ปีกตัวเก่งทีมชาติบราซิล อย่าง วิลเลี่ยน เพิ่งย้ายจาก เชลซี ไปอยู่กับทีมคู่ปรับร่วมกรุงลอนดอน อย่าง อาร์เซน่อล แบบไม่มีค่าตัว ยุติการค้าแข้งในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ซึ่งยาวนานกว่า 7 ปี
อย่างไรก็ตาม วิลเลี่ยน ไม่ใช่นักเตะรายแรกที่ตัดสินใจย้ายทีมข้ามฝากระหว่างสองสโมสรคู่รักคู่แค้นอย่าง อาร์เซน่อล และ เชลซี ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาเหตุการณ์ดังกล่าวเคยเกิดขึ้นกับผู้เล่นชื่อดังมาแล้วหลายราย ไมว่าจะเป็น ปีเตอร์ เช็ก, แอชลีย์ โคล, เชส ฟาเบรกาส หรือ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
เพราะฉะนั้นวันนี้ Ufaarena จะขอพาไปจัดทีมร่วมนักเตะที่เคยลงสนามให้กับทั้ง “เดอะกันเนอร์ส” และ “สิงห์บลู” ในระบบแผงฝังการเล่น 3-5-2 ซึ่งเราจะไปดูกันว่า 11 ผู้เล่นในทีมดังกล่าวจะมีใครกันบ้าง
ปีเตอร์ เช็ก | เชลซี ปี 2004 -2015 / อาร์เซน่อล ปี 2015 – 2019
สุดยอดนายทวารชาวเช็ก เริ่มต้นเฝ้าเสาในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับ เชลซี เมื่อซีซั่น 2004/2005 หลังย้ายมาจาก แรนส์ ด้วยค่าตัว 7 ล้านปอนด์ ก่อนทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนกระทั่งก้าวขึ้นมาเป็นมือกาวระดับแถวหน้าของโลก และมีส่วนพาทีม “สิงห์บลู” คว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี 4 สมัย, เอฟเอ คัพ 4 สมัย, ลีก คัพ 3 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย และ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก 1 สมัย
ต่อมาในฤดูกาล 2015 – 2016 เช็ก ตัดสินใจข้ามฝากมาอยู่กับทีมคู่ปรับร่วมกรุงลอนดอนอย่าง อาร์เซน่อล และลงสนามให้กับ “เดอะ กันเนอร์ส” ไปทั้งหมด 139 นัด เก็บไปได้ถึง 54 คลีนชีท พร้อมกับพาสโมสรคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ อีก 1 สมัย นอกจากนั้นอดีตนายด่านทีมชาติเช็ก ซึ่งเพิ่งแขวนถุงมือไปเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่แล้ว ยังคงครองตำแหน่งผู้รักษาประตูที่สามารถรักษาคลีนชีทได้มากสุดของ พรีเมียร์ลีก ด้วยจำนวน 202 เกม จนถึงปัจจุบัน
ดาวิด ลุยซ์ | เชลซี ปี 2011 – 2014 และ 2016 – 2019 / อาร์เซน่อล ปี 2019 – ปัจจุบัน
ปราการหลังทรงแอโฟร ย้ายจาก เบนฟิก้า มาค้าแข้งในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ซีซั่น 2010/2011 และมีบทบาทสำคัญพาทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” ผงาดแชมป์ เอฟเอ คัพ 1 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย และ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก 1 สมัย ก่อนย้ายไปอยู่กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ระหว่างปี 2014 – 2017 ก่อนกลับมาอยู่กับ เชลซี อีกครั้งในฤดูกาลถัดมา พร้อมกับพาทีมซิวแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก เพิ่มเติมอีกอย่างละ 1 สมัย
จนกระทั่งช่วงซัมเมอร์ที่แล้ว ดาวิด ลุยซ์ จัดสินใจโยกจาก เชลซี ไปอยู่กับ อาร์เซน่อล ด้วยค่าตัว 8 ล้านปอนด์ ทว่าผลงานของเจ้าตัวตลอดซีซั่น 2019/2020 กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากจังหวะข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทว่าเข้าได้อยู่กับ “ปืนใหญ่” ต่อไปหลังจบฤดูกาลแน่นอน เนื่องจากเจ้าตัวได้ตกลงต่อสัญญาฉบับใหม่ระยะเวลา 1 ปี กับทีมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
