เรื่องดีในปีตกชั้น : ย้อนรำลึกเกมเวสต์แฮมคบผีคว่ำ 4-0 ในลีกคัพ

เวสต์แฮม

ฤดูกาล 2010-11 ไม่ถือเป็นช่วงเวลาที่แฟนบอลเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ยินดีปรีดาเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่เป็นข้อยกเว้นสำหรับพวกเขา

ทีมของ อัฟราม แกรนท์ ณ เวลานั้น คว้าชัยชนะในเกมบอลถ้วยมากกว่าบอลลีกเสียอีกในฤดูกาลดังกล่าว แต่หลายคนอาจไม่ได้สนใจมากนัก และพูดถึงผลงานของทีมในพรีเมียร์ลีกมากกว่า ในเมื่อทีมไม่ได้ทะลุเข้าไปเล่นรอบชิงของบอลถ้วยทั้ง 2 รายการ

โดยเฉพาะในรายการลีกคัพที่โดน เบอร์มิ่งแฮม พลิกแซงในรอบตัดเชือกช่วงต่อเวลาพิเศษ ก่อนที่ทีม ‘ลูกโลก’ จะเป็นม้ามืดเข้าไปคว้าแชมป์ถ้วยนี้เหนือ อาร์เซน่อล ในนัดชิงชนะเลิศ อย่างไรก็ตาม เกมในรอบก่อนหน้านี้ของทีม ‘ขุนค้อน’ ก็เป็นสิ่งที่แฟนบอลมากมายต่างพูดถึงกันให้สนั่นเมือง

เพราะคู่แข่งของพวกเขาคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่กลับพ่ายให้ทีมจากลอนดอนด้วยสกอร์สุดยับเยินเกินกว่าที่หลายคนจะจินตนาการไว้

 

สกอร์ชวนช็อกในครึ่งแรก

Hammers freeze out United | Football News | Sky Sports

แฟนบอลว่า 33,000 คน มุ่งหน้าไปที่ อัพตัน ปาร์ค ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนปี 2010 โดยเข้าไปชมเกมที่ เวสต์แฮม เปิดรังพบ ‘ปีศาจแดง’ ที่ยังไม่แพ้ใครในฤดูกาลนั้นเลย

เรื่องฟอร์มยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะ ยูไนเต็ด เพิ่งถล่ม แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 7-1 และไม่เคยแพ้เลยซักนัดนับตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน ขณะที่เจ้าบ้าน แม้ชนะ วีแกน มาหมาด ด้วยสกอร์ 3-1 แต่ก่อนหน้านั้นพวกเขาสะกดคำว่า ‘ชัยชนะ’ ไม่เป็นเลยในลีก 8 นัดติด

ชัดเจนว่าผลงานในลีกยิ่งต่างกันราวฟ้ากันดิน เมื่อ ทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เก็บไป 31 แต้มจาก 15 เกมลีก ขณะที่ทีมจากลอนดอนมีเพียง 12 แต้มเท่านั้น

แต่เมื่อเริ่มเกมได้ราวๆ 22 นาที ก็เกิดเรื่องเซอร์ไพรส์ขึ้น เมื่อ โจนาธาน สเป็คเตอร์ โหม่งทำประตูให้กับ เจ้าบ้านพลิกขึ้นนำไปก่อน 1-0

ก่อนหน้านี้มากกว่า 100 เกมในสโมสร แนวรับชาวอเมริกัน ไม่เคยทำประตูได้เลยแม้แต่ลูกเดียวในอาชีพค้าแข้ง และนี่กลายเป็นประตูแรกของเขาในฟุตบอลอาชีพ 

และในเวลาอีก 15 นาทีต่อมา เขาก็ทำประตูที่ 2 ของตัวเองได้จากทั้งหมด  6 ลูก ที่ทำได้จาก 368 นัดในอาชีพค้าแข้งกับทุกสโมสร

วิคเตอร์ โอบินน่า พยายามพักบอลในกรอบเขตโทษ แต่เสียหลักจนบอลหลุดเท้า แต่แนวรับของ ปีศาจแดงอย่าง ฟาบิโอ ดา ซิลวา ดันลื่นล้ม ก่อนที่ สเป็คเตอร์ จะวิ่งปรี่เข้ามาแตะหนึ่งจังหวะและซัดด้วยซ้ายผ่านตัว โธมัส คุซแซ็ค เข้าไปตุงตาข่าย

 

ชัยชนะครั้งใหญ่แห่งฤดูกาล

จบครึ่งแรก ทีมของเฟอร์กี้ กลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบตามหลังถึง 2-0 พร้อมกับรูปเกมที่ไม่ได้เหนือกว่าเจ้าบ้านเลย ก่อนที่ครึ่งหลังจะกลายเป็นโชว์ของ คาร์ลตัน โคล 

