เพชรในตม! 10 นักเตะเกือบร่วงเเต่ย้ายทีมไปรุ่ง

 

เพรชที่ดีย่อมต้องได้รับการเจียรนัย นักฟุตบอลก็เช่นกัน ฟอร์มจะดีได้ต้องได้รับการขัดเกลาเเละดึงศักยภาพที่ดีที่สุดออกมา มีให้เห็นตลอด บ้างคนฟอร์มเเย่กับอีกทีม เเต่กลับไปฟอร์มดีเมื่อย้ายทีม วันนี้ UfaArena จะพาไปทำความรู้จักกับ 9 นักเตะที่เกือบจะหมดอนาคต เเต่ย้ายทีมกลับเเจ้งเกิดได้อย่างเหลือเชื่อ

 

1. พอล ป็อกบา (เเมนฯ ยู – ยูเวนตุส)

 

จริงๆเเล้ว ป็อกบา ถูกจับตามองเเละได้รับการคาดหมายมาตั้งเเต่เป็นเด็กฝึกของเเมนฯ ยู เเล้วว่าจะต้องก้าวขึ้นมาเป็นกองกลางระดับโลก เเต่ด้วยปัญหาที่เขาดันเป็นดาวรุ่งในยุคที่ปีศาจเเดง มีกองกลางระดับเทพมากมาย ทำจึงไม่ได้รับโอกาสมากนัก

 

ป็อกบา ย้ายจาก เลอ อาฟร์ มาเล่นให้เยาวชน เเมนฯ ยู ในปี 2009 เเละขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2011 เเต่ก็มีโอกาสลงสนามไปเพียง 3 เกม ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับทีมเเละย้ายไปอยู่กับ ยูเวนตุส ในปี 2012

 

หลังจากนั้น ป็อกบา ก็เเสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขา ประสบความสำเร็จอย่างมากพาทีมม้าลายคว้าเเชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา 4 สมัย, แชมป์ โคปปา อิตาเลีย 2 ครั้ง และ ซูเปอร์โคปปา อิตาเลียน่า 2 ครั้ง จนได้รับการยกย่องว่าเป็นกองกลางระดับโลก ทำให้ทีมปีศาจเเดง ตัดสินใจทุ่มเงินถึง 89.3 ล้านปอนด์ ดึงตัวเขากลับสู่ทีมในปี 2016

 

2.เคราร์ด ปิเก้ (เเมนฯ ยู – บาร์เซโลน่า)

 

ปิเก้ มีเส้นทางชีวิต คล้ายๆ ป็อกบา เขาเป็นนักเตะเยาวชนของศูนย์ฝึก ลา มาเซีย ที่ขึ้นชื่อเรื่องการปั้นนักเตะ เเต่เขาก็ตัดสินใจย้ายมาอยู่กับ เเมนฯ ยูในปี 2004 ภายใต้ความเชื่อมั่นในตัวนักเตะคนนี้ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

 

อย่างไรก็ตาม ปิเก้ ถูกปล่อยไปให้กับ เรอัล ซาราโกซ่า ในสเปน ใช้งาน 1 ฤดูกาล เเละได้รับการยืนยันว่าจะยังเป็นนักเตะของ เเมนฯ ยู ในปีต่อไป อย่างไรก็ตาม เเม้จะถูกมองเป็นกองหลังที่มีอนาคต เเต่จากการที่ทีมปีศาจเเดงในตอนนั้นมีคู่กองหลังระดับตำนานอย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์ กับ เนมานย่า วิดิช ทำให้โอกาสสอดเเทรกลงสนามของ ปิเก้ เเทบไม่มี เจ้าตัวได้ลงเล่นไปเพียง 9 เกมในฤดูกาล 2007-08 จนตัดสินใจย้ายทีมไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า ในที่สุด

 

จากการตัดสินใจครั้งนั้น ทำให้ ปิเก้ กลายเป็นกองหลังระดับตำนาน เขาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมเเละประสบความสำเร็จมากมาย พาทีมคว้าเเชมป์ ลา ลีกา 7 ครั้ง และแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 ครั้ง

 

3. ดิเอโก้ ฟอร์ลัน (เเมนฯ ยู – แอตเลติโก มาดริด)

 

