เยอะแล้วหรอ : 10 กุนซือค่าตัวแพงสุดในวงการลูกหนัง

เยอะแล้วหรอ : 10 กุนซือค่าตัวแพงสุดในวงการลูกหนัง

มักกล่าวกันว่าบุคคลที่สำคัญที่สุดในสโมสรฟุตบอลคือตำแหน่งผู้จัดการทีม แต่คุณอาจไม่คิดแบบนั้น เมื่อได้เห็นจำนวนเงินที่เกี่ยวข้องกับกุนซือทั่วโลก

ในขณะที่ค่าตัวของนักฟุตบอลทะลุไปไกลระดับ 100 ล้านยูโร ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ทางด้านค่าตัวหรือค่าชดเชยของผู้จัดการทีมสำหรับการโยกย้ายไปคุมสโมสรใหม่ กลับเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่ง หรือจำนวนไม่มากนัก เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับค่าตัวนักเตะในยุคปัจจุบัน ต่อให้เป็นโค้ชมือดีที่กวาดแชมป์มามากมายแค่ไหนก็ตาม

ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอทุกท่านไปพบกับ 10 อันดับกุนซือค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอล ที่จำนวนเงินน้อยนิดจนน่าเหลือเชื่อเลย

 

10.คาร์โล อันเชล็อตติ | เปแอสเช ไป เรอัล มาดริด

Decima ends troubled spell for Real Madrid, but Ancelotti has work cut out  - Eurosport

ค่าตัว : 3.8 ล้านยูโร

หลังถูกเชลซีปลดในปี 2011 คาร์โล อันเชล็อตติ ที่ว่างงานได้เพียงไม่นานก็รับงานคุม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน แทนที่ อองตวน คอมบูอาเร่ กุนซือคนก่อน

แม้ชวดแชมป์ในฤดูกาลนั้น แต่ด้วยชื่อชั้นของ อันเช่ ที่เคยแสดงให้เห็นมาแล้วมากมาย ไม่แปลกที่ฤดูกาลต่อมา เขาจะพา เปแอสเช ครองตำแหน่งจ่าฝูงลีกเอิงตั้งแต่ช่วงคริสมาสต์ปี 2012 จนจบซีซั่น คว้าแชมป์ลีกไปครองได้ตามเป้า

ถึงได้แชมป์แค่รายการเดียวในฝรั่งเศส แต่นั่นก็เพียงพอให้ เรอัล มาดริด คว้าตัว นายใหญ่มากประสบการณ์ชาวอิตาเลี่ยนไปร่วมทีม ด้วยค่าตัว 3.8 ล้านยูโร พร้อมสัญญา 3 ปีในซัมเมอร์ปี 2013 ซึ่งประสบความสำเร็จกับ แชมป์โกปา เดล เรย์ กับ ถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2014 รวมถึงแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ กับ แชมป์สโมสรโลกในปีเดียวกัน 

 

9.มานูเอล เปเยกรินี่ | บียาร์เรอัล ไป เรอัล มาดริด

Real Madrid 'most painful time of my career', says Manuel Pellegrini |  Football News | Sky Sports

ค่าตัว : 4.2 ล้านยูโร

ด้วยชื่อเสียงที่โด่งดังหลังพา ริเวอร์เพลท คว้าแชมป์ลีกอาร์เจนติน่า ทำให้ มานูเอล เปเยกรินี่ ได้โอกาสมารับงานในยุโรปครั้งแรกกับ บียาร์เรอัล เมื่อปี 2004 และทำผลงานได้ยอดเยี่ยมกับ ‘เรือดำน้ำสีเหลือง’ ตลอด 5 ปีในถิ่น เอล มาดริกัล

กุนซือชาวชิลี พาทีม บียาร์เรอัล ไปเล่นในบอลยุโรปได้ทุกปีเป็นอย่างน้อย และถึงขั้นกระโดดขึ้นไปคว้ารองแชมป์ในฤดูกาล 2007-08 พร้อมกับได้โอกาสคุมทีมระดับอย่าง เรอัล มาดริด ในปี 2009  ซึ่งเป็นทีมกาลาติกอสภาค 2 ของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ อีกด้วย

ทว่าการคุมทีมที่มีสตาร์ดัง ทั้ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ริคาร์โด้ กาก้า หรือ คาริม เบนเซม่า ดูเกินตัวของ เปเยกรินี่ ไปไม่น้อย และคุมทีมได้เพียงปีเดียวเท่านั้น โดยคว้าอันดับ 2 ในลีก และตกรอบบอลถ้วยทุกรายการ 

