Who is: เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ว่าที่ยอดมิดฟิลด์แห่งอนาคต

Who is: เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ว่าที่ยอดมิดฟิลด์แห่งอนาคต

“ฟ้าขาว” อาร์เจนติน่า เป็นหนึ่งในชาติที่มีคนเอาใจเชียร์มากที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 เพราะนี่อาจจะเป็นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ระดับชาติครั้งสุดท้ายของสตาร์ดังอย่าง ลีโอเนล เมสซี่ ที่ต้องยอมรับว่าเข้าสู่ช่วงปลายอาชีพค้าแข้ง

หลายคนเอาใจช่วยอยากให้เขาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสักครั้ง เพื่อเดินตามรอยแข้งระดับตำนานผู้เป็นพระเจ้าของชาวอาร์เจนไตน์อย่าง “ดีเอโก้ มาราโดน่า”

แน่นอนว่า เมสซี่ คือหัวใจสำคัญของทัพ “ฟ้าขาว” จากการยิงประตูปลุกชีพให้ทีมเข้ารอบในเกมนัดสองที่เอาชนะ “จังโก้” เม็กซิโก 2-0

แต่ในเกมดังกล่าวมีอีกหนึ่งผู้เล่นที่แจ้งเกิดเขาลงมาเป็นสำรองและยิงประตูตอกฝาโลงอย่างสุดสวย นี่คือ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ มิดฟิลด์จอมทัพดาวรุ่ง ที่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงจาก เลอันโดร ปาเรเดส ที่ยิ่งเล่นก็ยิ่งเพลียมาได้

วันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ แข้งที่ถูกคาดหมายว่าในอนาคตจะกลายเป็นเพชรเม็ดงามแห่งวงการฟุตบอล

๐ เด็กหนุ่มที่โพสต์ Facebook ถึงเมสซี่

ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว หลังจบศึกโคปา อเมริกา เมื่อปี 2016 อาร์เจนติน่า ได้เพียงแค่ 2 แชมป์ ลีโอเนล เมสซี่ ดาวเตะคนสำคัญตัดสินใจประกาศข่าวช็อคเลิกเล่นทีมชาติด้วยวัยเพียง 29 ปี ในตอนนั้นสภาพจิตใจของเขาบอบช้ำแบบสุด ๆ เข้าชิงฟุตบอลโลก 2014 แพ้ให้กับ เยอรมนี และยังมาแพ้การดวลจุดโทษให้กับ ชิลี ในการชิงแชมป์ทวีปอีก

ในตอนนั้น เด็กหนุ่มนามว่า เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ที่เป็นเยาวชนของ ริเวอร์เพลท ในวัย 15 ปี ได้เขียนข้อความบน Facebook ร่ายยาวขอร้องให้ ลีโอเนล เมสซี่ ได้โปรดเล่นให้กับอาร์เจนติน่าต่อไป ไม่รู้ว่ามันมีส่วนสำคัญช่วยให้สตาร์ดังรายนี้กลับมาเล่นทีมชาติอีกครั้งหรือไม่

แต่ในปัจจุบันทั้งคู่ได้เล่นฟุตบอลโลกด้วยกัน และประตูที่ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ทำได้ในเกมที่เอาชนะ เม็กซิโก 2-0 คนที่แอสซิสต์ให้เขาก็คือ ลีโอเนล เมสซี่ นั่นเอง

“ผมรู้จักกับเอ็นโซ่เป็นอย่างดีจากแคมป์ทีมชาตินี่แหละ และผมยังเคยปะทะกับเขาในแชมเปี้ยนลีก ด้วย เขาเป็นเด็กที่น่าทึ่ง และเป็นผู้เล่นคนสำคัญสำหรับเรา ผมมีความสุขที่ได้เล่นกับเขากับประตูที่เราทำได้ มันเป็นประตูที่ยอดเยี่ยม” เมสซี่ กล่าวชมรุ่นน้องรายนี้หลังเกมที่ชนะเม็กซิโก

