เฮนริค ลาร์สสัน : ย้อนรอยดีลกองหน้าขัดตาทัพ แมนฯ ยูไนเต็ด เคสเดียวกับ อิกาโล่

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพิ่งจะดึงตัว โอดิออน อิกาโล่ มาเสริมทัพในแนวรุกแบบชั่วคราว ซึ่งหากย้อนเวลากลับไปเมื่อปี 2007 พวกเขาก็เคยประสบความสำเร็จกับแผนการคล้ายกันนี้มาแล้วในรายของ เฮนริค ลาร์สสัน

 

 

การแก้ไขปัญหากองหน้าขาดแคลนกะทันหัน

 

ทีมปีศาจแดงภายใต้การคุมทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ประสบปัญหาพอสมควรในเรื่องของการจบสกอร์ ในหลายๆ เกมแม้ว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายเปิดเกมบุกอยู่ตลอด แต่ก็ไม่ค่อยหาจังหวะลุ้นทำประตูกันได้ ที่สำคัญก็คือเมื่อมีโอกาสทองแล้วก็มักจะพลาดกันไปเอง ส่งผลถึงผลงานโดยรวมที่ไปได้ไม่ไกลดังหวัง

 

สถานการณ์ที่เลวร้ายเข้าไปใหญ่เมื่อ มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้รับบาดเจ็บจนต้องพักยาว ทำให้ภาระในแดนหน้าต้องตกไปอยู่กับ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล เพียงคนเดียว ซึ่งลำพังก็ไม่สามารถพึ่งพาได้สักเท่าไหร่ด้วยฟอร์มการเล่นที่ขาดความสม่ำเสมอ นั่นทำให้ โซลชาร์ จำเป็นต้องเสริมกองหน้าเข้ามาอย่างเร่งด่วนก่อนตลาดปิด สุดท้ายบทสรุปก็คือการยืมตัว อิกาโล่ จาก เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว จนจบฤดูกาล

 

 

ดาวยิงมากประสบการณ์ที่ใช้งานได้ทันที

 

หากว่าใครที่ติดตาม แมนฯ ยูไนเต็ด มาเป็นระยะเวลานานพอสมควร น่าจะยังจำกันได้ดีว่ามันเคยเกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้มาแล้วเมื่อฤดูกาล 2006/07 ซึ่งทีมปีศาจแดงกำลังลุ้นคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี แต่กลับประสบปัญหาตัวรุกเจ็บพร้อมกันหลายคน หนึ่งในนั้นก็คือ โซลชาร์ ที่อยู่ในช่วงบั้นปลายอาชีพค้าแข้ง โดยมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ตลอด

 

สิ่งที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทำในตอนนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับกุนซือหน้าทารก นั่นก็คือการพยายามเฟ้นหากองหน้าที่พร้อมใช้งานทันทีมาช่วยแบ่งเบาภาระของ เวย์น รูนี่ย์ กับ หลุยส์ ซาฮา ซึ่งเป็นกองหน้าธรรมชาติเพียงแค่ 2 คนที่พร้อมใช้งานในตอนนั้น

 

สุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไปปิดดีลคว้าตัว ลาร์สสัน ศูนย์หน้ามากประสบการณ์มาเสริมทัพ ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีที่ เฮลซิงบอร์ก สโมสรในประเทศที่เขาเล่นอยู่ตอนนั้นอยู่ในช่วงปิดฤดูกาลพอดี จึงทำให้ดีลนี้สามารถเจรจาหาข้อสรุปกันได้ง่าย โดยทีมปีศาจแดงจะได้ตัวเขาไปเล่นเป็นเวลา 2 เดือนนิดๆ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 12 มีนาคม ก่อนที่จะต้องส่งตัวกลับต้นสังกัดที่แท้จริง เท่ากับว่าเขาจะอยู่ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไม่ถึงวันสุดท้ายของฤดูกาล

 

 

ความคุ้มค่าในระยะเวลาจำกัด

 

แม้อายุอานามของ ลาร์สสัน จะปาเข้าไปถึง 35 ปี แต่ เฟอร์กี้ ก็รู้ดีว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจจะใช้งานนักเตะหนักขนาดนั้น เพียงแค่เข้ามาช่วยสนับสนุนแนวรุกคนอื่นๆ ก็นับว่าเป็นประโยชน์มากแล้ว

 

ประโยชน์ที่ว่านั้นมาตั้งแต่เกมประเดิมสนาม เมื่อดาวยิงชาวสวีเดนซัดประตูให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกม เอฟเอคัพ ที่เปิดบ้านเอาชนะ แอสตัน วิลล่า จากนั้นเขาก็มากดสกอร์ใน พรีเมียร์ลีก ได้เป็นลูกแรกในวันสุดท้ายของเดือนมกราคม ในเกมถล่ม วัตฟอร์ด 4-0

 

ด้วยผลงานที่น่าประทับใจเกินคาดจึงทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ พยายามที่จะขยายสัญญากับเขา อย่างน้อยก็ขอให้อยู่ช่วยทีมจนถึงจบฤดูกาล แม้ในใจลึกๆ จะรู้ดีว่ามันคงเป็นไปไม่ได้

 

“ผมอยากที่จะให้เขาอยู่ต่อมากๆ แต่เขาก็ได้ให้สัญญากับครอบครัวและทาง เฮลซิงบอร์ก ไปแล้ว และผมก็คิดว่าพวกเราควรจะให้ความเคารพตรงนั้น แต่ผมก็จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อรั้งตัวเขาเอาไว้ให้ได้” ตำนานกุนซือปีศาจแดงกล่าวในขณะนั้น

 

ซึ่งก็เป็นไปตามคาดคือ ลาร์สสัน จะต้องกลับไปยัง เฮลซิงบอร์ก ตามระยะสัญญาที่ได้เซ็นกันเอาไว้ โดยผลงานก่อนอำลาที่เขาได้ฝากเอาไว้ในสีเสื้อปีศาจแดงก็คือการยิงประตูชัยใส่ ลีลล์ ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก ก่อนที่จะลงสนามเป็นครั้งสุดท้ายกับทางสโมสรในเกม เอฟเอคัพ กับ มิดเดิ้ลสโบรช์ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม

 

ความช่วยเหลือจาก ลาร์สสัน ส่งผลดีต่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยการที่พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้สมปรารถนา ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือหนึ่งในดีลยืมตัวที่คุ้มค่าที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสร

 

 

จาก ลาร์สสัน สู่ อิกาโล่

 

ข้ามเวลามายังปัจจุบัน แม้ว่าเป้าหมายของทีมปีศาจแดงจะแตกต่างออกไป เนื่องจากดีที่สุดคงทำได้แค่ลุ้นพื้นที่ท็อปโฟร์ พรีเมียร์ลีก แต่อย่างน้อยการได้ อิกาโล่ ที่เคยผ่านประสบการณ์ค้าแข้งที่อังกฤษกับ วัตฟอร์ด มาแล้วก็น่าจะพอช่วยอะไรๆ ดีขึ้นได้บ้าง รวมไปถึงบอลถ้วยอย่าง เอฟเอคัพ และ ยูโรป้าลีก ที่บางทีมันก็ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจไปได้ไกลก็ได้

 

เชื่อเหลือเกินว่า โซลชาร์ คงหวังให้มันเป็นดีลยืมตัวที่ยอดเยี่ยมเหมือนกับ ลาร์สสัน ซึ่งเขาเคยได้เห็นมาแล้วกับตาตัวเองในสมัยที่ยังเป็นนักเตะ