 

8.โชเซ่ มูรินโญ่ | ปอร์โต้ ไป เชลซี

Picking the Transfer Window That Chelsea Fans Would Love to Reboot | News,  Scores, Highlights, Stats, and Rumors | Bleacher Report

ค่าตัว : 6 ล้านยูโร

โชเซ่ มูรินโญ่ กลายเป็นผู้จัดการทีมที่มีคนพูดถึงมากที่สุดในปี 2004 หลังพา ปอร์โต้ เป็นม้ามืดคว้าแชมป์ยุโรปได้แบบไม่มีใครคาดคิด นั่นเป็นเหตุให้ โรมัน อับราโมวิช ยอมควักเงินกว่า 6 ล้านยูโร เพื่อดึงกุนซือฝีปากกล้าเป็นแม่ทัพใหม่ในฤดูกาล 2004-05

แต่ มูรินโญ่ ไม่ได้มีดีแค่ปากเท่านั้น เพราะในปีแรกของเขาที่อังกฤษ ก็พา ‘สิงห์บลู’ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครอง โดยเสียเพียง 15 ประตูเท่านั้น อีกทั้งยังป้องกันแชมป์ลีกในฤดูกาลต่อมาได้ด้วย

แม้พลาดแชมป์ลีกในฤดูกาล 2006-07 ‘เดอะ สเปเชียล วัน’ ก็ยังพาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ และ ลีกคัพ มาครองได้ แต่สุดท้ายก็โดน ‘เสี่ยหมี’ เฉือนจากเก้าอี้ในฤดูกาลต่อมาทันที หลังจากฟอร์มสะดุดไม่ชนะใครในเดือนกันยายนปี 2007

 

7.เบรนแดน ร็อดเจอร์ส | สวอนซี ไป ลิเวอร์พูล

Brendan Rodgers' Liverpool FC career in pictures - Liverpool Echo

ค่าตัว : 6.2 ล้านยูโร

สวอนซี กลายเป็นสโมสรแรกจาก เวลส์ ที่เลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในพรีเมียร์ลีก ซึ่งเครดิตส่วนใหญ่ต้องยกให้กับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ทั้ง ๆ ที่เขามาคุมทีมได้ปีเดียวเท่านั้น อีกทั้งยังพา ‘หงส์ขาว’ อยู่รอดปลอดภัยในลีกสูงสุดแดนผู้ดีแบบมีสไตล์กับการเล่นรุกที่ดูสนุกและสวยงาม

ผลงานนี้เตะตาเหล่าผู้บริหารของ ลิเวอร์พูล ก่อนตัดสินใจคว้า ‘บีร็อด’ เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ในถิ่น แอนฟิลด์ ด้วยค่าตัว 6.2 ล้านยูโร และเกือบเป็นกุนซือคนแรกที่พา ‘หงส์แดง’ คว้าแชมป์ลีกในยุคพรีเมียร์ลีก ด้วย หลังจบอันดับ 2 ในฤดูกาล 2013-14

ทว่าหลังจากนั้น ผลงานของทีมก็ค่อย ๆ ถอยหลังลงในฤดูกาลต่อมา จนทำให้สโมสรตัดสินใจปลดเฮดโค้ชชาวไอร์แลนด์เหนือ ออกจากตำแหน่ง และแต่งตั้ง เจอร์เก้น คล็อปป์ แทนที่ในเดือนตุลาคมปี 2015

 

6.มาร์ค ฮิวจ์ส | แบล็คเบิร์น ไป แมนฯซิตี้

On this day in 2009: Mark Hughes sacked by Manchester City | The Independent

ค่าตัว : 6.2 ล้านยูโร

ครั้งหนึ่ง มาร์ค ฮิวจ์ส ก็เคยเป็นผู้จัดการทีมที่มีค่าตัวมากที่สุดในโลกลูกหนังเช่นกัน ในช่วงที่เขาย้ายไปทำหน้าที่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2008

ก่อนหน้านี้ ‘สปาร์กี้’ คุม แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส สโมสรร่วมลีกเป็นเวลา 4 ปี และถือว่าทำผลงานได้ดีใช้ได้กับการพาทีมลุย ยูฟ่า คัพ ในปี 2006 แม้ถูกวิจารณ์เรื่องสไตล์การเล่นที่สกปรก หรือเน้นพละกำลังเข้าว่าอย่างเดียวก็ตาม

