เรื่องง่ายๆไม่ควรพลาด : 7 สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในโหมดกุนซือของ FIFA 20

 

นอกเหนือจากโหมดออนไลน์ใน ฟีฟ่า แล้ว การเล่นออฟไลน์อย่างโหมดอาชีพก็ได้รับความนิยมจากคอเกมลูกหนังไม่แพ้กัน

 

 แม้ส่วนใหญ่ การดวลกันระหว่างผู้เล่นอื่นๆในโลกออนไลน์เป็นโหมดการเล่นที่ผู้คนเข้าไปเล่นในเกมลูกหนังของ EA มากที่สุด แต่การได้รับบทบาทเป็นกุนซือที่ทำหน้าที่กุมบังเหียนทีมที่ตัวเองนักในโหมดอาชีพก็ยังได้รับความสนใจอยู่เรื่อยมา 

 

เชื่อว่าเป้าหมายที่หลายคนตั้งไว้ในโหมดอาชีพคือการพาทีมที่ตัวเองเล่นคว้าแชมป์มาครองให้ได้มากที่สุด แต่ก็ยังมีหลายคนที่แสดงความผิดพลาดออกมารูปแบบคล้ายๆกัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในสนาม หรือ ปัญหาใหญ่ๆนอกสนามที่บางคนอาจนึกไม่ถึง

 

ดังนั้น UFA ARENA จึงขอแนะนำ 7 สิ่งที่คอเกมควรหลีกเลี่ยงในโหมดกุนซือของเกมฟีฟ่าภาคล่าสุด หากต้องการพาสโมสรที่ตัวเองรักประสบความสำเร็จในโลกจำลองนี้

 

 

เสริมทัพด้วยดาวดังระดับท็อป

 

 

ทุกๆคนย่อมต้องการให้สโมสรของตัวเองมีนักเตะที่ดีและมีชื่อเสียงที่สุดอยู่ในทีมอยู่แล้ว และในฟีฟ่า 20 ก็ไม่ต่างกัน ในขณะที่ผู้เล่นดาวเด่นเป็นดังสิ่งล้ำค่าในโหมดกระชับมิตรกับเพื่อน หรือในโหมดออนไลน์แบบ อัลติเมท ทีม แต่ศักยภาพของพวกเขาสามารถลดลงไปได้ในโหมดอาชีพ

 

ยกตัวอย่างเช่น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงจอมเก๋าชาวโปรตุเกส ที่มีค่าพลังสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในเกมฟีฟ่าภาคล่าสุดที่ 93 (เป็นรองแค่ ลิโอเนล เมสซี่) เขาทั้งรวดเร็ว, พริ้วไหว, แข็งแกร่ง, ยิงแรงจัด, เทคนิคสูง แถมเล่นลูกกลางอากาศก็ยอดเยี่ยม 

 

ถ้าเป็นไปได้ก็พยายามหาเขามาร่วมทีมให้ได้ แต่ไม่ขอแนะนำในโหมดอาชีพ ยกเว้นคุณจะคุมทีม ‘ปีมอนเต้ กัลโช่’  ล่ะนะ

 

แม้ความสามารถจะล้นเหลือ แต่ในวัย 35 ปี ก็คงเหลือเวลาโลดแล่นกับชีวิตค้าแข้ง (ในเกม) ไม่มาก อีกทั้งไม่สามารถการันตีได้ว่า ยูเวนตุส จะปล่อยเขาออกจากทีมด้วย กรณีเช่นเดียวกับ เมสซี่ ที่เหลือเวลาค้าแข้งไม่มากเช่นกัน เพราะฉะนั้น แทนที่จะทุ่มเงินกับดาวดังสูงวัย แนะนำให้เอาไปใช้กับดาวรุ่งอนาคตไกลดีกว่า

 

 

ใช้ศูนย์ฝึกเยาวชนแบบผิดๆ

 

 

เมื่อคุณเริ่มเล่นโหมดอาชีพในการเป็นกุนซือ สิ่งแรกที่ควรทำก็คือการคว้าสต๊าฟชุดเยาวชนมาร่วมทีม โดยสามารถเลือกมาทำงานในทีมของเราได้ 3 คน ซึ่งพวกเขาเหล่านี้จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จระยะยาวในการคุมทีม

 

แม้จะมีเหล่าดาวรุ่งมากมายให้เลือกเสริมทัพ แต่ค่าตัวของพวกเขาบางคนก็ไม่ต่างจากดาวดังรุ่นพี่เท่าไหร่ อีกทั้งต้องแย่งตัวสโมสรอื่นๆที่ต้องการตัวอีก นั่นทำให้ ศูนย์ฝึกเยาวชนเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สำคัญ

 

แน่นอนว่าไม่ใช่แข้งอายุน้อยทุกคนที่สต๊าฟเลือกมาจะกลายเป็นยอดแข้งในอนาคต มีนักเตะจำนวนมากที่มีค่าศักยภาพแฝงโดยรวมไม่ถึง 90 แต่คุณเจอนักเตะแบบนั้นเมื่อไหร่ก็มั่นใจได้ระดับนึงว่าคุณอาจจะมีแข้งพรสวรรค์สูงเหมือนกับ คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ อยู่ในทีม

