เสริมแบบนี้มีลุ้นแชมป์ : คาดแผนการเล่นเชลซีก่อนลุยซีซั่น 2020-21

 

ไม่มีสโมสรไหนแล้วในซัมเมอร์ปี 2020 ที่ถูกพูดถึงไปมากกว่า เชลซี ในด้านการเสริมทัพที่ลงทุนแบบจัดหนักส่วนทางกับเศรษฐกิจที่ย่ำแย่จากพิษโควิด-19 

 

ณ เวลานี้ สิงห์บลูของ โรมัน อับราโมวิช ใช้เงินคว้านักเตะใหม่ทะลุหลัก 200 ล้านปอนด์ไปแล้วเรียบร้อยในตลาดนักเตะครั้งนี้ หลังล่าสุดเพิ่งคว้าไค ฮาแวร์ตซ์ แนวรุกทีมชาติเยอรมันจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มาร่วมทีมเป็นรายที่ 7 ต่อจาก ฮาคิม ซีเยค, ติโม แวร์เนอร์, เบน ชิลเวลล์, มาล็อง ซาร์, ซาเวียร์ เอ็มบูยามบา และติอาโก้ ซิลวา

 

ด้วยการเสริมทัพแบบทุ่มทุนสร้างครั้งนี้ของ เชลซี ทำให้หลายคนมองว่าทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด มีศักยภาพในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก หรือบอลถ้วยรายการต่างๆอย่างมาก แต่การมาของแข้งใหม่เหล่านี้ย่อมส่งผลต่อแข้งหน้าเก่า และอาจมีการเปลี่ยนระบบการเล่นจากฤดูกาลก่อนแน่นอน

 

แต่ว่า กุนซือชาวอังกฤษจะจัดแผนการเล่นอย่างไรในฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเปิดฉากในวันที่ 12 กันยายน ทาง UFA ARENA จึงขอคาดการณ์และวิเคราะห์ระบบที่ เชลซี อาจใช้งานผ่านบทความนี้กัน

 

 

แผนหลักเน้นเกมบุก

 

 

4-2-1-3 : เกป้า ; ชิลเวลล์, ซิลวา, รูดิเกอร์, เจมส์ ; โควาซิช, กองเต้ ; ฮาเวิร์ตซ์ ; พูลิซิช, แวร์เนอร์, ซีเยค

 

แม้จะมีข่าวว่าอาจไม่ได้อยู่ในแผนทำทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด แต่กุนซือชาวอังกฤษ น่าจะไว้ใจให้ เกป้า อาร์ริซาบลาก้า เป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีม ซึ่งจะครองตำแหน่งนี้ไปได้นานมากแค่ไหนขึ้นอยู่กับฟอร์มในสนามว่าจะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาหรือไม่

 

ด้านเกมรับน่าจะใช้ระบบกองหลัง 4 ตัวตามสูตร ซึ่งอาจใช้ ติอาโก้ ซิลวา เซ็นเตอร์แบ็คมากประสบการณ์ตัวใหม่ลงเล่นเป็นตัวหลักคู่กับ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ที่โชว์ฟอร์มการเล่นสม่ำเสมอที่สุดในตำแหน่งนี้เมื่อซีวั่นก่อน โดยจะใช้ เบน ชิลเวลล์ ที่คว้ามาจาก เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นแบ็คซ้ายตัวจริง และ มี รีช เจมส์ ดาวรุ่งที่แจ้งเกิดในฤดูกาลก่อนเป็นแบ็คขวา

 

ตำแหน่งกองกลางนั้น มาเตโอ โควาซิช จะได้โอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงค่อนข้างแน่นอน เนื่องจากทำผลงานได้สม่ำเสมอที่สุดในแผงมิดฟิลด์ของ เชลซี ฤดูกาลที่ผ่านมา โดยคาดว่า เอ็นโกโล่ ก็องเต้ น่าจะได้โอกาสเล่นคู่กับ แข้งทีมชาติโครเอเชีย มากกว่า จอร์จินโญ่ ส่วนตำแหน่งกองกลางตัวรุก ไค ฮาเวิร์ตซ์ แข้งป้ายแดงรายล่าสุดในซัมเมอร์นี้ น่าจะยึดตัวจริงในตำแหน่งนี้แบบที่หลายคนคาดการณ์ไว้

 

ทางฝั่ง 3 ประสานแนวรุก จะมีการเปลี่ยนแปลงจากฤดูกาลก่อนแน่นอน โดยมี ติโม แวร์เนอร์ หอกฟอร์มแรงที่คว้ามาจาก แอร์เบ ไลป์ซิก เป็นกองหน้าตัวเป้าเหนือ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ หรือ แทมมี่ อับราฮัม ส่วนปีกขวาจะเป็น ฮาคิม ซีเยค เพลย์เมกเกอร์จอมพริ้วที่มาจาก อาแจ็กซ์ ขณะที่ฝั่งซ้ายที่เป็นของคริสเตียน พูลิซิช น่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร หากไม่มีเหตุสุดวิสัยจริงๆ

 

 

แผนชุดผู้เล่นสำรอง

 

 

4-3-3 : กาบาเยโร่ ; อลอนโซ่, ซูม่า, คริสเตนเซ่น, อัซปิลิกวยต้า ; ลอฟตัส ชีค (บาร์คลี่ย์), จอร์จินโญ่, กิลมัวร์ ; โอดอย, อับราฮัม (ชิรูด์), เมาท์ 

 