อย่างไรก็ดี เมื่อ ฮิวจ์ส ได้คุมทีม ‘เรือใบสีฟ้า’ ที่เป็นสโมสรเศรษฐีหน้าใหม่ ก็ไม่ได้ยกระดับให้ทีมสูงขึ้นนักตามที่บอร์ดคาดหวัง เมื่อจบอันดับ 10 ในฤดูกาลแรก ก่อนโดนปลดพ้นตำแหน่งในระหว่างฤดูกาล 2009-10

 

5.โชเซ่ มูรินโญ่ | อินเตอร์ มิลาน ไป เรอัล มาดริด

Jose Mourinho: Quotes And Notes From Today's Press Conference - Managing  Madrid

ค่าตัว : 8 ล้านยูโร

ช่วงพีกที่สุดในอาชีพผู้จัดการทีมของ มูรินโญ่ คงหนีไม่พ้นตอนที่เขาพา อินเตอร์ มิลาน คว้าทริปเบิ้ลแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ในปี 2010 แถมการเขี่ย บาร์เซโลน่า ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในแชมเปี้ยนส์ลีก ทำให้เขาได้รับความสนใจจาก ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร เรอัล มาดริด หลายเท่าตัว

‘งูใหญ่’ ในมือเฮดโค้ชชาวโปรตุกีส เล่นงาน บาร์ซ่า แชมป์เก่าถ้วยยุโรปได้แบบอยู่หมัดในรอบตัดเชือกฤดูกาล 2009-10 ซึ่งเป็นตัดโอกาสที่ทีมของ กวาร์ดิโอล่า จะชูถ้วยบิ๊กเอียร์ ในนัดชิงที่สนาม ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว ด้วย 

หลังฉลองกับ อินเตอร์ ได้ไม่นาน เปเรซ ก็ประกาศดึง ‘เดอะ สเปเชียล วัน’ เข้ามาเป็นหัวเรือใหญ่คนใหม่ของ ‘ราชันชุดขาว’ ในซัมเมอร์ปี 2010 ซึ่งประสบความสำเร็จไม่น้อย ทั้งแชมป์ลาลีก้า และ โกปา เดล เรย์ อย่างละสมัย ก่อนมีเรื่องขัดแย้งกับลูกทีมจนต้องเก็บข้าวของออกจาก เบอร์นาเบว ในปี 2013

 

4.รูเบน อโมริม | บราก้า ไป สปอร์ติ้ง ลิสบอน

Liga NOS: Ruben Amorim: Sporting's saviour | Marca

ค่าตัว : 10 ล้านยูโร

อดีตกองกลางเบนฟีก้า รูเบน อโมริม ผู้เคยรับใช้ทีมชาติโปรตุเกส 14 นัด เดินหน้าสู้เส้นทางสายผู้จัดการทีมทันที หลังจากแขวนสตั๊ดในวัย 30 ต้น ๆ 

เขาคุมทีม บราก้า ชุดสำรอง ก่อนขึ้นมาทำหน้าที่ในชุดใหญ่ช่วงต้นปี 2020 แต่ในเวลาไม่ถึง 3 เดือน ลีลาการคุมทีมของอดีตกองกลางเลือดฝอยทอง กับสถิติชนะ 10 จาก 13 เกม ก็เพียงพอให้ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ยอมจ่ายเงินกว่า 10 ล้านยูโร ให้กับ บราก้า ท่ามกลางความข้องใจของแฟนบอลทั่วประเทศ

แต่ในเวลาต่อมานี่ก็พิสูจน์ว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ เมื่อ อโมริม พา ลิสบอน คว้าแชมป์ลีกฤดูกาล 2020-21 ซึ่งถือเป็นแชมป์ลีกหนแรกนับตั้งแต่ปี 2002 อีกด้วย รวมถึงคว้าบอลถ้วยแดนฝอยทองได้อีก 2 สมัย

 

3.เบรนแดน ร็อดเจอร์ส | เซลติก ไป เลสเตอร์

Brendan Rodgers hails Leicester's FA Cup win as a historic day for the club  as Thomas Tuchel calls Chelsea unlucky in final | Football News | Sky Sports

ค่าตัว : 10.5 ล้านยูโร

ทั้ง ๆ ที่กำลังไปได้สวยกับ เซลติก และมีโอกาสคว้า ทริปเบิ้ลแชมป์ 3 ฤดูกาลติด ร็อดเจอร์ส กลับเลือกปฏิเสธเพื่อกลับมาคุมทีมในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง กับ เลสเตอร์ ช่วงกลางฤดูกาล 2018-19