 

แต่อย่าลืมว่าคุณก็ต้องแข่งขันกับสโมสรอื่นในการแย่งลายเซ็นดาวรุ่งมาร่วมทีมเช่นกัน ถึงอย่างนั้นมันก็ช่วยประสบการณ์สุดเข้มข้นในโหมดนี้ได้พอสมควร

 

 

รีบคว้าดาวรุ่งเร็วเกินไป

 

 

ขณะที่โหมดอาชีพ เน้นการเล่นและวางแผนในระยะยาว และทำให้ทีมสดใหม่กว่าเดิมในแต่ละฤดูกาล แต่จะดีกว่านี้มาก หากคุณไม่รีบร้อนในการคว้าดาวรุ่งมาร่วมทีม

 

ปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับแข้งอายุน้อยคือ ค่าพลังเฉลี่ยของเขาไม่สูงมากพอ เมื่อเทียบกับนักเตะตัวหลักในทีมส่วนใหญ่ ยกเว้นกรณีแข้งที่แจ้งเกิดได้แล้วอย่าง เอ็มบัปเป้ หรือ จาดอน ซานโช่

 

เราขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดขึ้นเช่น เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า กองกลางพรสวรรค์สูงวัย 16 ปี จากแรนส์ ซึ่งมีค่าศักยภาพแฝงถึง 90 ในโหมดอาชีพ เมื่อพิจารณาจากศักยภาพในการพัฒนาทำให้เขาจะกลายเป็นนักเตะเบอร์ต้นๆในเกมได้ไม่ยาก 

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยค่าพลังเฉลี่ยเริ่มต้นที่ 73 แม้จะไม่ตัวเลขที่แย่ แต่ถ้าในทีมคุณมีนักเตะที่มีค่าพลังเฉลี่ยไม่ต่างจากนี้ในการแข่งขันลีกสุดหิน การพัฒนาฝีเท้าของดาวรุ่งอาจกลายเป็นเรื่องลำบากแทน

 

นั่นจึงเป็นเหตุสำคัญในการเก็บผู้เล่นค่าพลังสูงๆไว้กับทีมก่อนในช่วง 2-3 ฤดูกาลแรก เพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าระดับในทีมสูงพอที่จะช่วยให้ดาวรุ่งของคุณพัฒนาฝีเท้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

 

 

ไม่รู้จักโรเตชั่น

 

 

เจอร์เก้น คล็อปปฺ์ เคยกล่าวไว้หลังโรเตชั่นนักเตะในทีมช่วงเดือนธันวาคมว่า “นี่ไม่ใช่เกมฟีฟ่า หรือเกมบนเพลย์สเตชั่น ที่ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องพัก”

 

ชัดเจนว่า กุนซือหงส์แดงคงไม่เคยเล่นเกมฟีฟ่าจริงๆ เพราะผู้เล่นในเกมก็จำเป็นต้องพักไม่จากต่างลูกหนังในชีวิตจริง โดยเฉพาะในโหมดอาชีพ แน่ละว่าทุกคนย่อมมี 11 ตัวหลักของตัวเองในทีม รวมถึงนักเตะสำรองที่มักใช้งานอยู่เป็นประจำ แต่สิ่งสำคัญก็คือการผลัดเปลี่ยนหมุนเวี่ยนในทีม

 

มีหลากหลายวิธีในการโรเตชั่น ทั้งการสร้างแผน 2 ชุด เพื่อใช้งานผู้เล่นตัวหลักและตัวสำรองในแต่ละเกม ซึ่งจะทำให้ค่าความเข้ากันของนักเตะหรือโมเม้นตั้มในทีมไม่กลายเป็นปัญหาระยะยาวในโหมดนี้ หรือส่งผูเล่นตัวสำรองลงเล่นจนกว่านักเตะตัวจริงของคุณจะได้พักผ่อนเต็มที่ จากนั้นค่อยกลับมาเป็นตัวจริงเมื่อพร้อมสมบูรณ์ในเกมนัดต่อๆไป

 

การจัดการกับความเหนื่อยล้า ไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ควรโรเตชั่นเท่านั้น เพราะในขณะที่แข้งตัวจริงได้ลงเล่น ผู้เล่นบางคนจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่กับเวลาลงสนามที่น้อยนิด ดังนั้น หากต้องการรักษาบรรยากาศของทีมควบคู่ไปกับการรักษาความฟิต การให้โอกาสตัวสำรองได้ลงเล่นในบางนัดบ้างก็เป็นเรื่องควรทำไม่ต่างกัน

 

 

เมินคำแนะนำแมวมอง

 

 