ตัดมาทางฝั่งชุดสำรองที่ แลมพาร์ด อาจใช้ลงเล่นในเกมบอลถ้วยหรือเพื่อโรเตชั่น แน่นอนว่าผู้รักษาประตูต้องเป็น วิลลี่ กาบาเยโร่ แต่ในส่วนของกองหลัง 4 คน จะมีการเปลี่ยนแปลงพอสมควร โดยแบ่ง มาร์กอส อลอนโซ่ แบ็คซ้าย, เคิร์ต ซูม่า, อันเดรส คริสเตนเซ่น เป็นเซ็นเตอร์แบ็คคู่ และ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า แนวรับสารพัดประโยชน์เป็นแบ็คขวา

 

ในแผงกองกลางอาจจะใช้ระบบ 3 ตัว ที่คาดว่า แลมพาร์ด น่าจะใช้ รูเบน ลอฟตัส ชีค, จอร์จินโญ่ และ บิลลี่ กิลมัวร์ เล่นร่วมกัน แต่อาจมี รอส บาร์คลี่ย์ เป็นสอดแทรกขึ้นมา ขึ้นอยู่กับใครจะทำผลงานได้เข้าตา กุนซือสิงห์บลู มากน้อยแค่ไหน

 

การมาของ ซีเยค, แวร์เนอร์ และ ฮาเวิร์ตซ์ ส่งผลกระทบต่อแนวรุกหน้าเก่าของ เชลซี อย่างมาก และอาจทำให้พวกเขาต้องกลายเป็นตัวเลือกเบอร์ 2 อย่างเลี่ยงไม่ได้ ทั้ง คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย, เมสัน เมาท์ ที่น่าจะลงเล่นในตำแหน่งปีกซ้ายและปีกขวาตามลำดับ

 

ส่วนตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า แทมมี่ อับราฮัม ดาวรุ่งชาวอังกฤษ คงต้องแข่งขันแย่งตำแหน่งหัวหอกเบอร์ 2 ประจำทีมกับ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ดาวยิงมากประสบการณ์ทีมชาติฝรั่งเศสที่เคยเบียดเขาเป็นตัวสำรองมาแล้วในช่วงท้ายฤดูกาล 2019-20

 

 

ชุดผสมแบบกองหน้าคู่หู

 

 

4-4-2 ไดมอนด์ : เกป้า ; อัซปิลิกวยต้า, คริสเตนเซ่น, รูดิเกอร์, เจมส์ ; จอร์จินโญ่, กองเต้, โควาซิช, ฮาเวิร์ตซ์ หรือ ซีเยค (กองกลางตัวรุก) ; แวร์เนอร์, อับราฮัม

 

ด้วยตารางการแข่งขันที่อัดแน่นตลอด 9 เดือนข้างหน้า ทำให้แต่ละทีมต้องทำการโรเตชั่นนักเตะเพื่อรักษาสภาพความฟิตของทีมให้พร้อมสำหรับเกมต่อๆไป แต่สำหรับทีมใหญ่ๆอย่าง เชลซี ครั้นจะเปลี่ยนไปใช้ตัวสำรองยกชุดทั้ง 11 คนหลายๆนัด ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเท่าไหร่ หากหวังลุ้นคว้าแชมป์ในซีซั่นหน้าจริงๆ

 

เพราะฉะนั้นเชื่อว่า แลมพาร์ด อาจคิดแผนการเล่นที่ผสมผู้เล่นตัวจริงและตัวสำรองลงเล่นพร้อมๆกันในช่วงเวลาที่จำเป็นไว้บางแล้วเช่นกัน

 

อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า เกป้า น่าจะได้โอกาสเป็นมือหนึ่งในทีมเหนือ กาบาเยโร่ ส่วนแผงหลังอาจถอด ติอาโก้ ซิลวา ในตำแหน่งเซ็นเตอร์ และ เบน ชิลเวลล์ ที่เป็นแบ็คซ้ายออก และส่ง คริสเตนเซ่น และ อัซปิลิกวยต้า ลงเล่นแทนตามลำดับ

 

ในแผงกองกลาง เราอาจได้เห็น 3 แข้งอย่าง จอร์จินโญ่, ก็องเต้ และ โควาซิช ประสานงานร่วมกันเหมือนที่แฟนบอลสิงห์บลูเห็นได้บ่อยๆในฤดูกาลก่อน แต่สิ่งที่แตกต่างจากเดิมคือ การใช้ ฮาเวิร์ตซ์ หรือ ซีเยค เล่นเป็นกองกลางตัวทำเกม หลังกองหน้า ซึ่งใครจะได้ลงเล่นก่อนนั้นก็ขึ้นอยู่กับ แลมพาร์ด ที่มองว่าคนไหนเหมาะสมในเกมนั้นๆมากกว่ากัน

 

กองหน้าตัวเป้าคือแผนการเล่นที่ แลมพาร์ด ยึดมั่นใช้มาตลอด นับตั้งแต่เริ่มงานกุนซือครั้งแรกที่ ดาร์บี้ และเมื่อย้ายมารับงานในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ยังใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน แต่ปัญหาที่หลายคนพบเห็นในฤดูกาลที่ผ่านมา เมื่อกองหน้าของพวกเขาถูกปิดตายก็แทบไม่สามารถสร้างอันตรายในแดนคู่แข่งได้เลย เช่นช่วงท้ายฤดูกาลที่ อับราฮัม ฟอร์มตก 

 

เพราะฉะนั้นการลองใช้ หัวหอกคู่หู ประสานงานในแดนหน้าอาจจะเป็นตัวเลือกใหม่ที่น่าสนใจไม่น้อย ซึ่งการเข้ามาของ แวร์เนอร์ น่าจะช่วยสร้างความแตกต่างได้และเพิ่มมิติการทำประตูมากกว่าใช้ อับราฮัม หรือ ชิรูด์ ยืนค้ำบอลในแดนหน้าอยู่เพียงลำพัง