ต้องยอมรับว่าทีมยักษ์ใหญ่อย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ออกสตาร์ท ไทยลีก ซีซั่นนี้ได้แบบน่าผิดหวังสุดๆภายใต้การทำทีมของ “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก จนล่าสุดเจ้าตัวได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แน่นอนว่าปัจุบัน ทัพ “กิเลนผยอง” กำลังเร่งหากุนซือคนใหมเข้ามาตำแหน่งคุมทีมในซีซั่นนี้ต่อไปซึ่งเราก็ยังไม่สามารถเดาได้ว่าใครจะเป็นคนที่จะเข้ามารับหน้าที่ต่อไป แต่สิ่งหนึ่งแฟนบอลต่างตั้งความหวังไว้ก็คือการเข้ามาเร่งแก้ปัญหาใหญ่หลายๆจุดที่เกิดขึ้นกับอดีตแชมป์ไร้พ่ายทีมนี้
โดยวันนี้ UFA Arena จะขอพาสาวก “กิเลน” ทั้งหลายไปดูกันว่า 6 ปัญหาใหญ่ที่กุนซือคนใหม่ของทีมต้องรีบเข้ามาแก้ไขโดบด่วนจะมีอะไรกันบ้าง
แนวรับโดนยิงกระจุย
การเล่นเกมรับของ เอสซีจี เมืองทองยูไนเต็ด ต้องยอมรับว่าซีซั่นนี้พวกเขาเริ่มต้นได้แบบย่ำแย่สุดๆ เสียประตูไปแล้ว 9 ลูก จากการลงสนามเพียง 6 เกมเท่านั้น ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่อันดับแรกๆเลยก็ว่าได้ที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนหากสโมสรสามารถหาตัวกุนซือรายใหม่เข้ามารับตำแหน่งได้แล้ว
แน่นนอนว่าการมาของ โอ บัน-ซอค เซนเตอร์ชาวเกาหลีใต้ มันทำให้แฟนบอลต่างคาดหวังไว้สูงว่าเขาจะช่วยยกระดับเกมรับของทีมได้ ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ขณะที่แบ็คทั้งสองข้างทั้ง ศุภนันท์ บุรีรัตน์ และ วีระวุฒิ กาเหย็ม ถึงแม้จะเป็นลูกหม้อสโมสรแต่ดูรวมๆแล้วทั้งสองคนยังทำได้ไม่ดีเท่ากับนักเตะที่เสียไปอย่าง พีระพัฒน์ โน้ตชัยยา และ ทริสตอง ขณะที่ อดิศร พรหมรักษ์ และ ศฤงคาร พรมสุภะ ก็ดูจะมีปัญหาไม่น้อยยามที่พวกเขาต้องดวลแข้งตัวรุกชาวต่างชาติของคู่แข่ง
ดังนั้นคงเป็นงานหนักไม่น้อยสำหรับว่าที่เฮ้ดโค้ชคนใหม่ซึ่งจะต้องเข้ามาแก้ไข อย่างไรก็ตามถ้าว่ากันตามตรงแล้วบรรดาขุมกำลังแผงหลังของ เมืองทอง ที่มีอยู่ก็ถือเป็นแข้งฝีเท้าดีทั้งสิ้นอยู่ที่ว่าพวกเขาจะสามารถดึงเอาศักยภาพเหล่านั้นมาใช้ได้หรือไม่แค่นั้นเอง
แข้งตัวรุกยังระเบิดฟอร์มเก่งไม่ได้
อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบกับฟอร์มของทีมอย่างหนักในเวลานี้ เมื่อบรรดาดาวยิงทั้งหลายรวมไปถึงแข้งในตำแหน่งตัวรุกของ “กิเลนผยอง” ยังไม่สามารถระเบิดฟอร์มเก่งได้เลยนับตั้งแต่เปิดซีซั่น โดยพวกเขายิงไปเพียง 5 ประตูเท่านั้นหลังลงเล่นไป 6 เกม ถือเป็นผลงานที่น่าผิดหวังสุดๆ หากเทียบกับชี่อชั้นของนักเตะในทีม
