เพื่อนกรีนวู๊ดผู้เคยถูก ‘มู’ เมิน :โจชัว โบฮุย กับช่วงชีวิตหลังลาปีศาจแดง

โจชัว โบฮุย เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ เมสัน กรีนวู๊ด, อังเคล โกเมส และ ทาฮิธ ชอง แต่กลับไม่ได้ลงเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เลยซักนัดเดียว

 

แต่การที่เขาได้เห็นเพื่อนซี้ขึ้นไปเล่นชุดใหญ่ในยุค โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ทำให้แข้งวัย 21 ปีมีแรงบันดาลใจและเลือกไปเล่นกับ เอ็นเอซี เบรด้า ทีมลีกรองในฮอลแลนด์เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา พร้อมกับหวังว่าเขาจะกลับมาเป็นแข้งตัวหลักในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในซักวัน

 

UFA ARENA จึงขอพาไปพบกับช่วงชีวิตของ อดีตแข้งปีศาจแดง ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นอาชีพค้าแข้ง, ช่วงเวลาในแมนเชสเตอร์, ถูกหมางเมินจากชายที่ชื่อ โชเซ่ มูรินโญ่ รวมถึงชีวิตและเป้าหมายใหม่ในแดนกังหันลม

 

 

บ่มเพาะจากฟุตบอลข้างถนน

 

 

การเดินทางของ โบฮุย ในสายลูกหนัง เริ่มขึ้นทางตอนใต้ของกรุงลอนดอน ซึ่งเป็นที่เดียวกับนักเตะดาวรุ่งชื่อดังอย่าง จาดอน ซานโช่, โจ โกเมซ, แทมมี่ อับราฮัม และ อารอน วาน บิสซาก้า

 

และที่ที่เขาฝึกฝนทักษะก็คือ สนามฟุตบอลในกรง ซึ่งสามารถเล่นได้ในทุกสภาพอากาศ หรือฤดูกาลไหนก็ตาม อีกทั้งยังกระจายอยู่ในเขตตอนใต้ของเมืองหลวงแดนผู้ดีมากมาย

 

โบฮุย เล่าย้อนว่า “ผมเล่นฟุตบอลกรงตั้งแต่อายุ 8 หรือ 9 ขวบ และทุกคนที่ออกไปเล่นกันที่นั่น”

 

“มันจะเป็นการโชว์ความสามารถเสมอ ทั้งเชี่ยวชาญในการเล่นกับบอล, เชี่ยวชาญการดวลหนึ่งต่อหนึ่ง คุณจะเรียนรู้การควบคุมลูกบอลในที่เแคบๆ และมันช่วยให้ผมเติบโตขึ้นจริงๆ”

 

โบฮุย ที่เป็นลูกชายของ พ่อชาวไอวอรี่โคสต์ที่เติบโตในฝรั่งเศส และ แม่ชาวอังกฤษที่มีเชื้อสายชาวจาไมก้า ได้เข้าร่วม เอฟโวลูชั่น สปอร์ตส อคาเดมี่ ใน บริกซ์ตัน และได้ทดสอบฝีเท้ากับ เบรนท์ฟอร์ด กับ คริสตัล พาเลซ ก่อนจะได้เซ็นสัญญากับ ‘เดอะ บีส์’ ตอนอายุ 13 ปี

 

แข้งชาวอังกฤษ ไต่เต้าพัฒนาฝีเท้าขึ้นไปเรื่อยๆจนได้รับดีลทุนการศึกษาในปี 2015 และเป็นแข้งตัวหลักในทีมเยาวชน

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ เบรนท์ฟอร์ด ปิดศูนย์ฝึกเยาวชนในท้ายฤดูกาล 2015-16 ทำให้ โบฮุย เดินทางขึ้นเหนือมาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

“เบรนท์ฟอร์ด พัฒนาผม และทำให้ผมทำผลงานที่ดีที่สุดออกมา แต่ถึงแม้อคาเดมี่จะปิดตัวลง ผมก็ยังมีตัวเลือกอยู่มากมาย เพราะ มีแมวมองหลายคนมีดูเกมของเรา”

 

“ผมเติบโตเป็น แฟนบอลยูไนเต็ด และ (คริสเตียโน่) โรนัลโด้ เป็นแรงบันดาลใจสำคัญ ดังนั้นเมื่อผมได้ยินว่าพวกเขาสนใจ ผมแบบว่า ‘ว้าว’ เลย”

