ครบรส : 7 เกมเพลย์ออฟแชมเปี้ยนส์ชิพสุดมันส์

ครบรส : 7 เกมเพลย์ออฟแชมเปี้ยนส์ชิพสุดมันส์

ตลอด 35 ปีที่ผ่านมา ศึกเพลย์ออฟเลื่อนชั้นในแชมเปี้ยนส์ชิพ ได้สร้างความบันเทิงหลากหลายรสชาติให้กับฟุตบอลอังกฤษ พร้อมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนลีกไหน

หลังจบฤดูกาลปกติ นี่คือโอกาสสุดท้ายที่ทีมจากอันดับ 3 ถึง 6 จะแย่งชิงตั๋วเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกใบสุดท้าย ซึ่งทุกทีมตามพร้อมทุ่มเกินร้อยเพื่อการขึ้นไปโลดแล่นในลีกสูงสุดให้ได้ตามเป้าหมายที่พวกเขาวางไว้

โดยในฤดูกาลนี้ คู่ชิงเพลย์ออฟคือ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ที่หวังรีเทิร์นพรีเมียร์ลีกในรอบ 3 ปี พบกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ที่ต้องการปิดฉาก 23 ปีที่พวกเขารอคอย และกลับไปเล่นในลีกสูงสุดให้ได้ ซึ่งการแข่งขันในวันอาทิตย์นี้ อาจก่อให้เกิดความตึงเครียด, ความสมหวัง และความผิดหวัง ซึ่งล้วนนำไปสู่การแข่งขันที่น่าจดจำที่สุดเท่าที่ อีแอฟแอล เคยมีมา ก็เป็นได้ 

และด้วยเหตุนี้ UFA ARENA ขอพาไปพบกับ 7 การแข่งขันเพลย์ออฟที่น่าจดจำมากที่สุดประวัติศาสตร์ของ แชมเปี้ยนส์ชิพ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน

 

สวินดอน ทาวน์ 4-3 เลสเตอร์ ปี 1993

เกมนัดชิงเพลย์ออฟปี 1993 เป็นเกมสุดท้ายของ เกลนน์ ฮ็อดเดิ้ล ในฐานะผู้เล่น-ผู้จัดการทีมของ สวินดอน ทาวน์ ก่อนย้ายไปรับงานคุม เชลซี และเขาก็สั่งลากับทีม เดอะ โรบินส์ ได้แบบสวยงาม

สวินดอน ดูเหมือนว่ากำลังก้าวขาไปยืนอยู่ใน พรีเมียร์ลีก ข้างหนึ่งแล้ว เมื่อ ฮ็อดเดิ้ล, เคร็ก มาสเคล และ ฌอน เทย์เลอร์ กดคนละประตูให้ทีมขึ้นนำ 3-0

แต่ เลสเตอร์ ก็ไม่ยอมแพ้ยิงตีเสมอ 3-3 ภายในเวลาแค่ 12 นาที จนทำให้เกมต้องยืดเยื้อไปในช่วงต่อเวลาพิเศษ ก่อนท้ายที่สุด พอล โบดิน จะรับบทฮีโร่ซัดจุดโทษเป็นประตูชัยให้ สวินดอน เลื่อนชั้นสู่ลีกบนได้

 

ชาร์ลตัน 4-4 ซันเดอร์แลนด์ ปี 1998

ทั้ง ชาร์ลตัน และ ซันเดอร์แลนด์ ยิงประตูรวมกันแค่ 5 ลูกในเกมรอบเพลย์ออฟตัดเชือกทั้ง 2 เลก แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเก็บแรงมาจัดเต็มในรอบชิงที่เวมบลี่ย์

ไคลฟ์ เมนดอนก้า เป็นฮีโร่ของทีม ‘ดาบอัศวิน’ ด้วยการซัดแฮตทริกในคืนวันนั้น ซึ่งรวมไปถึงประตูตีเสมอเป็น 4-4 ในช่วงต่อเวลาพิเศษด้วย จนทำให้ทั้ง 2 ทีมต้องตัดสินหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษชี้ขาด และการที่ ซันเดอร์แลนด์ ขึ้นนำไปถึง 3 ครั้งในเกมนั้น แต่ยังปิดจ็อบไม่ได้ ก็ทำให้พวกเขาท้อไม่น้อย

เมนดอนก้า ซัดจุดโทษเข้าไปคนแรก และต้องลากยาวถึงคนที่ 14 ซึ่ง ไมเคิ่ล เกรย์ แข้งของ ‘แมวดำ’ ยิงพลาดในช่วงซัดเด้นเดธ ทำให้ ชาร์ลตัน คว้าชัยในเพลย์ออฟแชมเปี้ยนส์ชิพปี 1998 ไปแบบสุดระทึก