เป็นหนึ่งในนักเตะที่กองเชียร์ เเมนฯ ยู เสียดายที่สุดคนหนึ่ง หลังจากปี 2002 พวกเขาควักเงิน 6.9 ล้านปอนด์ ดึง ดิเอโก้ ฟอร์ลัน มาจาก อินเดเพนเดียนเต้ ทีมในลีกอาร์เจนตินา หลังนักเตะโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ซัดไป 36 ประตู จากการลงสนาม 77 นัด

 

เเต่หลังมาเล่นในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ฟอร์ลัน ตกเป็นเพียงตัวสำรองของ รุด ฟาน นิสเตลรอย เเทบเรียกได้ว่าไม่มีโอกาสจะสอดเเทรกเลยด้วยซ้ำ เเละยิ่งเล่นกับนักเตะระดับโลกมากมาย เขายิ่งไม่สามารถดึงศักยภาพที่ซ้อนอยู่ออกมาได้ มีโอกาสลงสนามไป 98 นัดรวมทุกรายการ ยิงไปเเค่ 17 ประตู ตลอด 2 ปี นั้นทำให้เขาต้องเก็บข้าวของย้ายไปอยู่กับ บียาร์เรอัล ด้วยราคาเเค่ 2 ล้านปอนด์เเต่ฟุตบอลสเปน เหมือนจะเหมาะกับเขา เจ้าตัวระเบิดฟอร์มกับเรือดำน้ำสีเหลือง ยิงไป 54 ประตู ใน 106 นัด ก่อนที่จะย้ายไประเบิดฟอร์มกับ เเอต. มาดริด พาทีมคว้าเเชมป์ ยูโรป้า ลีก 1 สมัย ยิงได้ถึง 74 ประตูใน 134 เกม

 

4?. ซามูเอล เอโต้ (เรอัล มาดริด – บาร์เซโลน่า)

 

บอกตรงๆ ถ้าไม่ไปค้นหาข้อมูลมาคงไม่รู้ว่ากองหน้าระดับพระกาฬอย่าง ซามูเอล เอโต้ จะเคยเป็นเด็กฝึกหัดของ เรอัล มาดริด ถึง 4 ปี เเละมีโอกาสขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ด้วย เเต่ก็มีโอกาสได้ลงสนามเพียงเเค่ 5 นัดเท่านั้น เพราะต้องอยู่ภายใต้เงาของ ราอูล กอนซาเลซ เเละ โรนัลโด้ เรียกได้ว่าเเทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีโอกาสสอดเเทรก

 

ดูเเล้วเป็นอนาคตที่มืดมน เอโต้ ถูกปล่อยให้ เลกาเนส, เอสปันญ่อล ยืมตัวใช้งานก่อนจะเป็น มายอร์ก้า ที่คว้าตัวไปร่วมทีมในที่สุด หลังจากนั้น เจ้าตัวทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ลงเล่น 120 นัด ยิงไป 48 ประตู ก่อนจะได้ย้ายไปร่วมทีม บาร์เซโลน่า คู่ปรับตลอดกาลของเรอัล มาดริด เเละนั้นเป็นจุดเริ่มต้นเเห่งความยิ่งใหญ่ของ เอโต้ เขาประสบความสำเร็จมากมาย พา เจ้าบุญทุ่มคว้าเเชมป์ ลาลี กา 3 สมัย, เเชมป์ ยูฟ่า เเชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย เเละ โคปา เดอเรย์ อีก 1 สมัย

 

5. อันเดรีย ปิร์โล (อินเตอร์ มิลาน – เอซี มิลาน)

 

อันเดรีย ปิร์โล ถูกยกย่องเป็นกองกลางที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก เเละประสบความสำเร็จมากมาย เเต่ก่อนที่จะมาถึงขั้นนี้ ปิร์โล ต้องผ่านอะไรมาไม่น้อย

 

ปิร์โล ค้าเเข้งเเละมีช่วงเวลาที่ไม่ดีนักกับ อินเตอร์ มิลาน ระหว่างปี 1998–2001 เพราะในตอนนั้นทีมงูใหญ่อุดมไปด้วยกองกลางระดับเทพ ทำให้โอกาสของ ปิร์โล ตลอด 3 มีเเทบไม่มีเลย ลงสนามไปเพียง 22 เกม ซึ่งถือว่าน้อยมาก จนต้องเก็บข้าวของย้ายไปอยู่กับ เรจิน่า เเละ เบรสชา ในเเบบยืมตัว ก่อนที่สุดท้ายการตัดสินใจเเละจุดเริ่มต้นของกองกลางระดับโลกได้เริ่มขึ้นด้วยการย้ายไป เอซี มิลาน