 

 

สู่แมนเชสเตอร์

 

 

แต่การเดินทางจากทางใต้ไปทางตะวันตกของลอนดอนไปเล่นให้ เบรนท์ฟอร์ด กับการย้ายไปแมนเชสเตอร์เพื่อเช่าห้องอยู่คนเดียว นั่นแตกต่างกันมาก และไม่ใช่สิ่งที่ โบฮุย เตรียมใจไว้เลย

 

“ผมเคยเห็น พ่อแม่, และพี่สาวกับพี่ชายผมทุกวัน นั่นจึงเป็นเรื่องที่ยากแบบสุดๆเลย” โบฮุยกล่าว

 

“ผมไม่คิดว่าตัวเองจะพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงในระดับนี้ และผมคิดว่ามันมีผลกระทบกับผมที่ ยูไนเต็ด เพราะช่วงสำคัญของผมจะมีคนที่ผมรักและสนับสนุนผมอยู่ด้วย”

 

ต่อมา พ่อแม่ของเขาได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่ แมนเชสเตอร์ ทำให้ โบฮุย เริ่มปรับตัวกับสถานที่ใหม่ได้ และกลายเป็นผู้เล่นตัวหลักของ ปีศาจแดงในชุดอายุไม่เกิน 18 ปี และ อายุไม่เกิน 23 ปี

 

 

และด้วยฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจ ทำให้เขาได้มีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่ในช่วงพรีซีซั่นที่ อเมริกา เมื่อซัมเมอร์ปี 2018 และลงเล่นเป็นตัวสำรองต่อหน้าแฟนบอลร่วม 100,000 คน ณ สนามมิชิแกน สเตเดี้ยม ในเกมที่แพ้ ลิเวอร์พูล 4-1

 

“มันเป็นประสบการณ์ที่เหลือเชื่อมากๆ และผมรู้สึกเหมือนเป็นผู้เล่นชุดใหญ่เลย” โบฮุย เล่าย้อนถึงช่วงนั้น

 

“ผู้เล่นอย่าง ฆวน มาต้า, เอริค ไบญี่, อองโทนี่ มาร์กซิยาล และ มาร์คัส แรชฟอร์ด พูดกับผมเยอะแยะเลย และให้คำแนะนำที่ดีเช่นกัน ซึ่งมันช่วยผมได้จริงๆ”

 

นี่เป็นเกมเดียวที่เขาลงเล่นในช่วงทัวร์แดนมะกัน อย่างไรก็ตาม โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือของยูไนเต็ด ในตอนนั้น กลับไม่ใช้งาน โบฮุย เลยซักเกมเดียวในฤดูกาล 2018-19

 

 

เมื่อถูก ‘มู’เมิน

 

 

แม้จะทำผลงานได้เข้าตา แต่อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า โบฮุย กลับไม่ได้รับโอกาสในชุดใหญ่อีกเลย ยุคของ สเปเชี่ยล วัน ซึ่งไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเพื่อนร่วมรุ่นอีกหลายคนในตอนนั้น

 

“เมื่อ โชเซ่ อยู่ ไม่เคยมีโอกาสสำหรับผมเลย ทั้ง เมสัน, อังเคล หรือ ชอง แต่ในตอนนี้ โอเล่ ที่โอเล่ (กุนนาร์ โซลชา) คุมทีม กลับมีบรรยากาศและ สปิริตที่แตกต่างกัน”

 

“นั่นไม่ใช่เพราะ โชเซ่ ปฏิบัติกับผมไม่ดี อย่างที่สื่อได้คาดการณ์ออกไป มันก็แค่ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจนสำหรับผม ภายใต้การคุมทีมของเขา”

 

“ในสนามซ้อม เขาไม่เคยพูดกับผมเลยว่า ผมต้องทำอะไรถึงจะดีขึ้น บางครั้ง ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาต้องการอะไรกันแน่”

 

นอกจากนี้ โบฮุย ยังเชื่อว่า การปลด สเปเชี่ยล วัน ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมในยูไนเต็ด เป็นการตัดสินใจที่เหมาะสม โดยกล่าวเสริมว่า “มันจะดีกับสโมสรมากกว่า ยูไนเต็ด มีสไตล์การเล่นที่เขาไม่นำมาใช้ ดังนั้นเขาจึงถูกแทนที่”

