เสียหลาย(ร้อย)ล้าน : 5 ผลกระทบกรณีเรือใบโดนแบนบอลยุโรป 2 ปี

 

ข่าวใหญ่ช่วงวันวาเลนไทน์ประจำปี 2020 ที่ผ่านมาคงหนีไม่พ้นเรื่องที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดนยูฟ่าลงดาบห้ามลงแข่งขันฟุตบอลยุโรปเป็นเวลา 2 ปี นับตั้งแต่ฤดูกาลหน้าเป็นต้นไป

 

สาเหตุนี้เกิดมาจากทีมดังจากแมนเชสเตอร์ ถูกพบว่าละเมิดข้อบังคับคลับไลเซนซิงและกฎไฟแนนเชียล แฟร์ เพลย์ อย่างร้ายแรง พร้อมทั้งถูกปรับเงินก้อนโตถึง 30 ล้านยูโร

 

 แต่ซิตี้ก็ได้ออกแถลงการณ์ทันทีว่า พวกเขาจะยื่นอุทธรณ์คดีดังกล่าวกับ ซีเอเอส หรือ ศาลอนุญาโตตุลาการกีฬา ต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม หาก เรือใบสีฟ้า ยื่นอุทธรณ์คดีนี้ไม่ผ่านอาจส่งกระทบร้ายแรงต่อพวกเขาทันที และ UFA ARENA จะพาไปวิเคราะห์ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับยอดทีมแห่งเกาะอังกฤษทีมนี้ในอนาคต

 

 

เป็ป ขอโบกมือลา

 

 

ทันทีที่ข่าวนี้ถูกเผยแพร่ผ่านทางสาธารณะ ไม่แปลกที่แฟนบอลส่วนใหญ่แทบ 100 เปอร์เซนต์ มองว่า เป็ป กวาร์ดิโอล่า จะขอโบกมือลาเรือใบลำนี้แน่นอน เพื่อย้ายไปสโมสรอื่นที่สามารถทำให้เขาชูถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกอีกครั้งนับตั้งแต่ลา บาร์เซโลน่า เมื่อปี 2012 

 

ซึ่งทีมมีข่าวกับกุนซือวัย 46 ปี มากที่สุดคงหนีไม่พ้น ยูเวนตุส ยอดสโมสรจากอิตาลี ที่มีแววอาจเสียแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ภายใต้การคุมทีมของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ 

 

แต่หากย้อนดูประวัติการทำงานที่ผ่านมา กุนซือชาวสแปนิช ถือเป็นอีกคนที่เคารพสัญญาที่มีกับสโมสรมากคนหนึ่งต่อให้มีข่าวทีมอื่นแค่ไหน อย่างเช่นช่วงที่เขาคุม บาเยิร์น มิวนิค ก็ทำหน้าที่ครบสัญญา 3 ปี เพราะฉะนั้นการทิ้งท้ายด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ลีกอีกครั้งก็ถือว่าเป็นจุดจบที่ไม่เลวสำหรับ เป๊บ กับ ทีมสีฟ้าจากแมนเชสเตอร์

 

 

แข้งดังย้ายหนี

 

 

นอกเหนือจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า  นักตะในทีมหลายคนก็อาจเตรียมวางแผนอนาคตใหม่แล้ว หลังได้ยินข่าวนี้ และคงไม่โอเคนักกับการที่ต้องเล่นให้กับทีมที่ถูกแบนจากฟุตบอลยุโรปทุกรายการแบบนี้ในอีก 2 ฤดูกาลข้างหน้า แถมยังไม่เคยได้สัมผัสถ้วยบิ๊กเอียร์เลยด้วยซ้ำ

 

ลีรอย ซาเน่ ที่เสียตำแหน่งตัวจริงในช่วงปีที่ผ่านมา และถูก บาเยิร์น มิวนิค ตามจีบตั้งแต่ซัมเมอร์ที่แล้ว ก็ถูกมองว่ามีแนวโน้มว่าจะลาทีมสูงมากขึ้นกว่าเดิม หรือ เควิน เดอ บรอยน์ ที่เริ่มมีกระแสว่า เรอัล มาดริด กับ ยูเวนตุส ชายตามองเตรียมคว้าตัวไปร่วมทีมในกรณีที่พลาด พอล ป็อกบา จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

หรือแม้กระทั่ง เซร์คิโอ อเกวโร่ ก็อาจเลือกลาทีมพร้อมกับ กวาร์ดิโอล่า ทันทีที่หมดสัญญากับทีมในปี 2021 และยังเล่นในเกมระดับสูงได้สบายๆในวัย 32 ปี หลังจากนั้น

 

อย่างไรก็ตาม ก็พอจะมีข้อดีอยู่บ้าง เพราะอย่างน้อย ซิตี้ก็สามารถดันเหล่าเยาวชนพรสวรรค์สูงขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ได้อย่างเต็มตัว เช่น ฟิล โฟเด้น หรือ ตัวหลักที่อายุไม่มากอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, อายเมริก ลาปอร์ต, เอแดร์สัน, โรดรี้ เอร์นานเดซ ก็มีดีพอในการพาทีมกลับสู่จุดเดิมได้