‘จิ้งจอกสีน้ำเงิน’ ยอมจ่ายเงินถึง 10.5 ล้านยูโร ในตอนนั้น แต่เงินที่เสียไปค่อย ๆ ตอบแทนให้เห็นชัดเจน เมื่อ ‘บีร็อด’ เปลี่ยนทีมระดับกลาง ๆ เล่นบอลหน้าเดียวในยุคของ โคล้ด ปูแอล ให้กลายเป็นสโมสรที่ลุ้นคว้าท็อปโฟร์ ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก ภายในเวลาไม่กี่ปี

แม้ขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยการพา เลสเตอร์ คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ในฤดูกาล 2020-21 แต่ปัจจุบัน ร็อดเจอร์ส กลายเป็นอดีตกับ เดอะ ฟ็อกซ์ เมื่อโดนปลดช่วงปลายฤดูกาล 2022-23 หลังพาทีมร่วงโซนตกชั้น

 

2.อังเดร วิลลาส โบอาส | ปอร์โต้ ไป เชลซี

André Villas-Boas Manager Profile, Record & Stats | Premier League

ค่าตัว : 15 ล้านยูโร

ในปี 2011 เชลซี ทุ่มเงินก้อนโต้จ่ายให้ ปอร์โต้ 15 ล้านยูโร เพื่อดึง อังเดร วิลลาส โบอาส หรือที่หลายคนเรียกว่า ‘มินิ มูรินโญ่’ เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ พร้อมคว้าหวังว่าเขาจะพาทีมประสบความสำเร็จได้เช่นที่ โชเซ่ ทำได้ในสแตมฟอร์ด บริดจ์

แต่ 9 เดือนต่อมา ‘สิงห์บลูส์’ กลับเป็นฝ่ายที่ต้องจ่ายเงินให้กับ โค้ชหนุ่มชาวโปรตุกีส กว่า 12 ล้านยูโร เพื่อปลดเขาออกจากตำแหน่ง หลังทำผลงานย่ำแย่ชนะเพียง 3 จาก 12 นัดในลีก แม้เสียเงินไปพอสมควร ทว่าท้ายที่สุด สโมสรก็คว้าแชมป์ยุโรปสมัยแรกมาครองได้ภายใต้ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ที่ทำหน้าที่รักษาการ

 

1.ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ | ไลป์ซิก ไป บาเยิร์น มิวนิค

Bayern Munich Set To Sack Nagelsmann As Manager

ค่าตัว : 25 ล้านยูโร

ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของพวกเขาในฤดูกาล 2021-22 แทน ฮันซี่ ฟลิค ที่ย้ายไปทำหน้าที่เทรนเนอร์ทีมชาติเยอรมนี

จริงๆ เฮดโค้ชวัย 35 ปี เคยมีข่าวกับ ‘เสือใต้’ มานานแล้ว ตั้งแต่ช่วงที่ปลด คาร์โล่ อันเชล็อตติ ในเดือนกันยายนปี 2017 ซึ่งในขณะนั้นเขามีอายุเพียง 30 ปี และเพิ่งสร้างชื่อกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ได้เพียงไม่นานเท่านั้น

แต่สุดท้ายเส้นทางของพวกเขาก็มาบรรจบกัน เมื่อได้ นาเกลส์มันน์ มาเป็นกุนซือของทีมอย่างหวัง พร้อมเซ็นสัญญา 5 ปีในถิ่น อัลลิอันซ์ อารีน่า โดยต้องจ่ายเงินชดเชยไปดึงตัวมาให้กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ราว 25 ล้านยูโร

ขวบปีแรก นาเกลส์มันน์ ดูไปได้ด้วยดีในบาวาเรีย หลังคว้าแชมป์บุนเดสลีก้า มาครองในฤดูกาล 2021-22 ทว่าในฤดูกาลต่อมา กุนซือหนุ่มก็ถูก บาเยิร์น ปลดกลางทางแบบงงๆ โดยที่ โอลิเวอร์ คาห์น ตำนานมือโกลสโมสรที่ดำรงตำแหน่งผู้บริหาร เผยถึงการตัดสินใจนี้ว่าเนื่องจาก กุนซือชาวเยอรมัน ทำทีมน่าเบื่อเกินไป อีกทั้งยังมีคุณภาพที่ตกลงหลังบอลโลกเป็นต้นอมา

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

สิงห์เลือกนาย : ส่อง 5 ตัวเต็งว่าที่กุนซือใหม่เชลซี
สิงห์เลือกนาย : ส่อง 5 ตัวเต็งว่าที่กุนซือใหม่เชลซี