 

อย่างไรก็ตาม แม้ มูรินโญ่ จะออกไป และได้รับสัญญาใหม่จากสโมสร โบฮุย ก็ตัดสินใจลาทีมปีศาจแดง เพื่อโอกาสในเส้นทางใหม่

 

“ผมเล่นให้ทีมชุด ยู 18 และ ยู 23 มาแล้ว แต่ตอนนี้ผมอยู่ในวัยที่รู้สึกว่าต้องการเล่นในทีมชุดใหญ่ของสโมสรฟุตบอล” เขากล่าวต่อ

 

“ผมต้องการจะก้าวขึ้นไป และพบกับประสบการณ์ในการเล่นกับทีมชุดใหญ่”

 

 

ชีวิตหลังลาปีศาจแดง

 

 

ด้วยการตัดสินใจครั้งนั้น ทำให้โบฮุยเลือกลา ปีศาจแดง ในซัมเมอร์ปี 2019 เพื่อย้ายไปหาความท้าทายและโอกาสใหม่ๆกับ เอ็นเอซี เบรด้า ทีมลีกรองของแดนกังหันลม

 

แต่ในขณะเดียวกนัน แข้งวัย 21 ปี ก็เชื่อว่า สโมสรยังไม่ลืมเขาอย่างแน่นอน และหวังจะกลับไปที่นั่นซักวันหนึ่ง พร้อมกับอวยพรให้เพื่อนร่วมรุ่นที่แจ้งเกิดในชุดใหญ่ประสบความสำเร็จในอนาคตด้วย

 

“ผมไม่เสียใจเลยที่ลา ยูไนเต็ด เพราะผมรู้ว่าพระเจ้ามีเป้าหมายให้กับผม เป็นบางอย่างที่ท่านตัดสินใจแล้วว่าท่านต้องการให้ผม ผมเชื่ออีกว่า ผมจะกลับไปที่ ยูไนเต็ด และกลายเป็นส่วนหนึ่งของ 11 ตัวจริงในทีม”

 

“ผมรู้ว่าพวกเขายังจับตาดูผม พวกเขาไม่ได้ลืมผมไปแบบหมดสิ้น ทุกๆคนต่างเดินในเส้นทางที่ต่างกัน และของผมก็นำผมไปสู่ เอ็นเอซี เบรด้า และกำลังเรียนรู้กับ สไตล์การเล่นที่แตกต่าง”

 

“ผมได้พูดกับ เมสัน, อังเคล และชอง และผมไม่อิจฉาเลย เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนของผม และถ้ได้เห็นเพื่อนๆได้ดี มันก็ทำให้ผมมีความสุขไปด้วย”

 

 

“ผมจะส่งข้อความทะเล้นๆไปให้กับ เมสัน เมื่อเขาทำประตูได้ และเราต่างให้กำลังใจซึ่งกันและกัน”

 

น่าเสียดายที่อาการบาดเจ็บที่หัวเข่าทำให้ โบฮุย ได้ลงสนามใน เอร์สเตอดิวิซี่ แค่ 6 นัดเท่านั้นในฤดูกาลล่าสุด แต่เขาก็ดูมีความสุขกับชีวิตใหม่ในฮอลแลนด์ และ เบรด้าที่รั้งอันดับ 5 พร้อมกับมีลุ้นขึ้นไปเล่นใน เอเรดิวิซี่ ในฤดูกาลหน้า

 

อดีตแข้งทีมชาติอังกฤษชุดยู 17 กล่าวว่า “ผมเคยไม่พร้อมที่จะย้ายไป แมนเชสเตอร์ แต่ ผมอายุมากขึ้นในตอนนี้ และ มีสมาธิมากขึ้น เบรด้า เป็นทีมเล็กๆที่เงียบสงบ และผมก็สนุกกับมันมากๆ”

 

“สโมสร คอยดูแลผู้เล่น และพวกเขามีเป้าหมายที่ชัดเจน รวมถึงการพัฒนาฝีเท้าแข้งเยาวชน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผม”

 

“ผมกำลังพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ผมก็ตั้งเป้าหมายให้ตัวเองเสมอเช่นกัน”