ย้อนกลับไปก่อนเริ่มฤดูกาลเชื่อว่าหลายคนคงจับตามองเกมรุก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นพิเศษแน่นนอนเพราะการมีตัวหลักจากซีซั่นที่แล้วอย่าง เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส ยืนเป็น “เดอะแบก” ของทีมโดยมีคนช่วยแบ่งเบาภาระในการล่าประตูทั้ง ธีรศิลป์ แดงดา, อ่อง ธู และ อดิศักดิ์ ไกรษร คงเป็นอะไรที่โหดเหี้ยมไม่เบา แต่ทว่าในความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม
หากเรามองข้ามเรื่องความเข้าใจในการเล่นรุกร่วมกันที่มันยังไม่ลงตัวแบบเห็นได้ชัดเจนมาพูดถึงฟอร์มส่วนตัวของแต่ละคนก็ถือเป็นเรื่องน่าปวดหัวไม่น้อยสำหรับเทรนเนอร์คนใหม่ที่จะเข้ามาคุมทีม เพราะเหล่าบรรดาแข้งเกมรุกของ เมืองทอง ยังดูมีปัญหาอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะในรายของ “เจ้ากลอฟ์” อดิศักดิ์ ไกรษร ที่ช่วงหลังถึงขั้นโดนดร็อปเป็นตัวสำรองเช่นเดียวกับ อ่อง ธู ที่ยังระเบิดฟอร์มแบบซีซั่นที่ผ่านมาไม่ได้
ขณะที่ เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส ต้องยอมรับว่าจังหวะการจบสกอร์ของเขาตอนนี้ยังเทียบไม่ได้กับซีซั่นที่แล้วซึ่งเขาทำได้ดีกว่านี้มาก ส่วน ธีรศิลป์ แดงดา ถึงแม้ชื่อชั้นยังดูขายได้อยู่แต่ต้องรับสภาพว่าเขาเองก็ก้าวผ่านช่วงที่ดีที่สุดของอาชีพการค้าแข้งมาแล้ว เพราะฉนั้นต้องรอดูกันว่าหากกุนซือใหม่เข้ามารับตำแหน่ง จะมีการเปลี่ยนแปลงในจุดนี้ยังไงกันบ้าง
จูนระบบดาวรุ่งและตัวหลัก
นับเป็นเรี่องดีที่เราได้เห็นนักเตะอย่าง ศฤงคาร พรมสุภะ และ กรวิชญ์ ทะสา ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลังของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในซีซั่นนี้ รวมไปถึงดาวรุ่งคนอื่นที่ได้รับโอกาสลงสนามอีกหลายคน ทว่าพวกเขายังดูมีปัญหากับการปรับตัวให้เขากับรุ่นพี่ภายในทีมพอสมควร
ตลอด 6 เกมแรกที่ผ่านมาเหล่าแข้งอายุน้อยของ เมืองทอง ได้รับโอกาสผลัดหน้ากันลงสนามอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตำแหน่งเกมรุก แต่ความตัองการที่จะส่งนักเตะเหล่านั้นลงมาเปลี่ยนเกมแทบไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เพราะพวกเขาไม่สามารถจูนการเล่นให้เข้ากับตัวหลักในสนามได้ และมันค่อนข้างที่จะป็นผลเสียของทีมซะมากกว่าการแก้เกมให้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามหากกุนซือรายใหม่สามารถปรับความเข้าใจของบรรดานักเตะเหล่านี้ให้เข้ากับแข้งตัวเก๋าภายในทีมได้แล้วล่ะก็ “กิเลนผยอง” จะกลายเป็นหนึ่งในทีมที่มีขุมกำลังดาวรุ่งสดใหม่ที่น่าจับตามองมากๆเลยทีเดียว
กระตุ้นสภาพจิตใจหลังฟอร์มห่วยต่อเนื่อง
