เอเลี่ยนน้อยพลัดถิ่น! 6 แข้งดังจากรั้วลามาเซียที่ออกไปแจ้งเกิดกับทีมอื่น

 

หากพูดถึงสถาบันลูกหนังที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล แน่นอนว่าโรงเรียนฝึกลูกกรอกของ บาร์เซโลน่า หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า “ลา มาเซีย” จะต้องติดท็อป 3 ในใจของแฟนบอลเกือบทุกคนอย่างแน่นอน

 

โดยในตลอดหลายปีหลัง ห้องวิจัยเพาะพันธุ์เอเลี่ยนแห่งนี้ได้สร้างนักเตะชั้นยอดขึ้นมาประดับวงการมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การ์เลส ปูโยล , ชาบี เอร์นานเดซ , อันเดรส อิเนียสต้า , เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ และแน่นอน… ลิโอเนล เมสซี่

 

อย่างไรก็ตาม มีดาวรุ่งจำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่ไม่ได้ถูกโปรโมตขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของอาซูลกราน่า บางรายถูกดึงตัวกลับมาภายหลัง ส่วนบางรายไปแล้วไปลับไม่กลับมา ซึ่งก็ต้องมาดูกันว่า ดานี่ โอลโม่ เด็กจาก ลา มาเซีย รายล่าสุดที่กำลังได้รับการจับตามองในขณะนี้ จะเป็นอย่างไรต่อไปในเส้นทางการค้าแข้งหลังจากเจ้าตัวเพิ่งเลือกเซ็นสัญญากับ แอร์เบ ไลป์ซิก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

 

ทั้งนี้ อนาคตของ โอลโม่ จะออกรูปไหนไม่มีใครทราบ แต่ก่อนจะถึงวันที่ได้รู้ เรามาย้อนดูบรรดารุ่นพี่จากรั้ว ลา มาเซีย ที่ออกไปแจ้งเกิดกับสโมสรอื่นก่อนหน้าเขากันสักหน่อยดีกว่า

 

เคราร์ด ปิเก้

 

 

เคราร์ด ปิเก้ ก้าวเข้ามาฝึกวิชาลูกหนังที่ ลา มาเซีย ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ก่อนที่ในอีก 7 ปีต่อมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะอาศัยจังหวะที่เจ้าตัวยังไม่ถึงวัยเซ็นสัญญาอาชีพ ฉกตัวมาร่วมทีมแบบไม่ต้องเสียสักปอนด์เดียว

 

เมื่อดาวรุ่งชาวสแปนิชย้ายมาเป็นสมาชิกใหม่ของปีศาจแดง เขาได้ค่อยๆพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นนักเรียนระดับหัวกะทิที่ถูกวางตัวให้เป็นอนาคตของสโมสร พร้อมถูกส่งไปเสริมกระดูกกับ เรอัล ซาราโกซ่า ด้วยสัญญายืมตัวระยะยาวในฤดูกาล 2006-07 ซึ่งที่นี่เอง ที่ทำให้แนวรับเลือดคาตาลันเริ่มฉายแววความโดดเด่นออกมาจากการได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง

 

หลังหมดสัญญายืมตัว ปิเก้ กลับคืนถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกครั้งด้วยสถานะที่พร้อมจะขึ้นมาเป็นแกนหลักแล้ว อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ขณะนั้น ยูไนเต็ด มีโคตรปราการเหล็กอย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์ กับ เนมานย่า วิดิช จับคู่กันอยู่ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าตัวจะสอดแทรกเข้าไปได้

 

ซึ่งนั่นทำให้ บาร์เซโลน่า สบโอกาสดึงหวานใจ ชากีร่า กลับบ้านเกิดด้วยค่าตัวเพียง 5 ล้านยูโร และหลังจากนั้น เราคงไม่ต้องบอกแล้วว่าเขาเหนื่อยกับการยกถ้วยแชมป์ขนาดไหนที่ คัมป์ นู

 

เชสก์ ฟาเบรกาส

 

 

อาร์เซน่อล ที่นำโดย อาร์แซน เวนเกอร์ ปฏิบัติการฉกตัว เชสก์ ฟาเบรกาส ออกมาจากยานแม่ในปี 2003 ขณะที่ดาวรุ่งนี้มีอายุเพียงแค่ 16 ปี ซึ่งก็เหมือนกับกรณีของ ปิเก้ คือ เดอะ กันเนอร์ส อาศัยช่วงเวลาที่กองกลางเลือดกระทิงยังเซ็นสัญญาอาชีพไม่ได้ดึงตัวมาอยู่ด้วยแบบไม่ต้องเสียอะไรให้กับยอดทีมจากคาตาลันเลย

