ถ้าพูดถึงรางวัลส่วนตัวที่นักเตะทั่วโลกอย่างสัมผัสคงหนีไม่พ้นบัลลงดอร์ เเต่ถ้าเป็นในพรีเมียร์ ลีก รางวัลเเข้งยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอก็เป็นที่หมายปองของทุกคน รางวัลนี้จะมอบให้กับนักเตะที่โชว์ฟอร์มโดดเด่นที่สุดในเเต่ละฤดูกาล โหวตโดยนักฟุตบอลอาชีพในอังกฤษ
รางวัลนี้มีกฏเเค่ข้อเดียวคือห้ามโหวตให้ทีมตัว เพราะฉะนั้นจึงไม่มีเกณฑ์อื่นๆทั้งสิ้นอยู่ที่ความพอใจของเเข้งคนนั้น สายตาของเเต่ละคนต่างกัน บ้างก็คิดว่าต้องให้นักเตะในทีมเเชมป์ บางก็คิดว่าไม่ต้องเเชมป์ก็ได้ขอเเค่เก่งพอ ซึ่งวิธีดูเหมือนจะยุติธรรมเเต่ด้วยเหตุนี้จึงมีเสียงครหาออกมาว่าในบางปีคนที่ได้ก็ไม่คู่ควร
เลส เฟอร์ดินานด์
ฤดูกาล 1995–96 เป็นปีที่น่าจดจำอีกปีหนึ่งของนิวคาวเซิล ยูไนเต็ด เเม้ท้ายที่สุดพวกเขาจะพลาดเเชมป์เเต่ก็พลาดให้กับทีมที่ยิ่งใหญ่อย่าง เเมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ห่างเเค่เพียง 5 คะเเนนเท่านั้นเเละจบฤดูกาลที่รองเเชมป์
เลส เฟอร์ดินานด์ ดาวยิงอังกฤษถูกยกให้เป็นเเข้งที่โดดเด่นที่สุดถึงคว้ารางวัลพีเอฟเอมาครอง เนื่องด้วยเเข้งปีศาจเเดงหลายคนเด่นพอกันทำให้ เลส เหมือนจะไม่มีคู่เเข่ง
อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายค้านว่าไม่สมควรเเละมองว่าเจ้าของควรจะเป็น อลัน เชียเรอร์ ยอดดาวยิงของแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ที่เเม้จะพาทีมได้เเค่ที่ 7 เเต่ผลงานส่วนตัวยอดเยี่ยม ซัดไป 31 ประตูคว้าตำเเหน่งดาวซัลโว พร้อมกับ 5 เเฮตทริกในลีกฤดูกาลเดียว
ดาวิด ชิโนล่า
เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่เจ้าของรางวัลพีเอฟเอถูกพูดถึงอย่างมาก เพราะ ชิโนล่า เเทบไม่ได้ทำอะไรโดดเด่นกับสเปอร์สในตอนนั้นเลย ซัดไปเพียง 3 ประตู ซึ่งถือว่าน้อยมากในตำเเหน่งเเนวรุกเเถมพาทีมได้เเค่อันดับ 11 ของลีก เเม้มีเเชมป์บอลถ้วยลีกคัพเเถมมาก็ตาม
ถ้าย้อนกลับไปดูตัวเลือกอื่นๆ ไมเคิล โอเว่น, จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ รวมถึง ดไวท์ ยอร์ค ที่ซัดกันไปคนละ 18 ประตู ขณะที่รายหลังพาเเมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเข้าวินเป็นเเชมป์ด้วย เเต่กลับได้เเค่มองรางวัลนี้ผ่านไป
ไรอัน กิ๊กส์