หนึ่งในปัญหาระดับวิกฤติที่ต้องเร่งแก้ไขโดยด่วนคือสภาพจิตใจของบรรดาแข้งอดีตแชมป์ไร้พ่ายที่ต้องพบเจอกับผลงานสุดห่วยนับตั้งแต่ออกสตาร์ทซีซั่น แน่นอนว่านักเตะหลายคนคงเสียความมั่นใจไปพอสมควรกับฟอร์มการเล่นที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดทางฝั่งของ อุทัย บุญเหมาะ กุนซือรักษาการณ์ในเกมที่บุกแพ้ ชัยนาท ฮอร์นบิล เละเทะ 3 – 0 ก็ได้ออกมาเผยว่า “สภาพจิตใจเราต้องแก้ไขก่อน ทุกคนต้องสู้เพื่อทีม”
แน่นอนว่าหากเฮ้ดโค้ชคนใหม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็วละก็ เหล่าแข้ง “กิเลน” ที่กำลังหลับไหลจะถูกปลุกให้มีไฟลุกขึ้นสู้อีกครั้ง และนั้นก็คงเป็นเวลาที่พวกเข้าจะกลับมาเดินหน้าระเบิดฟอร์มเก่งและก้าวขึ้นมาทีมที่น่ากลัวอีกครั้ง
กู้ศรัทธาแฟนบอล
ต่อเนื่องจากการกระตุ้นสภาพจิตใจนักเตะแล้ว แฟนบอลของทีมก็ต้องถูกกระตุ้นเช่นเดียวกัน หลังจากที่ต้องทนดูทีมรักของตัวโชส์ผลงานย่ำแย่เกินจะรับไหวในซีซั่นนี้ โดยเฉพาะเกมแรกขอวงฤดูกาลที่พวกเขาแพ้คาบ้านให้กับ พีทีที ประจวบ เอฟซี แบบน่าผิดหวังสุดๆ ซึ่งหลังจากนั้นดูเหมือนว่าแฟนบอลในสนามของพวกเขาจะหายกันไปเยอะพอสมควร
นั่นทำให้นอกจากหน้าที่หลังของกุนซือใหม่ในการแก้ปัญหาในทีมแล้ว การเร่งกู้ศรัทธาแฟนบอล “กิเลนผยอง” ให้กับมาสนับสนุนและเชื่อมั่นกับสโมสรอันเป็นที่รักของพวกเขาก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่ว่าที่เฮ้ดโค้ชคนใหม่จะต้องเข้ามาแก้ไขในจุดนี้ด้วยเช่นกัน
วางแผนช็อปครั้งใหญ่
เรื่องสุดท้ายที่เทรนเนอร์คนใหม่ในถิ่น เอสซีจี สเตเดี้ยม ต้องรับมือก็คือการวางแผนเสริมทัพในช่วงตลาดซื้อขายรอบ 2 แน่นอนว่ามันคงยังเร็วไปที่เราหยิบประเด็นดังกล่าวมาพูดตอนนี้ แต่นี้คือสิ่งที่แฟนบอลหลายคนของ เมืองทอง คงตั้งตารอกันอยู่แน่นอน
ต้องยอมรับว่าขุมกำลังพลของ “กิเลนผยอง” ถึงแม้จะเต็มไปด้วยเหล่าแข้งซุปเปอร์สตาร์ททั้งต่างชาติและชาวไทย แต่เอาเข้าจริงแล้วบางรายก็แทบจะไม่สามารถโชว์ผลงานที่ดีได้เลยตลอดหลายซีซั่นที่ผ่าน ไม่ว่าจะเป็น ชาริล ชัปปุยส์ ที่แฟนบอลต่างพากันส่ายหัวยามที่เจ้าตัวลงสนาม หรือ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ซึ่งเป็นการคัมแบ็คกลับมายังอดีตสโมสรที่เขาเคยสร้างความยิ่งใหญ่มาแล้ว แต่มาคราวนี้เจ้าตัวยังค้นหาฟอร์มเก่งไม่ได้เลย รวมไปถึงอีกหลายๆคนที่ต้องยอมรับว่าทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังสุดๆ
ดังนั้นการเข้ามาของกุนซือรายใหม่คงจะถูกแฟนบอลตั้งความหวังโดยเฉพาะในเรื่องการเสริมทัพอยู่พอสมควร และแน่นอนว่าทุกคนก็คงต้องการอยากเห็นสโมสรแห่งนี้จัดการคว้านักเตะระดับท็อปเข้ามาร่วมทีมแบบไม่ต้องสงสัย