มีเว็บไซต์ต่างๆมากมายในโลกออนไลน์ที่แสดงรายละเอียดของนักเตะในเกมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าพลัง, ความสามารถ, ค่าตัว หรือค่าเหนื่อยต่อสัปดาห์ ซึ่งถือเป็นคำแนะนำที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้เล่น แต่อย่าใช้มันจนเคยตัวจะดีกว่า

 

เราแนะนำให้ลองใช้ แมวมอง ควบคู่ไปด้วย เพราะคงไม่มีคำแนะนำดีไปกว่าการได้เห็นหรือสัมผัสกับมันด้วยตัวเอง อีกทั้งค่าตัวหรือความสามารถอาจแตกต่างกันไป เนื่องจากการอัพเดทของฟีฟ่า 20 ที่มีค่อนข้างบ่อย

 

คุณต้องใช้เวลาซักพักในการรอรายงานจากแมวมอง และบางครั้งอาจจะรอนานมากกว่า 18 วัน แต่รับรองว่าจะได้ข้อมูลที่คุ้มค่ากับเวลาแน่นอน ซึ่งจะทำให้คุณเลือกตัดสินใจว่าจะคว้าตัวนักเตะคนนี้มาในรูปแบบใด รวมถึงการใช้แมวมองจะทำให้คุณลดโอกาสเสี่ยงในการจ่ายเงินคว้านักเตะเกินราคาจริงๆอีกด้วย

 

 

มองข้ามแทคติก 

 

 

ใน ฟีฟ่า 20 โหมดอาชีพ นั้นเน้นเกมการเล่นในสนามมากกว่าการคุมทีมข้างสนามแบบเกมฟุตบอล เมเนเจอร์ 2020 ทำให้มีโอกาสง่ายๆที่เราจะลืมเรื่องแทคติกไป

 

ทุกรูปแบบการจ่ายบอล, แทคติก และ รูปแบบการเล่นของนักเตะ กลายเป็นสิ่งที่สำคัญมากขึ้นเรื่อยๆในโหมดออนไลน์แต่ละภาค และในโหมดออฟไลน์อย่าง โหมดอาชีพก็ไมต่างกัน

 

ถ้าหากคุณต้องการดึงศักยภาพของนักเตะออกมาให้มากที่สุด และมีโอกาสประสบความสำเร็จในโหมดนี้ คุณต้องดูแลจัดการทุกๆรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในทีมของคุณ หมายความว่าคุณต้องเปลี่ยนแทคติกให้เข้ากับสไตล์การเล่นของคุณ, เล่นเกมรับอย่างไร, เล่นเกมรุกแบบไหน, ใช้นักเตะเข้าไปในกรอบเขตโทษกี่คนในลูกเตะมุม และอื่นๆอีกมากมาย

 

นอกจากนี้ คุณยังต้องจัดรูปแบบการเล่นให้เหมาะสมกับนักเตะแต่ละคนในทีมด้วย เพื่อมั่นใจว่ากองกลางตัวรับ 2 คนจะไม่เติมเกมรุกไปพร้อมกันจนเปิดช่องว่างให้คู่แข่งโจมตี อีกทั้งอย่าลืมให้ความสนใจค่าการขึ้นรุกหรือลงมาช่วยเกมรับของนักเตะที่คุณเลือกลงสนามด้วยล่ะ

 

 

ปล่อยเกมจำลองการฝึกแทน

 

 

จริงๆนี่อาจจะเป็นเทคนิคมากกว่าความผิดพลาด แต่มันจะเป็นประโยชน์มาก หากคุณเพิ่มความจริงจังในโหมดอาชีพด้วยการควบคุมเองในทุกๆการฝึกซ้อม

 

โดยการฝึกจะมีขึ้นในทุกๆสัปดาห์เพื่อช่วยให้การพัฒนาค่าความสามารถของนักเตะ นอกเหนือจากการลงสนามในการแข่งขันจริง ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้เล่นว่าจะเลือกเสริมทักษะในด้านไหน ยิ่งทำได้ดีก็ยิ่งเพิ่มความสามารถได้มากขึ้นกว่าปกติ แต่เมื่อหลายคนเล่นไปนานๆ การเล่นเองในช่วงซ้อมก็ค่อยๆน้อยลงจนกลายเป็นให้ AI จำลองการฝึกซ้อมในแต่ละสัปดาห์แทน

 

แต่อย่าลืมว่าการจำลองแบบฝึกซ้อมนั่นเป็นการสุ่มทั้งหมด บางครั้งคุณอาจระดับ A ในการซ้อม แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะวนเวียนที่ B, C, D หรือ แม้แต่ F ที่เป็นผลลัพธ์ที่แย่ที่สุด

 

ถ้าคุณมีฝีมือในทักษะด้านต่างๆ ลองใช้เวลาซัก 2-3 นาทีในการฝึกซ้อมทุกรายการของแต่ละสัปดาห์ด้วยตัวคุณเอง แล้วจะเห็นว่านักเตะพัฒนามากกว่าการจำลองการซ้อมเป็นเท่าตัว