เมื่อยูฟ่าถูกลูบคม : ยูโรเปี้ยน ซุปเปอร์ลีก ลีกใหม่สะเทือนวงการลูกหนัง

 

กลายเป็นข่าวใหญ่สะเทือนวงการลูกหนัง เมื่อ สโมสรฟุตบอลดังมากมายเตรียมที่จะแยกตัวออกจากการแข่งขันของยูฟ่า และย้ายไปแข่งในศึกใหม่ถอดด้ามชื่อว่า ‘ยูโรเปี้ยน ซุปเปอร์ลีก’

 

ช่วงวันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน ซุปเปอร์ลีกได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดเผย 12 ทีมที่ลงนามร่วมแข่งขันรายการนี้ ซึ่งปัจจุบัน มี 6 ทีมจาก พรีเมียร์ลีก และ 6 ทีมยักษ์ใหญ่จาก ลาลีกา และ กัลโช เซเรีย อา ลงนามร่วมแข่งขัน

 

นั่นทำให้ ยูฟ่า ออกแถลงการณ์ต่อต้าน ‘ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก’ อย่างเด็ดขาด รวมไปถึง องค์กรดูแลฟุตบอลระดับโลกอย่าง ฟีฟ่า หรือ แม้แต่พรีเมียร์ลีกเองก็ออกมาต่อต้านการแข่งขันรายการใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้

 

ว่าแต่ทำไม ยูโรเปี้ยน ซุปเปอร์ลีก ถึงสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ววงการลูกหนัง จนองค์กรใหญ่ทั้งระดับประเทศ หรือ ทวีป ต้องออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านแบบนี้ UFA ARENA ขอพาไปวิเคราะห์หาคำตอบผ่านบทความนี้กัน

 

 

จุดเริ่มต้น ‘ซูเปอร์ลีก’

 

Twelve Major Clubs Launch Plans for European Super League - All You Need to  Know

 

ย้อนกลับไปในปี 1998 Media Partners บริษัทในอิตาลี ได้เริ่มแนวคิดนี้ แต่แผนทั้งหมดก็ถูกทิ้งร้าง หลัง ยูฟ่า ขยายรูปแบบการแข่งขัน แชมเปี้ยนส์ลีก และยุบถ้วย คัพ วินเนอร์ส คัพ ทิ้งไป

 

อย่างไรก็ตามในปี 2009 ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร เรอัล มาดริด ได้เป็นตัวตั้งตัวตีในการสนับสนุนแนวคิดนี้ ในการสร้างถ้วยใหม่ที่แยกตัวจาก แชมเปี้ยนส์ลีก แต่ก็ยังไม่เกิดขึ้นเป็นรูปเป็นร่างให้เห็นชัดเจน

 

เรื่องราวทำนองนี้เชื่อว่าแฟนบอลคงได้ยินกันมาไม่น้อย โดยเฉพาะในช่วง 10 ปีหลังสุดที่สโมสรใหญ่ ๆ ในยุโรป พยายามขู่ว่าจะแยกตัวไปเตะกันเอง แต่เมื่อ ยูฟ่า จัดสรรเรื่องส่วนแบ่งใหม่ ให้แต่ละทีมได้เงินเพิ่มขึ้น แผนการสร้างถ้วยใหม่ก็เงียบหายไปเป็นช่วง ๆ

 

ทว่าในปี 2021 การแข่งขันนี้ มีให้เห็นเป็นรูปร่างชัดเจนมากที่สุด หลังมีการประกาศอย่างเป็นทางการออกมาเรียบแล้ว พร้อมกับ 12 สโมสรที่ตอบรับเข้าร่วมรายการนี้ ซึ่งประกอบด้วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล, เชลซี, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด, แอตเลติโก มาดริด, อินเตอร์ มิลาน, เอซี มิลาน และ ยูเวนตุส

 

ในขณะที่ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ บาเยิร์น มิวนิค คือ 3 ทีมใหญ่ที่ได้รับเชิญร่วมแข่งเช่นกัน แต่ทั้งหมดเลือกปฏิเสธไปในท้ายที่สุด

 

นอกจากนั้นยังมีอีก 3 สโมสรที่คาดว่าจะตัดสินใจเข้าร่วมรายการหลังจากนี้ พร้อมกับจะหาอีก 5 ทีมที่เข้ามาเล่นรายการนี้จากรอบคัดเลือกด้วย

 

 

รูปแบบการแข่งขัน 

 

Will the European Super League DESTROY football?