วิลเลี่ยม กัลลาส | เชลซี ปี 2001 – 2006 / อาร์เซน่อล ปี 2006 – 2010
อดีตแนวรับทีมชาติฝรั่งเศส ชุดรองแชมป์ฟุตบอลโลก 2006 ประสบความสำเร็จสุดๆ สมัยที่เจ้าตัวค้าแข้งอยู่กับ เชลซี ระหว่างปี 2001 – 2006 สามารถพายอดทีมแห่งกรุงลอนดอน คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2 สมัย และ ลีก คัพ 1 สมัย จากผลงานลงสนามทั้งหมด 225 นัดรวมทุกรายการ ตลอด 5 ซีซั่นในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์
จากนั้นช่วงหน้าร้อนปี 2006 วิลเลี่ยม กัลลาส โยกข้ามฝั่งมาอยู่กับ อาร์เซน่อล พร้อมสวมเสื้อหมายเลข 10 ซึ่งเดิมทีเป็นเบอร์ของสุดยอดตำนานดาวยิงตัวเก่งชาวเดนมาร์ก อย่าง เดนนิส เบิร์กแค้มป์ สำหรับผลงานของเขากับทีม “ปืนใหญ่” เมื่อซีซั่น 2006/2007 – 2009/2010 ลงสนามให้กับทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ทั้งหมด 142 นัด
แอชลีย์ โคล | เชลซี ปี 2006 – 2014 | อาร์เซน่อล ปี 1999 – 2006
แบ็คซ้ายดีกรีทีมชาติอังกฤษ เริ่มต้นอาชีพการค้าแข้งด้วยการขยับจากทีมระดับเยาวชนขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของ อาร์เซน่อล เมื่อฤดูกาล 1999/2000 ก่อนยึดตำแหน่งตัวจริงในถิ่น ไฮบิวรี่ ซีซั่นต่อมาได้สำเร็จ สำหรับความสำเร็จของ แอชลีย์ โคล กับยอดทีมแห่งนอร์ธลอนดอน คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2 สมัย โดยเฉพาะฤดูกาล 2003/2004 ซึ่งเขามีส่วนสำคัญพาสโมสรสร้างความยิ่งใหญ่ซิวแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีแบบไร้พ่าย พร้อมกับแชมป์ เอฟเอ คัพ อีก 3 สมัย
แต่แล้วในปี 2006 โคล ตัดสินใจครั้งสำคัญย้ายมาอยู่กับคู่อริร่วมเมืองหลวงอังกฤษ อย่าง เชลซี ซึ่งผลงานของเขากับ “สิงห์บลู” ก็ถือว่าประสบความสำเร็จสุดๆ หลังพาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 1 สมัย, เอฟเอ คัพ 4 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย รวมไปถึง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก อีกอย่างละ 1 สมัย โดยนั่นทำให้เขาถูกยกย่องเป็นหนึ่งในแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดตลอดการของศึกฟุตบอลลีกเมืองผู้ดีอีกด้วย
ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า | เชลซี ปี 2005 – 2007 | อาร์เซน่อล ปี 2007 – 2008
มิดฟิลด์ตัวรับเมืองน้ำหอม ย้ายจาก เลอ อาฟร์ มาอยู่กับ เชลซี เมื่อปี 2005 ก่อนมีส่วนช่วยให้ทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ณ เวลานั้น ผงาดคว้าดับเบิ้ลแชมป์ฟุตบอลถ้วยเมืองผู้ดี อย่าง เอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ ได้สำเร็จ ทว่าผลงานโดยรวมของเขากับสโมสรถือว่าไม่ค่อยดีเท่าที่ควร หลังได้รับโอกาสลงสนามแค่เพียง 31 นัดรวมทุกรายการเท่านั้น ตลอด 3 ซีซั่นในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์
หลังจากนั้น ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า โยกมาอยู่กับ อาร์เซน่อล ปี 2007 ซึ่งฟอร์มของเขากับสโมสรถือว่าค่อนข้างน่าผิดหวัง เนื่องจากไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงในถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม และได้ลงสนามแค่เพียง 13 เกมตลอดฤดูกาล 2007/2008 ท้ายที่สุดซีซั่นถัดมา ดิยาร์ร่า ถูกปล่อยร่วมทัพ พอร์ทสมัธ ก่อนย้ายซบทีมยักษ์ใหญ่แดนกระทิงดุ อย่าง เรอัล มาดริด ในปี 2008