 

ด้วยความที่อายุยังน้อย บวกกับการต้องมาปรับตัวกับบรรยากาศที่ใหม่ทั้งหมด ทำให้ ฟาเบรกาส ถูกคาดหมายว่าน่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าที่จะเอาตัวรอดบนลีกอังกฤษได้ อย่างไรก็ตาม มิดฟิลด์หนุ่มจากสเปนกลับใช้เวลาเพียงซีซั่นเดียวในการก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักให้กับทีมชุดใหญ่ พร้อมได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมในปี 2008 ขณะที่อายุได้เพียง 21 ปีเท่านั้น

 

ก่อนที่ในปี 2011 ไอ้หนุ่มมือปาพิซซ่าจะได้กลับมาสู่อ้อมอกของ บาร์ซ่า อีกครั้ง แต่เนื่องจากในเวลานั้นสามกองกลางของอาซูลกราน่าคือ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ , ชาบี เอร์นานเดซ และ อันเดรส อิเนียสต้า ทำให้ ฟาเบรกาส ไม่ได้เล่นในตำแหน่งถนัดอย่างสม่ำเสมอ จนต้องตัดสินใจกลับอังกฤษมาอยู่กับ เชลซี ในปี 2014 และคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ 2 สมัย ในช่วงเวลา 4 ซีซั่นเต็มบนถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์

 

ปัจจุบัน ฟาเบรกาส ในวัย 32 ปี กำลังโลดแล่นในลีกเอิงกับ โมนาโก หลังจากเจ้าตัวอำลาสิงโตน้ำเงินครามมาค้าแข้งที่ฝรั่งเศสตั้งแต่เดือนมกราคมปีที่แล้ว

 

มิเกล อาร์เตต้า

 

 

เจ้านายคนปัจจุบันของ อาร์เซน่อล เคยฝึกปรือฝีเท้าอยู่ที่ ลา มาเซีย ในระหว่างปี 1997-1999 ก่อนที่จะขึ้นมาเล่นให้กับทีมสำรองของ บาร์เซโลน่า ในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวกลับไม่สามารถทะลุขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของอาซูลกราน่าได้ ก่อนจะถูกส่งไปให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ยืมตัวในปี 2001 และอำลาถิ่น คัมป์ นู ไปค้าแข้งกับ กลาสโกว เรนเจอร์ส แบบถาวรในปีต่อมา ทั้งที่ยังไม่เคยสัมผัสเกมอย่างเป็นทางการกับเจ้าบุญทุ่มเลยสักวินาทีเดียว

 

หลังจากเล่นในลีกสกอตแลนด์อยู่ 2 ปี อาร์เตต้า ก็ย้ายไปอยู่กับ เรอัล โซเซียดาด 1 ซีซั่น ก่อนจะโดน เอฟเวอร์ตัน คว้าตัวไปร่วมงานในปี 2004 และที่นี่เอง ที่สร้างเขาให้กลายเป็นกองกลางระดับแนวหน้าของพรีเมียร์ลีก จนถูก อาร์เซน่อล กระชากตัวไปร่วมทัพในปี 2011

 

โดยจอมทัพผู้เกิดที่ซาน เซบาสเตียน ช่วยให้ทีมปืนใหญ่คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้ 2 สมัย ก่อนจะจบเส้นทางการค้าแข้งของตัวเองบนถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดียม หลังจากรับใช้ต้นสังกัดอยู่ 5 ฤดูกาล

 

อดาม่า ตราโอเร่

 

 

แม้ อดาม่า ตราโอเร่ จะไม่ได้มีสายเลือดคาตาลันเลยจากการที่พ่อแม่เป็นชาวมาลี แต่เจ้าตัวก็ถือเป็นเด็กที่เกิดในแคว้นคาตาลุญญ่า และก้าวเข้ามาร่ำเรียนศาสตร์ลูกหนังที่ ลา มาเซีย ตั้งแต่อายุเพียง 8 ขวบ พร้อมได้รับการฟูมฟักในสถาบันแห่งนี้นานถึง 10 ปีเลยทีเดียว

 