 

หลังจากย้ายมาอยู่กับ ปีศาจเเดง-ดำ ปิร์โล เริ่มพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นกองกลางที่จับตัวยาก จอมเทคนิค เเละ ฉลามที่สุดคนหนึ่ง เขาอยู่ในยุคที่เรียกว่า มิลาน ยุครุ่งเรื่องจริงๆ พาทีมประสบความสำเร็จมากมาย คว้าเเชมป์ลีก 2 สมัย, ยูฟ่า เเชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย เเละเเชมป์ โคปา อิตาเลีย อีก 1 สมัย

 

เเต่ในปี 2011 มิลาน เริ่มเข้าสู่ยุคเปลี่ยนถ่าย เเละมีปัญหาเรื่องการเงิน ปิร์โล จึงถูกปล่อยตัวไปให้กับ ยูเวนตุส เพื่อลดภาระนักเตะค่าเหนื่อยเเพง เเม้อายุจะขึ้นเลข 3 ไปเเล้ว เเต่ฝีเท้าไปเเก่ตามอายุ เจ้าตัวยังเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมเเละพาทีมประสบความสำเร็จ ด้วยการค้าเเชมป์ ลีกถึง 4 สมัย

 

6. เธียร์รี่ อองรี (ยูเวนตุส – อาร์เซน่อล)

 

เป็นหนึ่งดีลที่เเฟนบอล ยูเวนตุส ไม่เคยลืมเเละเสียดายที่สุด เเละนับเป็นจุดด่างพร้อยในชีวิตของ คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือ ยูเว่ ในตอนนั้น เมื่อปี 1999 พวกเขาเอาชนะทีมยักษ์ใหญ่หลายทีมด้วยการทุ่มเงินถึง 10.5 ล้านปอนด์ คว้าตัว เธียร์รี่ อองรี มาจากโมนาโก

 

อย่างไรก็ตาม ดาวรุ่งที่เหมือนจะรุ่งเเละได้รับการจับตามองที่สุดคนหนึ่งกับเจอกับปัญหาไม่น้อย ฟอร์มไม่เปรี้ยงปร้างอย่างที่คาด ชนิดที่เรียกได้ว่ามาเร็วไปเร็ว ลงเล่นให้ ยูเว่ ไปเพียง 16 นัด ยิงได้ 3 ประตู เเละเวลาที่เขาเเทบไม่ได้รับ เพราะมีเวลาพิสูจน์ตัวเเค่ 5 เดือนเท่านั้น ก่อนจะถูก อาร์เซน่อล คว้าตัวไปร่วมทีม

 

หลังจากนั้น อองรี เเสดงให้เห็นว่า เขามีดีเเค่ไหน พัฒนาตัวเองขึ้นมาเป็นกองหน้าระดับต้นๆของลีก พาทีมประสบความสำเร็จมากมาย คว้าเเชมป์ลีก 2 สมัย รวมถึงอยู่ในชุดเเชมป์ลีกไร้พ่ายในฤดูกาล 2003-2004 ด้วย ลงสนามไป 369 นัด ซัดไป 226 ประตู

 

7. ซูโซ่ (ลิเวอร์พูล – เอซี มิลาน)

 

หนึ่งในนักเตะที่เเฟนๆลิเวอร์พูล เสียดายที่สุด ซูโซ่ มีความรักในสโมสร ย้ายมาอยู่ในทีมเยาวชนของหงส์เเดงตั้งเเต่ปี 2010 ทามกลางความสนใจของทั้ง บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด

 

อย่างไรก็ตาม เส้นทางในอังกฤษไม่ง่ายเลย เขาถูกยกย่องให้เป็นอนาคตของทีม ได้เข้าๆออกๆ ทีมชุดใหญ่ของลิเวอร์พูลอยู่บ้าง เเต่ก็ไม่เคยได้รับโอกาสอย่างต่อเนื่อง ลงสนามไปเพียง 14 เกม ทำประตูไม่ได้เลยตลอด 2 ปีที่ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่

 