 

อิปสวิช ทาวน์ 5-3 โบลตัน ปี 2000

ไม่ใช่แค่เกมนัดชิงชนะเลิศ เพราะในเกมรอบรองชนะเลิศของศึกเพลย์ออฟในแชมเปี้ยนส์ชิพ ก็มีโมเมนต์มันส์ๆไม่แพ้กัน

หนึ่งในนั้นคือเกมรอบตัดเชือกในปี 2000 ระหว่าง อิปสวิช ทาวน์ พบ โบลตัน ที่เกมเลกแรกก็ดวลกันอย่างสูสีจนเสมอกัน 2-2 แต่เกมเลกสอง กลับเป็นทีม ‘ม้าขาว’ ก็ร้อนแรงกว่า จนสามารถเอาชนะในเกมนั้นไปได้ พร้อมเป็นบันไดก้าวสู่การเลื่อนชั้นไปเล่นในพรีเมียร์ลีกในรอบ 5 ปี หลังเอาชนะ บาร์นสลี่ย์ ในนัดชิง 4-2

จิม มากิลตัน คือฮีโร่ของทีมเจ้าบ้านในคืนนั้น ด้วยการกดแฮตทริกในเกม ซึ่งรวมไปถึงลูกวอลเลย์สุดสวยช่วงท้ายเกมด้วย หลังจากที่ทั้ง 2 ทีมมีผู้เล่นโดนไล่ออกเหมือนกัน

 

ดาร์บี้ 2-3 เซาแธมป์ตัน 2007

Image

ดาร์บี้ เค้าน์ตี้ เฉือนเอาชนะ เซาแธมป์ตัน ไปก่อนในเกมเลกแรกของเพลย์ออฟรอบตัดเชือก ในปี 2007 ที่ เซนต์ แมรี่ส์ และเมื่อ ดาร์เรน มัวร์ โหม่งประตูให้เจ้าบ้านขึ้นนำไปตั้งแต่ต้นเกม ก็ทำให้ ‘นักบุญ’ เกือบหมดหวัง

แต่ทีมแดนใต้ก็ยังไม่ยอมแพ้ ก่อนฮึดสู้จนขึ้นนำเป็น 3-1 และทำท่าว่าจะได้ไปเล่นนัดชิงแล้ว แต่ประตูของ เซกอร์ซ ราเซียก ในช่วงนาทีที่ 90 ทำให้ ‘แกะเขาเหล็ก’ ยังรอดตายด้วยสกอร์รวม 4-4 และเอาชนะในช่วงดวลจุดโทษชี้ขาด

ดาร์บี้ เฉือน เวสต์บรอม ในนัดชิงเพลย์ออฟ คว้าตั๋วไปเล่นในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ แต่เราขอไม่ตอกย้ำแล้วกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาหลังจากนั้น

 

แบล็คพูล 3-2 คาร์ดิฟฟ์ ปี 2010

การที่ แบล็คพูล เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ปี 2010 ไม่ต่างจากเรื่องราวที่หลุดมาจากนิทานเลย เมื่อทีมของ เอียน ฮอลโลเวย์ จบอันดับที่ 6 ในแชมเปี้ยนส์ชิพ และไม่ได้พร้อมมากนักในศึกเพลย์ออฟเลื่อนชั้น แต่พวกเขากลับสามารถเอาชนะ คาร์ดิฟฟ์ ที่ถูกมองว่าเหนือกว่าได้ที่ เวมบลี่ย์

ชาร์ลี อดัม กองกลางตัวเก่ง ซัดประตูจากฟรีคิกเป็นลูกแรกให้ แบล็คพูล แม้ เดอะ บลูเบิร์ดส์ จะพลิกกลับมาครองเกมได้จากประตูของ ไมเคิ่ล โชปรา และ โจ เลดลี่ย์ แต่ทีม ฮอลโลเวย์ ก็ฮึดสู้จนยิงประตูแซงกลับมาเป็น 3-2

โดยทั้ง 5 ประตูนั้นเกิดขึ้นในครึ่งแรกทั้งหมด แม้ครึ่งหลังจะหวดตัดเกมกันยับ แต่ แบล็คพูล ที่กำลังจะเลื่อนชั้นหลังจบเกมวันนั้นก็ไม่ได้มีปัญหากับเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว

 