 

ซุปเปอร์ลีก ถูกสร้างขึ้นมาด้วยแนวคิดเพื่อท้าชนกับ แชมเปี้ยนส์ลีกของ ยูฟ่า ที่จะมีการปรับรูปแบบใหม่ขยายเป็น 36 ทีม และจะแข่งช่วงกลางสัปดาห์เหมือนกัน แต่ที่เหนือกว่าคือการแข่งขันนี้จะมีแต่ทีมระดับท็อปของยุโรป ไม่มีทีมกลาง ๆ หรือทีมไม้ประดับ ร่วมโม่แข้งอีกต่อไป

 

นั่นหมายความว่าบรรดายอดทีมที่กล่าวเอาไว้ในเบื้องต้นจะต้องถอนตัวจากศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เช่นกัน

 

โดยพวกเขาจะนำ 20 สโมสรใหญ่ในยุโรป มาแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 10 ทีม แข่งขันแบบพบกันหมดเหย้า-เยือน ซึ่ง อันดับ 1-3 ของแต่ละกลุ่มเข้ารอบน็อกเอาต์อัตโนมัติ ส่วนอันดับ 4-5 จะเล่นเพลย์ออฟ ใครชนะตาม 3 ทีมแรก เข้าไปเล่นรอบน็อกเอาต์

 

จากนั้น เมื่อได้ 8 ทีมครบแล้ว จะแบ่งสายแข่งน็อกเอาต์แบบเหย้า-เยือน เหมือนแชมเปี้ยนส์ลีก และจะแข่งนัดชิงชนะเลิศในสนามกลาง

 

และที่แตกต่างจากลีกฟุตบอลอื่น ๆ คือไม่มีการตกชั้น หรือเลื่อนชั้น โดยยึดรูปแบบการแข่งขันเหมือนกีฬาอาชีพในสหรัฐอเมริกา

 

 

เหตุผลอยากแยกตัว

 

Update: UEFA Issues statement decrying planned European Super League -  Bavarian Football Works

 

สาเหตุที่ทีมยักษ์ใหญ่เหล่านี้ต้องการแยกตัว ก็ไม่ต่างจากเหตุผลที่สโมสรในอังกฤษต้องการแยกต่างจาก ฟุตบอลลีกในปี 1992 นั่นก็คือเรื่องเงิน และผลประโยชน์ต่าง ๆ เป็นเรื่องขับเคลื่อนในการเปลี่ยนแปลง

 

ตามทฤษฎีแล้วสโมสรดัที่มีพร้อมทั้งชื่อเสียงและทุนทรัพย์ สามารถสร้างการแข่งขันเอง, ดึงดูดพันธมิตรในการเป็นหุ้นส่วนถายทอดสด หรือ แข่งขันในสนามแบบเต็มความจุได้ทุก ๆ นัด เนื่องจากพวกเขาเป็นทีมดังที่เต็มไปด้วยแข้งระดับโลกมากมาย

 

เหตุใดพวกเขาจึงไม่ควรได้ประโยชน์จากเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และทำไมต้องปล่อยให้ แบรนด์อื่น ๆ ที่น่าสนใจน้อยกว่ามาลดคุณค่าของพวกเขากันล่ะ?

 

นั่นคือสิ่งที่บรรดาทีมใหญ่เห็นมาตลอด การจัดสรรเรื่องเงินของยูฟ่ายังทำได้ไม่ดีพอ แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นเวทีที่รวมทีมที่เก่งที่สุดในโลกเข้าด้วยกัน ก็ควรสร้างรายได้ให้กับพวกเขาให้สมกับชื่อเสียง

 

แต่ยูฟ่าไม่สามารถทำได้ตามที่ทีมใหญ่ต้องการ ทีมใหญ่ได้เค้กชิ้นเล็กกว่าที่ตัวเองคาดหวังไว้ เพราะ ยูฟ่า ต้องแบ่งรายได้ให้กับสโมสรขนาดกลางและเล็ก ที่ร่วมการแข่งขันด้วย

 

นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขารวมตัวพูดคุยกัน ก่อนจะได้ข้อสรุปย้ายไปเล่นในถ้วยใหม่ ที่สามารถมอบรายได้ให้พวกเขาอย่างยุติธรรม (ในสายตาของพวกเขา)

 

รวมถึงการแพร่ระบาดของ โควิด-19 จนทำให้สโมสรดังได้รับผลกระทบทางด้านการเงินอย่างมหาศาลในช่วงปีที่ผ่านมา ก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกอย่างที่ทำให้พวกเขายินดีเล่นในรายการใหม่ถอดด้ามนี้ด้วย

 

 

กลุ่มต่อต้านเริ่มส่งเสียง

 

European Super League: UEFA slam Super League plans and threaten sanctions  for clubs and players | Marca

 

ก่อนหน้าที่ ยูโรเปี้ยน ซุปเปอร์ลีก จะเปิดตัวในช่วงกลางเดือนเมษายนปี 2021 ย้อนกลับไปใเดือนมกราคมปีเดียวกัน ฟีฟ่า และสหพันธ์ฟุตบอลระดับทวีปอีก 5 องค์กร (AFC, CAF, CONCACAF, CONMEBOL, OFC และ UEFA) เคยประกาศขู่ที่จะแบนไม่ให้นักเตะไปเล่นในศึกฟุตบอลโลก และฟุตบอลชิงแชมป์ระดับทวีปแน่ ๆ หากผู้เล่นคนนั้นเข้าร่วมรายการ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก

 

และหลังจากเปิดตัว ฟีฟ่า และ ยูฟ่า เจ้าเก่าจะออกแถลงการณ์ต่อต้านรายการซุปเปอร์ลีก ทันที และประณามกับการตัดสินใจของทีมใหญ่ในครั้งนี้ด้วย

 

แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ ลีกต่าง ๆ ทั้ง พรีเมียร์ลีก, ลาลีก้า หรือ เซเรียอา ก็เป็นอีกกลุ่มองค์กรที่ออกมาแสดงจุดยืนต่อต้าน ซุปเปอร์ลีก ครัังนี้ด้วย และมันส่งผลต่อพวกเขาด้วยเต็ม ๆ 

 

ไม่ใช่แค่แชมเปี้ยนส์ลีกจะล่มสลาย แต่ระบบบอลลีกในประเทศอาจพังพินาศกันหมด เงินจะไปกองรวมกันแค่กลุ่มทีมมหาอำนาจที่รวมกลุ่มกันขนาดย่อมในซูเปอร์ลีก จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะไม่ยอมให้การแข่งขันนี้เกิดขึ้นเป็นอันขาด

 

นอกจากจะทำให้ สโมสรเล็ก ๆ ไม่ได้ลืมตาอ้าปาก แล้ว ยังเป็นการสร้างชนชั้นในวงการฟุตบอลด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่หลายสโมสรต่างยืดถือพูดถึงเรื่องความเท่าเทียมกันตลอด 

 

ในส่วนของบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการฟุตบอลส่วนใหญ่ ก็ส่งเสียงว่าพวกเขาไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เช่นกัน เช่น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตกุนซือตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กล่าวว่ายังคงศรัทธาในระบบที่ ยูฟ่า เป็นผู้ควบดูแลอยู่

 

“ซุปเปอร์ลีก คือการย้ายออกจากการแข่งขันฟุตบอลยุโรปที่มีมา 70 ปี ในฐานะนักเตะของ ดันเฟิร์มลิน ยุค 60 และโค้ชที่พา อเบอร์ดีน คว้าแชมป์ คัพ วินเนอร์ส คัพ สำหรับสโมสรเล็ก ๆ ในสก็อตแลนด์ นี่เปรียบเป็นเหมือนการปีนยอดเขา เอเวอร์เรสต์ เลย”

 

“ส่วนในช่วงที่คุมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมพาทีมลงเล่นนัดชิงชนะเลิศ 4 ครั้งในแชมเปี้ยนส์ลีก และเกมเหล่านั้น คือค่ำคืนที่พิเศษสุดของผมเสมอมา”

 

รวมไปถึง แกรี่ เนวิลล์ อดีตแข้ง ‘ปีศาจแดง’ ที่ออกมาต่อต้านกับแนวคิดการแข่งขัน ซุปเปอร์ลีก อย่างรุนแรง ผ่านสื่อ หรือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ที่ไม่เห็นด้วยกับการที่สโมสรจะเข้าร่วมแข่งขันในรายการนี้เช่นกัน

 

 

อนาคตข้างหน้า

 

Is The European Super League Happening?

 

อย่างที่ทราบกันดีว่าข่าวถ้วยใหม่ลักษณะนี้จะมีเห็นในช่วง 2-3 ปีครั้ง และจะเงียบหายไปเอง เมื่อ ยูฟ่า สามารถจัดสรรหรือมอบสิ่งที่คู่กรณีต้องการได้อย่างเหมาะสม

 

หากสังเกตุจริง ๆ สิ่งที่ทำให้ ยูฟ่า และ ทีมใหญ่ขัดแย้งกัน ไม่ใช่เรื่องอุดมการณ์ในการพัฒนาวงการฟุตบอล แต่เป็นเพราะเรื่องเงินกับผลประโยชน์ล้วน ๆ ต่างหาก

 

ถ้าทุกฝ่ายสามารถตกลงและได้ตัวเลขอย่างที่พวกเขาพอใจ การก่อตั้งซุปเปอร์ลีกก็อาจค่อย ๆ เงียบไปเหมือนทุกครั้งที่ผ่าน ๆ มา

 

แต่ถ้าหากพวกเขาตกลงกันไม่ได้ล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นกับวงการลูกหนังในเวลาต่อมา และนั่นเป็นสิ่งที่แฟนบอลยังไม่เคยพบเจอมาก่อน และคิดไม่ตกว่าวงการฟุตบอลจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น

 

และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ทกุฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็คงต้องร่วมหาบทสรุปความขัดแย้งครั้งนี้ในชั้นศาลอย่างแน่นอน