ซูโซ่ ถูกปล่อยตัวไปให้กับ อัลเมเรีย ยืมตัวใช้งานในฤดูกาล 2013/14 ก่อนจะถูกปล่อยขาดไปอยู่กับ เอซี มิลาน ในปี 2015(เดือนมกราคม) หลังจากนั้นเขาก็เริ่มปรับตัวได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของ มิลาน ที่ขาดไม่ได้ ลงสนามไป 98 เกม ยิงไป 18 ประตู จนฟอร์มไปเข้าตายักษ์ใหญ่หลายทีม รวมถึง ลิเวอร์พูล ทีมเก่าด้วย

 

8. เควิน เดอ บรอยน์ (เชลซี – เเมนฯ ซิตี้)

 

มีเงินทำอะไรไม่ผิด ประโยชน์นี้ใช้ได้กับ เชลซี โดยเฉพาะ ยิ่งซื้อนักเตะมาก่อนค่อยคิดทีหลัง มีให้เห็นบ่อยมาก เควิน เดอ บรอยน์ เป็นหนึ่งในนั้น หลังเจ้าตัวกำลังฟอร์มรุ่งกับ เกงค์ ในเบลเยียม เเละตอบรับข้อเสนอมาเล่นในอังกฤษกับเชลซี

 

เเต่ด้วยวัยเพียง 20 ปี ทำให้เขาไม่ได้รับโอกาสจาก โชเซ่ มูรินโญ่ เลย เดอ บรอยน์ อยู่กับเชลซี เเค่ 7 เดือนเท่านั้น เเละได้ลงสนามเพียงเเค่ 9 เกมเเเถมทำประตูไม่ได้เลย จนถูกส่งต่อไปให้กับ แวร์เดอร์ เบรเมน ยืมใช้งาน ก่อนจะเริ่มฉายเเสงเเต่ก็ยังไม่ได้รับความสนใจจาก เชลซี จนสิงห์บลู ตัดสินใจขายขาดไปให้กับ โวล์ฟสบวร์ก

 

หลังจากนั้น เดอ บรอยน์ เริ่มทำให้เห็นถึงความเป็นอัฉริยะลูกหนัง ลงสนามให้ โวล์ฟสบวร์ก 51 นัดยิง 13 ประตู พร้อมพาต้นสังกัดคว้าเเชมป์บอลถ้วยเยอรมันด้วยการยิง 1 ประตูในรอบชิงชนะเลิศที่เอาชนะ ดอร์ทมุนท์ ด้วยสกอร์ 3-1 จน เเมนฯ ซิตี้ กล้าทุ่มเงิน 55 ล้านปอนด์ คว้าตัวเขามาร่วมทีม เเละพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นกองกลางระดับหัวเเถวของพรีเมียร์ลีก

 

9 โม ซาลาห์ (เชลซี – ลิเวอร์พูล)

 

โม ซาลาห์ ที่กำลังโด่งดังอยู่ทุกวันนี้ เเต่หารู้ไม่ว่าเขาต้องผ่านอะไรมาเยอะมาก ซาลาห์ เเจ้งเกิดเต็มตัวกับ เอฟซี บาเซิล ในสวิตเซอร์เเลนด์ ได้รับการจับตามองจากหลายทีมในยุโป เเต่สุดท้ายเป็นเชลซี ทุ่มเงินคว้าตัวเขาไปร่วมทีม

 

เเต่นั้นกลับเป็นจุดเริ่มต้นของความผิดพลาด โม ซาลาห์ ปรับตัวอะไรไม่ได้เลยที่เชลซี โอกาสลงสนามในทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็น้อยมากเพียง 19 นัด และได้เป็นตัวจริงเพียง 9 นัด มีเพียง 2 นัดที่เขาได้อยู่ในสนาม 90 นาที เเละเมื่อโชว์ฟอร์มไม่ออก เขาก็เเทบไม่ได้ลงสนามอีกเลย จนถูกปล่อยไปให้กับ 2 ทีมในอิตาลียืมตัว เเละย้ายถาวรไปโรม่าในที่สุด

 

หลังจากโชว์ฟอร์มได้ดีกับ โรม่า ทำให้ ลิเวอร์พูล ลองของดึงนักเตะกลับมาเเก้ตัวใน พรีเมียร์ ลีก อีกครั้ง ก่อนจะระเบิดฟอร์มสุดยอด คว้าตำเเหน่งดาวซัลโว พร้อมพาทีมผ่านเข้าชิงชนะเลิศ ศึก ยูฟ่า เเชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย