งที่เก่งที่สุดของโลกลูกหนัง และผลงาน 37 ประตู 47 แอสซิสต์ จากการลงสนามให้กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 109 นัด ก็ทำให้ตัวเลข 100 ล้านปอนด์กลายเป็นอะไรที่สมเหตุสมผลสำหรับวอนเดอร์คิดทีมชาติอังกฤษไปแล้ว

 

ในขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นตัวละครเอกในมหากาพย์การย้ายทีมของปีกวัย 20 ปี แต่จะเป็นคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง แมนฯ ซิตี้ ที่มีสิทธิ์ซื้อนักเตะก่อนหาก ดอร์ทมุนด์ เตรียมที่จะขาย โดยถ้าเรือใบสีฟ้าตัดสินใจยื่นข้อเสนอให้ในจำนวนที่เท่ากัน เสือเหลืองก็ต้องเปลี่ยนที่อยู่จัดส่งเป็นเอติฮัต สเตเดียมทันที

 

แต่ด้วยค่าตัวที่สโมสรจากเวสฟาเล่นปักป้ายไว้ในปัจจุบัน งานนี้สองทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์น่าจะทำได้แค่มองตากันปริบๆ

 

เมมฟิส เดปาย

 

 

“เพราะเขาเป็นนักเตะที่มีศักยภาพมากๆ” โชเซ่ มูรินโญ่ กล่าวในเดือนกันยายนปี 2018 เมื่อถูกถามว่าทำไม แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงใส่เงื่อนไขซื้อกลับ เดปาย หลังจากขายไปให้กับ โอลิมปิก ลียง ด้วยค่าตัว 16 ล้านปอนด์ ในปี 2017

 

“ผมคิดว่าเมื่อ ฟาน กัล ตัดสินใจที่จะซื้อเขา เขาทำได้ดีนะ เขารู้จัก เดปาย เป็นอย่างดีจากทีมชาติ เดปาย ยังเด็กมากตอนไปเล่นฟุตบอลโลก แต่เขาก็ฉายแววความเป็นนักเตะระดับท็อปออกมาทันที”

 

“เขาเล่นได้ดีในฮอลแลนด์ เขารู้ว่าพรีเมียร์ลีกไม่เหมือนกับลีกดัตช์ แต่เขาก็แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ดีมาก ดังนั้น ผมคิดว่า ฟาน กัล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำได้ดีมากที่ซื้อเขามา”

 

“เขาไม่ประสบความสำเร็จในช่วงเวลา 18 เดือนของเขา แต่เขายังเด็กมาก ดังนั้น ผมคิดว่ามันสำคัญสำหรับสโมสรที่จะมีนักเตะพรสวรรค์แบบนี้ และเราทุกคนขออวยพรให้เขาโชคดีที่ ลียง และทำไมเขาจะกลับมาไม่ได้ล่ะ? เพราะทุกคนที่นี่ชอบเขา”

 

ผ่านมาเกือบ 4 ปีนับตั้งแต่ที่ เดปาย อำลาปีศาจแดง เจ้าตัวซัดให้กับ โอแอล ไปแล้ว 58 ประตู จากการลงสนาม 145 นัด และถ้าไม่มีอะไรพลิกโผ อนาคตของแนวรุกดัตช์แมนจะไปจบที่คัมป์ นู ไม่ใช่กลับมายังโอลด์ แทรฟฟอร์ด

 

เยอร์รี่ มิน่า

 

 

ด้วยความที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ดาวรุ่งชั้นเยี่ยม ทำให้ บาร์เซโลน่า คุ้นเคยกับการใส่เงื่อนไขซื้อกลับไว้ในสัญญาของนักเตะที่ขายออกไป และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาก็ได้ใช้ออปชั่นดังกล่าวไปกับ หลุยส์ การ์เซีย , เคราร์ด เดวโลเฟว และ เดนิส ซัวเรซ

 

แม้ มิน่า จะปรากฏตัวกับอาซูลกราน่าไปเพียง 6 นัด นับตั้งแต่ที่ย้ายมาจาก พัลไมรัส ด้วยค่าตัว 11.8 ล้านยูโร ในเดือนมกราคมปี 2018 แต่ฟอร์มการเล่นกับทีมชาติโคลอมเบียในฟุตบอลโลกปีนั้น ทำให้เขากลายเป็นกองหลังเนื้อหอมในตลาดซื้อขายทันที

 

ท้ายที่สุด เป็น เอฟเวอร์ตัน ที่ปิดจ๊อบคว้าเซนเตอร์แบ็ควัย 26 ปีมาครองได้ ด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์ ในช่วงซัมเมอร์ดังกล่าว แต่มันก็มาพร้อมกับเงื่อนไขที่ว่าเจ้าบุญทุ่มสามารถซื้อคืนได้ที่ราคา 54 ล้านปอนด์

 

อังเคลินโญ่

 

 

หลังจากลงเล่นให้กับ แมนฯ ซิตี้ ไป 12 นัด อังเคลินโญ่ ก็ถูกส่งไปให้กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ยืมตัวในเดือนมกราคมปี 2020 ก่อนที่จะได้รับการขยายสัญญาเช่าไปจนจบฤดูกาล 2020-21 เมื่อช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา

 

ตามรายงานจาก Manchester Evening News ระบุว่าสโมสรจากบุนเดสลีก้ามีออปชั่นซื้อขาดแบ็คซ้ายวัย 23 ปีที่ 18 ล้านยูโร แต่ถ้าเรือใบสีฟ้าอยากได้คืน พวกเขาก็สามารถซื้อกลับได้ในราคา 40 ล้านยูโร

 

จนถึงตอนนี้ แนวรับชาวสแปนิชลงสนามให้กับ ไลป์ซิก ไปแล้ว 13 นัดรวมทุกรายการ พร้อมทำไป 5 ประตู 2 แอสซิสต์ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม ซิตี้ ถึงยืนกรานที่จะใส่เงื่อนไขดังกล่าวเอาไว้