การคว้าแชมป์มาครองก็ถือว่าเป็นเรื่องที่หนักหนาเอาการแล้ว แต่การป้องกันแชมป์คือสิ่งที่หลายคนยืนยันว่ายากการคว้าแชมป์หลายเท่าตัว ซึ่งเป็นที่ ลิเวอร์พูล กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้
หลังผ่านไป 28 นัดในฤดูกาล 2020-21 ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เก็บได้เพียง 43 แต้ม แน่นอนว่าพวกเขาการันตีแต้มรอดตกชั้นเกินร้อยเปอร์เซนต์ แต่ผลงานในฤดูกาลนี้ตกลงอย่างมากเมื่อเทียบกับซีซั่นก่อนที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองอย่างยิ่งใหญ่
‘หงส์แดง’ เก็บเฉลี่ยเพียงนัดละ 1.5 แต้มเท่านั้น แถมเก็บได้น้อยกว่าฤดูกาลก่อนถึง 36 คะแนนในช่วงเวลาเดียวกัน หมดสิทธิ์ป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างไม่เป็นทางการแล้ว และไม่แปลกที่ใครหลายคนจะมองว่า พวกเขาคือหนึ่งในแชมป์เก่าลีกผู้ดียุคใหม่ที่แย่ที่สุดตลอดกาล
แต่ ลิเวอร์พูล ก็ไม่ใช่แชมป์เก่าทีมเดียวที่มาตรฐานตกในปีต่อมา จนหมดโอกาสป้องกันแชมป์แบบเร็วเกินคาด และ UFA ARENA จะพาไปพบกับ 10 แชมป์เก่าสุดห่วยในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ปี 1992 จนถึงปัจจุบัน
10.อาร์เซน่อล | 2002-03
แต้มตอนคว้าแชมป์ : 87 | 2001-02
แต้มฤดูกาลต่อมา : 78
อาร์เซน่อล เริ่มต้นฤดูกาล 2002-03 ในฐานะทีมดับเบิ้ลแชมป์จากปี 2002 ซึ่งในช่วงนั้นพวกเขาไม่แพ้ใครมานาน 30 เกม ก่อนเกมดวลเอฟเวอร์ตัน ในเดือนตุลาคม จนกระทั่งโดน เวย์น รูนี่ย์ ปิดฉากสถถิตินั้นด้วยประตูแรกของเขาในพรีเมียร์ลีก
‘ปืนใหญ่’ อาจไม่ได้ฟอร์มหลุดแบบกู่ไม่กลับในช่วงที่เหลือของฤดูกาล แต่ก็มาตรฐานโดยรวมก็ตกจนโดน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปาดหน้าทวงแชมป์ลีกคืนด้วยน้ำมือของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่พาปีศาจแดงรั้งอันดับ 2 ในฤดูกาลก่อน
9.แมนเชสเตอร์ ซิตี้ | 2012-13
แต้มตอนคว้าแชมป์ : 89 | 2011-12
แต้มฤดูกาลต่อมา : 78
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีปัญหาคล้าย ๆ กับ อาร์เซน่อล พวกเขามีเกมรับที่ยอดเยี่ยมจนคว้าแชมป์ในฤดูกาล 2012-13 ด้วยผลลูกได้เสียที่ดีกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ดันก็ฟอร์ตกพอสมควร ด้วยการชนะ 23, เสมอ 9 และ แพ้อีก 6 ในฤดูกาลต่อมาหลังคว้าแชมป์ ซึ่งมีแต้มเท่ากับ ปืนใหญ่ แบบพอดีเป๊ะ ในปีที่เสียแชมป์ลีก
อีกทั้งฤดูกาลนั้นเป็นปีที่ เฟอร์กี้ กระชาก โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ มาร่วมทีมจนช่วยคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 20 มาครอง และลูกฟรีคิกที่ อาร์วีพี ซัดเป็นประตูชัยในเกม แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ เดือนธันวาคมปี 2012 ก็คือจุดเปลี่ยนในฤดูกาลนั้นอีกด้วย
8.เชลซี | 2010-11
แต้มตอนคว้าแชมป์ : 86 | 2009-10
แต้มฤดูกาลต่อมา : 71