ฤดูกาล 2008–09 เป็นอีกหนึ่งปีที่ลิเวอร์พูลเอาใกล้เเชมป์ลีกเอามากๆ ภายใต้การทำทีมของ ราฟเอล เบนิเตซ เเม้จะจบได้เพียงอันดับ 2 เเต่กัปตันทีมอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ก็ถูกยกย่องว่าโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นเเละควรคว้ารางวัลพีเอฟเอ
อย่างไรก็ตามหลังการประกาศรางวัลกลายเป็น ไรอัน กิ๊กส์ ปีกตัวเก๋าของเเมนฯ ยู คว้าไปครอง เล่นเอาตะลึงกันทั้งบาง เพราะปีกชาวเวลส์จะเรียกว่าเเทบไม่โดดเด่นอะไรเลยก็ได้ ลงเล่นในลีกเเบบครบ 90 นาทีเเค่ 12 เกมทั้งฤดูกาล เเต่ถ้าจะมองว่าได้เพราะปีศาจเเดงเป็นเเชมป์ก็ได้อยู่ เเต่ในทีมก็มีตัวเลือกอื่นที่เด่นกว่าอย่าง เนมานยา วิดิช กองหลังชาวเซิร์บที่พลาดการลงสนามไปเเค่ 4 เกมตลอดฤดูกาล
เวย์น รูนี่ย์
ปฏิเสธไม่ได้ว่าฤดูกาล 2009–10 เป็นปีที่ดีปีหนึ่งของ รูนี่ย์ เจ้าตัวซัดไป 26 ประตูในลีกเป็นรองดาวซัลโว เเถมยังพาเเมนฯ ยู เป็นรองเเชมป์เเพ้เชลซีเเชมป์ไปเเค่ 1 คะเเนนเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นปีอื่นๆการคว้ารางวัลพีเอฟเอมาครองคงไม่มีใครค้านอะไร เเต่ดันมาคว้าในปีที่มีคนที่ดีกว่า
ข้ามมาดูผลงานของเชลซีทีมเเชมป์ที่มี ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา กองหน้าตัวเก่ง โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น ซัด 29 ประตูเป็นดาวซัลโวเหนือ รูนี่ย์ พาเชลซีเป็นเเชมป์เหนือเเมนฯ ยู เเต่รางวัลกลับตกเป็นของกองหน้าอังกฤษ ไม่เเปลกที่ใครหลายคนจะมองว่า หมูพริ้วไม่คู่ควร
แกเร็ธ เบล
จากเเบ็คซ้ายตัวตลกที่ไม่มีใครยอมรับ แกเร็ธ เบล พัฒนาตัวเองขึ้นมาเป็นปีกระดับโลก โชว์ผลงานได้ดีกับสเปอร์สช่วง 2-3 ฤดูกาล ก่อนจะมาเอาชนะใจเพื่อนร่วมอาชีพคว้ารางวัลพีเอฟเอในฤดูกาล 2010-11
เเม้สเปอร์สของเบลจะโชว์ฟอร์มได้ดีในฟุตบอลยุโรปผ่านเข้าไปเล่นได้ถึงรอบก่อนรองชนะเลิศด้วยการเอาชนะเอซี มิลาน เเต่ก็ไปเเพ้ เรอัล มาดริดเเบบย่อยยับ ย้อนดูผลงานในลีกไก่เดือยทองเเทบไม่มีอะไรโดดเด่น จบเเค่อันดับ 5 เท่านั้น ทำให้รางวัลพีเอฟเอที่เบลได้ถูกวิจารณ์ไม่น้อย
ผลงานดังกล่าวของเบลดูจะสวนทางกับ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ กองหน้าเเมนฯ ยู ที่สามารถพาทีมกลับมาคว้าเเชมป์ลีกอีกครั้งหลังโดนเชลซีฉกไปก่อนหน้านั้น พร้อมกับ 20 ประตูเป็นดาวซัลโวลีกร่วมกับ คาร์ลอส เตเวซ ทำให้เขาถูกมองว่าเหมาะกับตำเเหน่งพีเอฟเอมากกว่าเบล