แต่ก็เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ปีกเชื้อสายมาลีไม่สามารถแทรกตัวเข้าไปอยู่ในทีมชุดใหญ่ของ บาร์เซโลน่า ที่เต็มไปด้วยแนวรุกระดับพระกาฬได้ จนต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมาพิสูจน์ตัวเองบนเกาะอังกฤษกับ แอสตัน วิลล่า ในปี 2015 และย้ายไปอยู่กับ มิดเดิ้ลสโบรซ์ ในเวลาต่อมา

 

ก่อนที่ในฤดูกาล 2018-19 วูล์ฟแฮมป์ตัน จะคว้า ตราโอเร่ มาเติมพลังทำลายล้างในแนวรุก และตั้งแต่ที่เจ้าตัวลงมาพิฆาต แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เวลานี้ก็คงไม่มีใครไม่รู้จัก “ไอ้ถึก” แห่งทัพหมาป่าอีกแล้ว

 

จอร์ดี้ อัลบา

 

 

จอร์ดี้ อัลบา เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ถูก บาร์เซโลน่า ชุบเลี้ยงตั้งแต่ยังเด็ก โดยอาซูลกราน่าดึงแบ็คซ้ายร่างเล็กมาที่ ลา มาเซีย ตั้งแต่อายุเพียง 9 ขวบ ก่อนที่ต่อมาเจ้าตัวจะย้ายไปอยู่กับทีมเยาวชนของ กอร์เนลล่า ในปี 2005 และทีมเยาวชนของ บาเลนเซีย ในปี 2007

 

โดยแนวรับเลือดคาตาลัน เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังในช่วงที่เล่นให้กับไอ้ค้างคาวในฤดูกาล 2009-10 ก่อนที่จะแจ้งเกิดแบบเต็มตัวในซีซั่น 2011-12 จนถูกเจ้าบุญทุ่มดูดตัวขึ้นยานอีกครั้งด้วยค่าตัว 14 ล้านยูโร ในช่วงซัมเมอร์ปี 2012

 

หลังจากนั้น อัลบา ก็กลายเป็นขุนพลคนสำคัญของ บาร์ซ่า มาตลอดจนถึงปัจจุบัน และกวาดแชมป์รายการสำคัญร่วมกับต้นสังกัดไปถึง 11 ถ้วย ในตลอด 7 ซีซั่นเต็มภายใต้สีเสื้อเลือดหมู-น้ำเงิน

 

เมาโร อิคาร์ดี้

 

 

เมาโร อิคาร์ดี้ แจ้งเกิดขึ้นมากับทีมเยาวชนของ ซามพ์โดเรีย จนหลายคนอาจไม่รู้ว่ากองหน้าสามีเจ๊ วานด้า ก็เป็นศิษย์เก่าจาก ลา มาเซีย ด้วยเหมือนกัน และอยู่ในสถาบันฝึกเยาวชนของ บาร์เซโลน่า ถึง 2 ปีครึ่ง

 

สำหรับเคสของ อิคาร์ดี้ จะเรียกว่าเป็นการเติบโตขึ้นมาผิดช่วงเวลาก็ย่อมได้ เนื่องจากขณะนั้นอาซูลกราน่ามี เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ใช้แผนการเล่นแบบ “ฟอลส์ ไนน์” เป็นกุนซือ นั่นทำให้ดาวยิงอาร์เจนไตน์ที่เกิดมาเพื่อเป็นตัวเป้าขนานแท้ไม่มีโอกาสได้ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ จนต้องย้ายไปอยู่กับทีมเยาวชนของ ลา ซามพ์ ในปี 2011

 

ก่อนที่ในอีก 2 ปีต่อมา หัวหอกเลือดฟ้าขาวจะโยกมาระเบิดฟอร์มกับ อินเตอร์ มิลาน ด้วยการยิงไปถึง 124 ประตู จาก 219 นัดภายในยูนิฟอร์มเนรัซซูรี่ แต่ด้วยปัญหาภายในที่มีกับสโมสร เขาจึงถูกปล่อยมาให้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

 

แม้สังเวียนจะเปลี่ยนไป แต่ อิคาร์ดี้ ก็ยังสร้างความระทมกบาลให้กับนายทวารทีมคู่แข่งได้เช่นเดิม หลังจากเจ้าตัวสังหารไปแล้วถึง 17 ประตู จาก 23 นัดที่ลงล่าตาข่ายให้กับ เปแอสเช ในฤดูกาลนี้