๐ ลูกหม้อจากริเวอร์เพลท

เด็กหนุ่มจาก ซาน มาร์ติน เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 6 ขวบกับ คลับ ลา เรโคว่า สโมสรท้องถิ่นในเมืองหลวงบัวโนส ไอเรส ก่อนที่ผลงานของเขาจะไปเตะตาสโมสรยักษ์ใหญ่ของประเทศอย่าง ริเวอร์เพลท ที่ดีงตัวเข้าไปอยู่กับเยาวชนตั้งแต่ปี 2006 อยู่ฝีกฝีมือกับทีมมาอย่างยาวนานจนได้รับโอกาสขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่เมื่อปี 2019 เติบโตมาในรุ่นเดียวกับ ฆูเลี่ยน อัลบาเรซ หัวหอกของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปัจจุบัน

จุดสำคัญที่ทำให้เขาได้ก้าวขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่คือการถูกปล่อยให้กับ เดเฟนก้า จัสติเซีย ทีมร่วมลีกยืมตัวไปใช้งาน ทำให้เขามีโอกาสได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จนได้รับโอกาสจากกุนซือ มาร์เซโล่ กัลญาร์โด้ ให้กลับมาเล่นชุดใหญ่ของ ริเวอร์เพลท เมื่อเดือนมกราคมปี 2019

“เมื่อ มาร์เซโล่ บอกกับผมเกี่ยวกับ เดเฟนก้า ผมก็ตกลงทันที เพราะมันคือโอกาสที่จะได้แสดงฝีเท้าในสนาม การย้ายไปอยู่ที่นั่นในระยะสั้นทำให้ผมโชคดีที่ได้ร่วมงานกับโค้ชที่ยอดเยี่ยมอย่าง เฮร์นาน เครสโป และเซบาสเตียน เบคคาเซเซ่”

“ผมฝันที่จะกลับมาเล่นให้ ริเวอร์เพลท ตลอด แต่การได้ใช้เวลากับ เดเฟนก้า มันทำให้ผมเติบโตมากขึ้น ไม่ใช่ในฐานะนักเตะอย่างเดียว และเมื่อกลับไป ริเวอร์เพลท อีกครั้ง ผมรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปและโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น” เอ็นโซ่ กล่าว

หลังจากนั้นเขากลายเป็นตัวหลักของทีม ซึ่งผลงานที่โดดเด่นที่สุดคือฤดูกาล 2021-22 พาทีมคว้าแชมป์อาร์เจนติน่า พรีเมร่า ดิวิชั่น จนทำให้ชื่อของเขากลายเป็นที่น่าสนใจของหลายสโมสรในยุโรป

ในช่วงซัมเมอร์ปี 2022 เฟร์นานเดซ ในวัย 21 ปี ได้ย้ายมาค้าแข้งในยุโรปกับ “เหยี่ยวลิสบอน” เบนฟิก้า สโมสรดังจากประเทศโปรตุเกส ด้วยค่าตัว 10 ล้านยูโร พร้อมด้วยอ็อปชั่นเพิ่มเติมอีก 8 ล้านยูโร

โดยลงเล่นเกมแรกในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในคัดเลือกเลกแรก ที่พบกับ มิดทิลแลนด์ และสามารถทำประตูได้ทันที ทำให้การย้ายมาอยู่ในลิสบอนเขากลายเป็นตัวหลักของทีมทันที เพียงแค่เดือนแรกก็ผงาดคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมตำแหน่งมิดฟิลด์ของศึกพรีไมร่า ลีก้า โปรตุเกส

๐ เล่นได้ทุกหมุดในแดนกลาง

สำหรับ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ สามารถเล่นได้อย่างหลากหลายในตำแหน่งมิดฟิลด์ แต่ที่เขาถนัดและลงเล่นมากที่สุดคือ Central Midfielder ที่อยู่ตรงกลางระหว่างแนวรุกและแนวรับ มีหน้าที่ควบคุมการเล่นกลางสนาม โดยผู้เล่นในตำแหน่งนี้จะคอยส่งบอล ไปยังกองกลางตัวรุก และช่วยทีมในการเติมเกมรุกโดยวิ่งไปยังพื้นที่เขตโทษ และช่วยยิงประตู

เขาสามารถเปลี่ยนบทบาทของตัวเองด้วยการถอยลงไปเป็นตัวต่ำอยู่หน้าแนวรับ ที่คอยทำหน้าที่ตัดเกมและยังมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนเกมรับไปเป็นเกมรุก อย่างในปัจจุบันที่รับบทบาทนี้กับทีมชาติอาร์เจนติน่าในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่จะมี โรดริโก้ เด ปอล และอเล็กซิส แม็ค อลิสเตอร์ เป็นตัวขนาบข้างซ้ายขวา

ซึ่งนอกจากบทบาทในการเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวต่ำแล้ว เขายังสามารถเล่นในสไตล์ Box to Box ขึ้นไปช่วยเกมรุก สอดเข้าไปทำประตู โดยบทบาทนี้เขาทำได้ดีมากกับ ริเวอร์เพลท รวมไปถึงต้นสังกัดปัจจุบันอย่าง เบนฟิก้า ที่มี ฟลอเรนติโน่ หลุยส์ ที่เป็นตัวคอยเล่นเกมรับ ทำให้เขาสามารถมีอิสระในการขึ้นไปเล่นเกมรุกมากขึ้น ที่น่าแปลกใจคือเขามีสถิติการเล่นเกมรับที่ยอดเยี่ยมในแง่ของการเข้าสกัดบอลและเปลี่ยนจากรับกลายเป็นรุกได้บ่อยสุด ๆ

โดยในเกมรอบรองชนะเลิศที่ อาร์เจนติน่าถล่มโครเอเชีย 3-0 บทบาทของ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ในเกมดังกล่าวได้เปลี่ยนไป เพราะระบบการเล่นในเกมนั้น ลีโอเนล สกาโลนี่ จัดการส่งมิดฟิลด์ลงมา 4 คน ยืนเรียงหน้ากระดาน 4-4-2 ทำให้เขาได้มีอิสระในการเล่นเกมรุกมากขึ้น เพราะมี เลอันโดร ปาเรเดส เป็นตัวสกรีนหน้าแผงแนวรับ ถือว่าเขาทำได้ดีเลยกับการขึ้นมาช่วยเกมรุก เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งบทบาทที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

๐ ทีมไหนบ้างที่มีข่าวกับเฟร์นานเดซ

ก่อนที่เขาจะย้ายไปอยู่กับ เบนฟิก้า ในโปรตุเกส เจ้าตัวได้รับความสนใจจากหลายสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป อาทิ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด รวมไปถึง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แถมยังมี 2 ทีมจากกรุงลอนดอนอย่าง สเปอร์ส และอาร์เซน่อล ด้วย

การมาเล่นในเบนฟิก้าไม่ถึง 3 เดือนด้วยซ้ำ ก่อนจะเริ่มต้นฟุตบอลโลก 2022 ด้วยฟอร์มที่โดดเด่นทำให้เขาถูกเรียกเป็น 1 ใน 26 ขุนพลของทีมชาติอาร์เจนติน่า แถมยังเป็นตัวหลักในปัจจุบัน ยิ่งผลงานตอนนี้ฉายแววสุด ๆ ทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปที่มิดฟิลด์พรสรรค์สูงรายนี้ โดยเฉพาะ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่เราต่างรู้ดีว่าพวกเขามีปัญหาผู้เล่นในตำแหน่งกองกลาง

ผู้เล่นอย่าง นาบี เกอิต้า และอเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ค่อนข้างชัดว่าจะไม่ได้ไปต่อไปในฤดูกาลหน้า เพราะไม่มีวี่แววที่จะต่อสัญญาใหม่ รวมไปถึง เจมส์ มิลเนอร์ ที่อายุมากขึ้นโรยราไปตามวัย สัญญาฉบับใหม่ของเขายังคงเป็นเครื่องหมายคำถาม แถมผู้เล่นอย่าง ฟาบินโญ่ ก็ฟอร์มจากมาตรฐานเดิม

ทำให้ ลิเวอร์พูล นั้นมีข่าวค่อนข้างหนาหูกับ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ แม้ว่าเป้าหมายอันดับหนึ่งในปัจจุบันที่แฟนบอลกับจิ้นกันเหลือเกินคือ จู๊ด เบลลิ่งแฮม ดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษของ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แต่เชื่อว่าราคาไม่ถูกแน่ ๆ เผลอ ๆ จะมีหลัก 100 ล้านปอนด์ขึ้นไป บวกกับต้องแย่งชิงกับ เรอัล มาดริด และแมนฯซิตี้อีก ไม่แน่เหมือนกันว่า “หงส์แดง” อาจจะเบนเป้ามาที่ดาวเตะอาร์เจนไตน์แทน