ปี 2010 เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมของ สแตมฟอร์ด บริดจ์ หลัง คาร์โล อันเชล็อตติ พา เชลซี คว้าดับเบิ้ลแชมป์ มาครอง ขณะที่ ดิดิเย่ร ดร็อกบา ดาวยิงเบอร์หนึ่งของทีมก็พีกสุด ๆ ด้วยถล่มประตู 29 ลูกในลีก ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่เขาค้าแข้งในอังกฤษ
‘สิงห์บลู’ ยังคงเป็นตัวเต็ง และรั้งอันดับ 1 ของลีกได้ในฤดูกาลต่อมา จนกระทั่งช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน พวกเขาพ่าย ซันเดอร์แลนด์ ด้วยสกอร์สุดช็อก 3-0 และช่วงเวลาเกือบ 2 เดือนต่อจากนั้น ทีมก็ชนะแค่หนเดียว ซึ่งทรงผลกระทบต่อการป้องกันแชมป์แบบเต็ม ๆ แถม ดร็อกบา ก็ยิงประตูน้อยลงกว่าฤดูกาลก่อนแบบน่าใจหาย
แม้ คาร์เล็ตโต้ จะพาทีมกลับมารั้งที่ 2 ได้ แต่นั่นก็ไม่ดีพอในสายตาของ โรมัน อับราโมวิช ทำให้เขากลายเป็นอดีตกับ เชลซี หลังไม่สามารถป้องกันแชมป์ลีกได้
7.แมนเชสเตอร์ ซิตี้ | 2019-20
แต้มตอนคว้าแชมป์ : 98 | 2018-19
แต้มฤดูกาลต่อมา : 81
หลังฟอร์มหลุดไปพอสมควรในช่วงแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็มาเร่งเครื่องตั้งแต่ช่วงมกราคมของปี 2019 จนแซงหน้า ลิเวอร์พูล ป้องกันแชมป์ลีกคว้าถ้วยนี้เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน
แต่ในฤดูกาลต่อมา ‘เรือใบสีฟ้า’ ประสบปัญหากับผู้เล่นแนวรับ เนื่องจากขาด อายเมริค ลาปอร์ต กองหลังคนสำคัญตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล 2019-20 ที่เจ็บหนักจนต้องพักยาว และการปล่อย แวงซองต์ กอมปานี อดีตกัปตันทีมออกไปในช่วงซัมเมอร์ ก็ส่งผลด้วยเช่นกัน
นั่นเป็นเหตุให้ เป๊ป กวาร์ดิโล่า ต้องโยกกองกลางอย่าง แฟร์นานดินโญ่ มาเล่นเป็นกองหลังจำเป็น (ซึ่งเป็นสิ่งที่ ลิเวอร์พูลเผชิญอยู่ในฤดูกาลนี้) ท้ายที่สุด ทีมเก็บไปได้ 81 แต้ม ซึ่วเพียงพอให้คว้าแชมป์ได้ในบางฤดูกาล แต่ด้วยมาตรฐานที่ ซิตี้ ทำไม่ได้เทียบเท่าปีก่อน ทำให้พวกเขาถูกมองว่าเป็นหนึ่งในแชมป์เก่าที่ล้มเหลวในการป้องกันแชมป์เช่นกัน
6.เชลซี | 2017-18
แต้มตอนคว้าแชมป์ : 93 | 2016-17
แต้มฤดูกาลต่อมา : 70
ฤดูกาลแรกของ อันโตนิโอ คอนเต้ ในอังกฤษ เต็มไปด้วยความยอดเยี่ยม ทั้งกลยุทธ์กองหลัง 3 คน ที่นำมาใช้จนได้รับความนิยมจากสโมสรร่วมลีก และที่สำคัญ เขาสามารถพา เชลซี คว้าแชมป์ลีกได้ครองได้อย่างสวยงาม
อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลต่อมากลับล้มเหลวไม่เป็นท่า หลังเขี่ย ดีเอโก้ คอสต้า และ เนมานย่า มาติช ออกจากแผนการทำทีม แถมยังเสริมทัพได้ชวนข้องใจแฟน ‘สิงห์บลู’ ทั้งการคว้า ดาวิเก้ ซัปปาคอสต้า, แดนนี่ ดริงวอเตอร์, ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ หรือ อัลบาโร่ โมราต้า หลังพลาดคว้า โรเมลู ลูกากู ที่ย้ายไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เงินจำนวน 160 ล้านปอนด์ที่เสียไปในช่วงซัมเมอร์ ไม่ได้ช่วยให้ทีมทำผลงานได้ดีเหมือนก่อน แถมระบบหลัง 3 ยังดูน่าเบื่ออีกต่างหาก หลังช่วงคริสมาสต์เป็นต้นมา เชลซี หลุดตำแหน่งท็อปโฟร์ แม้จะคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มาครองได้ แต่พวกเขาก็ทำแต้มหล่นในลีกหลายเกมจนถึงเดือนพฤษภาคม จนทำให้ คอนเต้ โดนปลดหลังสิ้นสุดฤดูกาลที่ 2 ของเขาในแดนผู้ดี