กองหน้าจากครอยดอน เคยเหมา 2 ประตูให้กับ เวสต์แฮม ตั้งแต่เกมประเดิมสนามในปี 2006 แต่หลังจากนั้นอีก 4 ปี มากกว่า 30 ประตูที่เขาทำให้สโมสรได้ ไม่มีแม้แต่หนเดียวที่เขายิงได้ 2 ลูกในเกมเดียว

แต่มันก็เกิดขึ้นอีกครั้งในเกมนัดนี้ เมื่อเป็น โคล โหม่งประตูให้ทีมขึ้นนำ อาคันตุกะ 3-0 ในนาทีที่ 56 ก่อนมาบวกเพิ่มอีกลูกในอีก 10 นาทีต่อมา เมื่อพลิกตัวหลบ จอนนี่ อีแวนส์ อย่างเหนือชั้น ก่อนซัดเลียดเข้าไปไม่เหลือ พร้อมกลายเป็นชัยชนะของทีมด้วยสกอร์ 4-0

อีกคนหนึ่งที่ทำผลงานได้โดดเด่นนอกเหนือกจาก สเป็คเตอร์ กับ โคล และน่าจะสำคัญที่สุดในเกมวันนั้นก็คือ วิคเตอร์ โอบินน่า กองหน้าดีกรีทีมชาติไนจีเรีย

โอบินน่า ย้ายจาก อินเตอร์ มิลาน มาเล่นให้ทีมจากลอนดอน ด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล และในเกมลีกคัพวันนั้นน่าจะเป็นเกมที่เขาทำผลงานได้ดีที่สุดกับทีม หลังมีส่วนร่วมกับประตูทั้งหมดด้วยการเหมาคนเดียว 4 แอสซิสต์

จำนวนแอสซิสต์ดังกล่าวแค่เกมเดียว กลับมากกว่าที่เขาทำได้จากการลงเล่นในพรีเมียร์ลีกทั้งหมด 25 นัดในฤดูกาล 2010-11 รวมกันเสียอีก

 

เรื่องดีๆก่อนหนีตกชั้น

Blues beat West Ham - Eurosport

หลังเกมนั้นนี่ถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับ เวสต์แฮม กับการพบกับ แมนยูไนเต็ด ในรอบ 80 ปีด้วย กับสกอร์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นตรงหน้า รวมถึงเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในฤดูกาลของพวกเขาด้วย

ที่เหลือเชื่อคือทีมของ อัฟราม แกรนท์ สามารถเอาชนะ ทีมสุดแกร่งเบอร์ต้นๆของลีกผู้ดี ซึ่งไม่เคยปราชัยให้ทีมไหนตลอดครึ่งปี หรือ 23 นัดที่ผ่านมา ด้วยสกอร์ 4-0 แถมเก็บคลีนชีทได้อีกต่างหาก

อย่างไรก็ตาม ผลงานในลีกของ ‘ขุนค้อน’ ก็ยังลุ่มๆดอนๆ ขึ้นลงอยู่ในโซนอันตรายเรื่อยมา แต่มาฟอร์มดิ่งสุดๆในช่วงเดือนเมษายนปี 2011 ซึ่งเข้าสู่โค้งสุดท้ายของฤดูกาลแล้ว

ทีมของแกรนท์ได้มาโคจรพบกับ พลพรรค ‘ปีศาจแดง’ อีกครั้ง ในอัพตัน ปาร์ค และดูคล้ายหนังม้วนเดิมไม่มีผิด เมื่อขึ้นนำไปก่อน 2-0 ในครึ่งแรกจากลูกจุดโทษของ มาร์ค โนเบิ้ล

แต่ทีมของ เฟอร์กี้ ก็มาบวกเพิ่ม 4 ลูกรวดในครึ่งหลังจนพลิกชนะไปได้ 4-2 และกลับมาทวงแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองได้อีกครั้งเหนือ เชลซี ในบั้นปลาย

ส่วนทีมจากลอนดอนเหนือก็ไม่ชนะใครเลยใน 8 นัดสุดท้าย พร้อมการันตีตกชั้นก่อนใครในฐานะทีมบ๊วยของฤดูกาล

และการสกอร์สุดคาดในเกมลีกคัพเมื่อปี 2010 ก็ไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว เมื่อพวกเขาไม่สามารถเอาชนะ ยูไนเต็ด ได้เลยในอีก 11 นัดต่อมาที่พบกัน 

ฤดูกาล 2010-11 อาจเป็นเต็มไปด้วยความทรงจำแย่ๆมากมายสำหรับแฟนบอล ‘ขุนค้อน’ แต่อย่างน้อยในเกมลีกคัพ รอบ 8 ทีมสุดท้ายก็น่าจะเป็นหนึ่งในเกมแห่งความทรงทำที่พวกเขาจะไม่มีทางลืมไปอีกนานแสนนาน

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดาวรุ่ง
ลุ้นแจ้งเกิด : 10 ดาวรุ่งน่าจับตาศึกคาราบาว คัพ 2021-22