วัตฟอร์ด 3-1 เลสเตอร์ ปี 2013

นี่ถือเป็นเกมรอบเพลย์ออฟที่ติดตราตรึงใจแฟนบอลแดนผู้ดีไม่น้อย เพราะเกมระหว่าง วัตฟอร์ด พบ เลสเตอร์ ในรอบตัดเลือกปี 2013 เต็มไปด้วยเหตุการณ์สุดดราม่าแบบไม่มีใครคาดคิดในช่วงท้ายเกม

ในนาทีที่ 96 ขณะที่เกมยังเสมอกันอยู่ด้วยประตูรวม 2-2 ฝั่งเลสเตอร์ เป็นฝ่ายได้จุดโทษ ซึ่งทำให้ ‘แตนอาละวาด’ ตกที่นั่งลำบาก เพราะในเกมเลกแรก พวกเขาเป็นฝ่ายตามหลัง 1-0 และหากเสียประตูนี้ใน วิคาเรจ โร้ด ก็หมดโอกาสแบบไม่ต้องไปลุ้นต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ

อย่างไรก็ตาม มานูเอล อัลมูเนีย กลับเซฟจุดโทษ และลูกยิงจังหวะที่ 2 ของ แอนโธนี่ย์ น็อคคาร์ต ก่อนที่แนวรับของ วัตฟอร์ด จะซัดโด่งขึ้นหน้าแบบไม่ต้องคิดอะไรมากมาย

ความตื่นเต้นยังไม่จบแค่นั้น เมื่อเจ้าบ้านได้บอลบุกจากกราบขวา ก่อนเปิดเข้ามาให้ เฟร์นานโด ฟอเรสติเอรี่ ที่อยู่เสาไกล แปะบอลเข้าให้ ทรอย ดีนี่ย์ กดเข้าไปเต็มข้อจนบอลตุงตาข่าย และนั่นกลายเป็นช่วง 15 วินาทีที่ทำให้ วัตฟอร์ด ได้เข้าไปเล่นในเวมบลี่ย์ แม้สุดท้ายในนัดชิงจะอกหักพ่ายแก่ คริสตัล พาเลซ ก็ตาม

 

ลีดส์ ยูไนเต็ด 2-4 ดาร์บี้ ปี 2019

เรื่องราวดุเดือดระหว่าง ลีดส์ และ ดาร์บี้ เข้มข้น ตั้งแต่ก่อนดวลกันในรอบตัดเชือกของการเพลย์ออฟเลื่อนชั้นแชมเปี้ยนส์ชิพ ปี 2019 เนื่องจาก ลีดส์ ถูกพบว่าแอบไปสอดแนมการซ้อมของ ดาร์บี้ ก่อนเกมที่พบกันช่วงต้นฤดูกาล

ทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ตกที่นั่งลำบากในเกมเลกแรกที่ ไพรด์ ปาร์ค หลังพ่ายไปก่อนด้วยสกอร์ 1-0 แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเกมที่ เอลแลนด์ โร้ด อยู่ และ แลมพ์ ก็ใช้โอกาสนี้ในการแก้แค้นทีมของ มาร์เซโล บิเอลซ่า เสียเลย

แม้ สจ๊วร์ต ดัลลาส จะยิงให้ ลีดส์ นำตั้งแต่ต้นเกม แต่ แจ็ค มาร์ร็อตต์, แฮร์รี่ วิลสัน และ เมสัน เมาท์ ก็ยิงแซง 3 ลูก เป็นสกอร์ 3-1 และแม้ ดัลลาส จะยิงลูกที่ 2 ให้ทีมไล่มา แต่การที่ เกตาโน่ เบราร์ดี้ โดนไล่ออกในครึ่งหลัง ก็ทำให้ ลีดส์ เป็นรองขึ้นไปอีก ก่อนที่ มาร์ร็อตต์ จะยิงปิดกล่องให้ ดาร์บี้ เอาชนะไปได้ 4-2 พร้อมผ่านเข้ารอบชิงด้วยสกอร์รวม 4-3

อย่างไรก็ตาม ดาร์บี้ ก็อกหักในนัดชิงปีนั้น หลังพ่ายแก้ แอสตัน วิลล่า ของ ดีน สมิธ ขณะที่ ทีม ‘ยูงทอง’ ก็ใช้เวลาอีก 12 เดือนต่อมาในการคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ชิพ และเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

จอมสร้างสรรค์ : 10 แข้งสร้างโอกาสมากสุดลีกยุโรปฤดูกาล 2021-22
จอมสร้างสรรค์ : 10 แข้งสร้างโอกาสมากสุดลีกยุโรปฤดูกาล 2021-22