5.แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด | 2013-14
แต้มตอนคว้าแชมป์ : 89 | 2012-13
แต้มฤดูกาลต่อมา : 64
หลายคนยกให้นี่เป็นฤดูกาลที่ย่ำแย่ที่สุดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก เนื่องจาก ‘ปีศาจแดง’ ที่มีฐานะแชมป์เก่าในฤดูกาล 2012-13 กลับไม่สามารถคว้าอันดับไปเล่นบอลยุโรปได้เลยซักถ้วย และกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สโมสรไร้ความสำเร็จแง่ของถ้วยรางวัลในปีต่อ ๆ มา
อีกทั้งนี่เป็นแชมป์เก่าที่ผลงานแย่สุดด้วย ภายใต้การคุมทีมของ เดวิด มอยส์ ที่เข้ามาแทนที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่วางมือไป ยูไนเต็ด เก็บได้เพียง 57 แต้ม ก่อนถูกปลด ก่อนที่ ไรอัน กิ๊กส์ จะเข้ามาเป็นกุนซือชั่วคราว และพาทีมเก็บแต้มเพิ่มเป็น 64 คะแนนในสัปดาห์สุดท้าย โดยมีอันดับเป็นรองทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, เชลซี, อาร์เซน่อล, เอฟเวอร์ตัน และ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์
4.แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส | 1995-96
แต้มตอนคว้าแชมป์ : 89 | 1994-95
แต้มฤดูกาลต่อมา : 61
ฤดูกาล 1995-96 กลายเป็นปีที่ลำบากของ แบล็คเบิร์น สุด ๆ ทั้งแพ้ 3 นัดติดในเกมสุดท้ายของฤดูกาล, หมดโอกาสป้องกันแชมป์ตั้งแต่ไก่โห่ และคว้าอันดับ 7 ไปครองในลีก ขณะที่บอลถ้วยก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน ทั้งการชนะนัดเดียวในแชมเปี้ยนส์ลี หรือโดนเขี่ยตกรอบในศึกเอฟ เอ คัพ ตั้งแต่รอบ 3
‘กุหลาบไฟ’ คงไม่ย่ำแย่ในฐานะแชมป์เก่าแบบนี้ ถ้า คริส ซัตตัน, เจสัน วิลค็อกซ์ และ แกรม เลอ โซช์ ไม่บาดเจ็บจนพักยาว เช่นเดียวช่องว่างที่ เคนนี่ ดัลกลิช ทิ้งไว้หลังลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม ก็เป็นสิ่งที่ใหญ่เกินกว่า เรย์ ฮาร์ฟอร์ด กุนซือคนใหม่ของทีมจะแก้ไขได้
3.ลีดส์ ยูไนเต็ด | 1992-93
แต้มตอนคว้าแชมป์ : 82 | 1991-92
แต้มฤดูกาลต่อมา : 51
ฤดูกาล 1992/93 ของ ลีดส์ ยูไนเต็ด อาจเป็นการป้องกันแชมป์ลีกที่แย่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก และเป็นการป้องกันแชมป์ดิวิชั่น 1 เพียงครั้งเดียวในยุคพรีเมียร์ลีก แต่นั่นก็คือเป็นยุคที่แข่งขันกันฤดูกาลละ 42 นัดอยู่
การพ่าย 10 นัดตั้งแต่ช่วงครึ่งทางทำให้ ‘นกยูงทอง’ หมดสิทธิ์ป้องกันแชมป์แน่นอน แต่ที่แย่กว่านั้นคือช่วงเดือนตุลาคม ทีมต้องหล่นไปอยู่โซนตกชั้น และไม่ชนะเกมนอกบ้านเลยตลอดฤดูกาลนั้น