 

ทว่าปัจจัยดังกล่าวก็ต้องดูที่กุนซือในทีม หากไม่ใช่คนที่มีฝีมือใกล้เคียงกับ เป๊ป แล้ว ก็คงยากที่จะเห็นพวกเขากลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้งในเร็วๆนี้

 

 

การชิงตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีกเข้มข้นกว่าที่เคย

 

 

การที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถูกแบนจากฟุตบอลยุโรปเป็นเวลา 2 ปี น่าจะทำให้แฟนบอลห่ำหั่นแย่งชิงตั๋วไปเล่นศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

เพราะไม่ว่า เรือใบสีฟ้าจะติด 1 ใน 4 อันดับแรกหรือไม่ โควต้าแชมเปี้ยนส์ลีกนั้นก็จะถูกลดมาให้ทีมอันดับ 5 แทน เช่นเดียวกับโควต้ายูโรป้าลีก ทำให้ เชลซี, ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ มีโอกาสที่จะคว้าตั๋วบอลยุโรปถ้วยใหญ่ได้ง่ายกว่าที่เคย 

 

ทีมใหญ่ฟอร์มรูดอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล หรือแม้กระทั่งทีมระดับม้ามืดอย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, วูล์ฟแฮมป์ตัน หรือ เอฟเวอร์ตัน ก็มีโอกาสได้ไปโชว์ฝีเท้าฟุตบอลยุโรปมากขึ้นเช่นกัน แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ผลงานของแต่ละทีมว่าจะสามารถพาตัวเองไปเล่นรายการไหนได้ในฤดูกาลหน้า

 

และมันจะดุเดือดมากกว่านี้ในฤดูกาลต่อไปแน่นอน 

 

 

หงส์อาจคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกสมัยในฤดูกาล 2020-21

 

 

หากพูดถึงคุณภาพของผู้เล่นในปัจจุบัน น่าจะมีแค่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมเดียวที่มีศักยภาพใกล้เคียงกับ ลิเวอร์พูล มากที่สุด แต่ด้วยอาการบาดเจ็บและมาตรฐานที่ตกลงไปมากส่งผลให้พวกเขาหมดโอกาสป้องกันตั้งแต่ไม่ถึงครึ่งฤดูกาลนี้

 

และถ้าหากนักเตะตัวหลักในทีมต่างพากันย้ายหนีไปเล่นให้สโมสร หรือไม่มีกุนซือที่ชื่อ ‘เป๊ป กวาร์ดิโอล่า’ อยู่ในทีม ขอโทษแฟนเรือใบด้วย แต่คงต้องตัดชื่อทีมรักของพวกเขาออกจากตัวเต็งลุ้นแชมป์ในฤดูกาลต่อไปด้วยจริงๆ

 

ขณะที่ทีมใหญ่ด้วยกันอย่าง เชลซี, สเปอร์ส, แมนยูไนเต็ด หรือ อาร์เซน่อล ก็ห่างชั้นกันเกินไป และไม่น่าจะพัฒนาแบบก้าวกระโดดถึงขั้นเบียดลุ้นแชมป์ได้ นั่นจึงทำให้โอกาสที่ หงส์แดง จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นสมัยที่ 2 ในฤดูกาล 2020-21 ยิ่งมีมากขึ้นไปอีก 

 

 

เจ้าของสโมสรอาจเปลี่ยนมือ

 

 

กลุ่มทุนอาบูดาบีจากสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ คือปัจจัยหลักที่เปลี่ยนเรือใบสีฟ้าสุดธรรมดา ให้กลายเรือสำราญลำยักษ์ที่พร้อมท้าชนกับสโมสรอื่นทั่วยุโรป หลังเข้ามาเทคโอเวอร์ในปี 2008

 

แต่ด้วยบทลงโทษจากยูฟ่า อาจทำให้บรรดาผู้บริหารระดับสูงเริ่มฉุกคิดถึงอนาคตต่อไป เนื่องจากการพลาดไปเล่นรายการระดับทวีปอย่าง แชมเปี้ยนส์ลีก ย่อมส่งผลกระทบต่อรายรับรายจ่ายของสโมสรอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และไม่มีทางซิกแซกได้เหมือนครั้งที่ผ่านๆมาด้วย

 

เพราะฉะนั้น เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของสโมสร นั่นก็คือการเปลี่ยนมือเจ้าของทีมหน้าใหม่เข้ามาบริหารแทนกลุ่มอาบูดาบีของ ชีค มันชูร์ หากสโมสรยื่นอุทรณ์ไม่ผ่าน

 

และถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เราอาจเห็นการล่มสลายยุคทองของเรือใบสีฟ้า ถ้านายทุนกลุ่มใหม่ไม่สามารถขับเคลื่อนทีมให้เดินต่อไปข้างหน้า และในกรณีที่แย่ที่สุด พวกเขาอาจตกอยู่ในสภาพเดียวกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด หรือ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ก็เป็นได้