อดีตกุนซือระดับโลกอย่าง สเวน-โกรัน อีริคส์สัน เชียร์แบบออกหน้าออกตาว่าแข้งรายนี้ควรย้ายไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล ทีมที่มีกุนซืออย่าง เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่จะสามารถยกระดับฝีเท้าให้ก้าวขึ้นไปเป็นแข้งระดับซูเปอร์สตาร์ในอนาคต

“ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก ผมไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับตัวของ เฟร์นานเดซ แต่จากที่ผมได้เห็นในตอนนี้ เขาถือว่าเป็นหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งพรสวรรค์สูงเลยล่ะ” อีริคส์สัน กล่าว

“ผมคิดว่าเขาดูมีลักษณะคล้ายกับผู้เล่นหลายคนที่ทำผลงานได้ดีในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่อาจจะต้องการปรับจูนฝีเท้าเล็กน้อย ซึ่งผมเชื่อว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ นั้นเป็นผู้จัดการที่มีศักยภาพเปลี่ยนให้เขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์ได้ ดังนั้นแล้วมันเป็นสัญญาณที่ดีเลยกับข่าวที่ว่า ลิเวอร์พูล ต้องการเขา”

ส่วน แมนฯซิตี้ ก็ถือว่ามีภาษีที่ดีไม่ต่างกัน เพราะเพื่อนชี้ตั้งแต่สมัยค้าแข้งกับ ริเวอร์เพลท อย่าง ฆูเลี่ยน อัลบาเรซ ก็อยู่กับทีม “เรือใบ” ไม่แน่เหมือนกันว่าในช่วงที่อยู่ในแคมป์ทีมชาติ อัลบาเรซ อาจจะแนะเพื่อนของเขาให้ย้ายมาค้าแข้งด้วยกันในเอติฮัต สเตเดี้ยม

๐ เบนฟิก้ารอรับทรัพย์

จนถึงตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่มีอนาคตไกลอย่างไม่ต้องสงสัย ต้องบอกว่าการเลือกย้ายไปเล่นในโปรตุเกสถือว่าตัดสินใจได้ถูกต้อง กว่าการเลือกย้ายแบบก้าวกระโดดไปเล่นในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ หรือ 5 ลีกใหญ่ในยุโรป แถมเบนฟิก้ายังเชี่ยวชาญในเรื่องของการดูแลนักเตะจากแดนลาติน ที่เริ่มต้นค้าแข้งในดินแดนยุโรป

ซึ่งการมาเล่นในโปรตุเกสประเทศแถมยุโรปใต้ ทำให้เขาไม่ต้องเร่งปรับตัวมากนัก ผลงานในสนามก็โดดเด่นอย่างชัดเจน ยิ่งฟอร์มในฟุตบอลโลก 2022 ทำให้มูลค่าของเขาจาก 20 ล้านยูโร ตอนนี้กระโดดไป 40 ล้านยูโรเป็นอย่างต่ำ แต่เชื่อว่า เบนฟิก้า คงไม่ขายราคาแค่นี้อย่างแน่นอน เพราะนักเตะเหลือสัญญากับทีมถึงปี 2027 และยืนกรานว่าจะไม่ปล่อยออกจากทีมหากไม่ได้ราคาตามค่าฉีกสัญญา 120 ล้านยูโร

เรียกได้ว่าพวกเขาดึงมิดฟิลด์มากพรสรรค์เข้ามาในราคาที่เหมาะสม และกำลังจะทำกำไรได้อย่างมหาศาลในอนาคต บ่มตัวอีกสักหน่อยก็รอรับทรัพย์ก้อนโตแบบกรณีที่พวกเขาขาย ดาร์วิน  นูนเญซ ให้กับ ลิเวอร์พูล ได้เลย

ก็ต้องมารอดูกันว่าอนาคตของ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ หลังจบศึกฟุตบอลโลก 2022 จะเป็นอย่างไร คาดว่าอาจจะไม่ย้ายทีมทันทีในช่วงเปิดตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคมนี้ ต้องลุ้นกันอย่างจริงจัง ในช่วงซัมเมอร์ปีหน้า แต่ถ้าเล่นดีแบบนี้อยู่กับ เบนฟิก้า อีกไม่นานอย่างแน่นอน