ทีมของ โฮเวิร์ด วิลกินสัน ชุดคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 เดิม มีนักเตะชั้นยอดมากมายทั้ง เดวิด เบ็ตตี้, แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์, แกรี่ สปีด, กอร์ดอน สตรัคคั่น และ เอริค คันโตน่า ผู้ที่ถูกปล่อยให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 1992 พร้อมกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ปีศาจแดง กลายเป็นทีมเบอร์หนึ่งของเกาะอังกฤษในเวลาต่อมา
2.เลสเตอร์ ซิตี้ | 2016-17
แต้มตอนคว้าแชมป์ : 81 | 2015-16
แต้มฤดูกาลต่อมา : 44
ผลเสมอกับ แอสตัน วิลล่า ในเดือนมกราคมปี 2016 เพียงพอให้ เลสเตอร์ ขึ้นมารั้งจ่าฝูง จาก 22 เกมในลีก ก่อนที่พวกเขารักษาตำแหน่งนั้นไว้ได้จนกระทั่งนัดสุดท้ายของฤดูกาล พร้อมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบเหนือความคาดหมาย
แต่เมื่อขึ้นไปบนจุดสูงสุดแล้ว ‘จิ้งจอกสีน้ำเงิน’ ที่ตกลงอย่างรวดเร็ว หลังเริ่มฤดูกาลต่อมาในฐานะแชมป์เก่าด้วยการพ่าย ฮัลล์ ซิตี้ 2-1 และ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ผู้พาทีมคว้าแชมป์ลีกราวปาฏิหารย์ก็ถูกปลดในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2017 หลังพาทีมหล่นไปเกือยท้ายตาราง
แฟนบอล เดอะ ฟ็อกซ์ หลายคนต่างกังวลว่าทีมรักของพวกเขาจะกลายเป็นแชมป์ลีกสโมสรแรกที่ต้องตกชั้นในฤดูกาลต่อมา นับตั้งแต่ แมนซิตี้ เคยทำไว้ในปี 1938 ทว่ายังดีที่ทีมเร่งผลงานขึ้นมาจนจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 12 ในปีนั้น แต่จากจุดนี้เองก็ไม่มีใครคิดว่า เลสเตอร์ จะสร้างปาฏิหารย์กลับมาคว้าแชมป์ลีกได้อีกแน่นอน
1.เชลซี | 2015-16
แต้มตอนคว้าแชมป์ : 87 | 2014-15
แต้มฤดูกาลต่อมา : 50
โชเซ่ มูรินโญ่ จูบปากคืนดีกับ โรมัน อับราโมวิช เพื่อกลับมาคุม เชลซี เป็นคำรบที่ 2 ในปี 2013 แม้ชวดถ้วยรางวัลในปีแรก แต่เขาก็มาแก้ตัวได้สำเร็จกับแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2014-15 พร้อมเป็นแชมป์ลีกสมัยที่ 3 ที่ กุนซือชาวโปรตุกีส ทำได้กับสโมสรจากลอนดอน
แต่ว่าอาถรรพ์ปีที 3 ของ เดอะ สเปเชียล ก็เกิดขึ้นจนได้ หลังในเกมฤดูกาลต่อมา นัดแรกที่พบกับ สวอนซี เดอะ สเปเชียล วัน ไม่พอใจกับ เอว่า คาไนโร่ เจ้าหน้าที่แพทย์หญิงของสโมสร ที่ดูอาการของ เอเด็น อาซาร์ ช้าเกินไป จนทำให้ทีมพลาด 3 แต้ม
หลังจากน้้นผลงานของ สิงห์บลู ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย อีกทั้งยังเลวร้ายกว่าเดิมด้วยซ้ำ เมื่อชนะเพียง 4 นัดลีกเท่านั้นจาก 4 เดือนแรกของฤดูกาล และการพ่ายให้กับว่าที่แชมป์ลีกอย่าง เลสเตอร์ ทำให้ มูรินโญ่ โดนเสี่ยหมีเด้งออกจากตำแหน่งเป็นหนที่ 2 ในทีม ก่อนจะดึง กุส ฮิดดิ้งค์ มาทำทีมจนจบฤดูกาล
แม้จะไม่มีใครออกมาพูดชัดเจน แต่หลายคนก็พอมองออกว่า มูรินโญ่ สูญเสียความเชื่อมั่นจากนักเตะในทีมไปแล้ว ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ของฤดูกาล เมื่อบวกกับ ปัญหาฟอร์มตกของ เอเด็น อาซาร์ กับ เชส ฟาเบรกาส หรือ การย้ายมาเล่นที่ไร้ประโยชน์ของ ราดาเมล ฟัลเกา กับ อเล็กซานเดร ปาโต้ ก็ไม่ได้ทำให้ทีมดีขึ้น ก่อนจบด้วยอันดับ 10 ในฤดูกาลนั้น