เอ็มมานูเอล เปอตีต์ | เชลซี ปี 2001 – 2004 | อาร์เซน่อล ปี 1997 – 2000
ตำนานกองกลางทีมชาติฝรั่งเศส ชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 1998 และแชมป์ยูโร 2000 เป็นอีกหนึ่งคนที่เคยอยู่กับทั้ง เชลซี และ อาร์เซน่อล มาแล้ว ย้อนกลับไปเมื่อปี 1997 เอ็มมานูเอล เปอตีต์ ย้ายจาก โมนาโก มาร่วมงานกับกุนซือเมืองน้ำหอม อย่าง อาร์แซน เวนเกอร์ ในถิ่น ไฮบิวรี่ ก่อนระเบิดฟอร์มเก่งพาสโมสรคว้าดับเบิ้ลแชมป์ เอฟเอ คัพ และ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 1997/1998
หลังจากนั้น เปอตีต์ ย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า เป็นเวลาสั้นๆ 1 ฤดูกาล ก่อนกลับมาค้าแข้งในอังกฤษ อีกครั้งกับ เชลซี ช่วงหน้าร้อนปี 2001 ซึ่งเจ้าตัวกลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีม “สิงห์บลู” ตลอด 3 ซีซั่นกับสโมสร ด้วยผลงานลงสนาม 76 นัด ยิง 3 ประ
ยอสซี่ เบนายูน | เชลซี ปี 2010 – 2013 / อาร์เซน่อล ปี 2011 – 2012
ดาวเตะชาวอิสราเอล ย้ายจาก ลิเวอร์พูล มาอยู่กับ เชลซี เมื่อปี 2010 ทว่าฟอร์มโดยรวมของเจ้าตัวถือว่าไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่นัก ได้รับโอกาสลงสนามไปแค่เพียง 24 เกมเท่านั้นรวมทุกรายการ ตลอด 3 ซีซั่นกับ “เดอะบลูส์”
จกานั้นฤดูกาล 2011/2012 ยอสซี่ เบนายูน ถูก เชลซี ปล่อยร่วมทัพ อาร์เซน่อล ด้วยสัญญายืมตัว 1 ปี ซึ่งทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ จากผลงานลงเล่น 19 เกมในลีก ยิง 4 ประตู นอกจากนั้น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เป็นอีกหนึ่งสโมสรในกรุงลอนดอน ที่ เบนายูน เคยร่วมทีมมาแล้วเช่นกันระหว่างปี 2005 – 2007
วิลเลี่ยน | เชลซี ปี 2013-2020 / อาร์เซน่อล ปี 2020 – ปัจจุบัน
ปีกตัวเก่งชาวแซมบ้า โยกจาก อันจิ มาคัชคาล่า เข้ามาค้าแข้งบนเกาะอังกฤษ กับ เชลซี เมื่อปี 2013 พร้อมกับสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมได้ทันที และเป็นกำลังสำคัญพาสโมสรซิวแชมป์ พรีเมียร์ลีก 2 สมัย ในซีซั่น 2014/2015 และ 2016/2017 รวมไปถึงคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วย เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก อีกอย่างละ 1 สมัย
โดยตลอดระยะเวลา 7 ปี ของ วิลเลี่ยน ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ดาวเตะทีมชาติบราซิล ลงสนามให้กับ “สิงห์บลู” ทั้งหมด 339 นัดรวมทุกรายการ ยิง 63 ประตู กระทั่งล่าสุดเจ้าตัวได้ตัดสินใจย้ายข้ามฝากไปอยู่กับคู่ปรับร่วมกรุงลอนดอน อย่าง อาร์เซน่อล แบบไม่มีค่าตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เชส ฟาเบรกาส | เชลซี ปี 2014 – 2019 / อาร์เซน่อล ปี 2003 – 2011
แข้งซุปเปอร์สตาร์ทีมชาติสเปน ชุดแชมป์ฟุตโลก และแชมป์ยูโร 2 สมัย เริ่มต้นการค้าแข้งอาชีพกับ อาร์เซน่อล ในฤดูกาล 2003/2004 ก่อนก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญให้กับกุนซือ อาร์แซน เวนเกอร์ ด้วยวัยแค่เพียง 17 ปีเท่านั้น ซึ่งตลอดระยะเวลา 8 ซีซั่นกับ “ไอ้ปืนใหญ่” เชส ฟาเบรกาส ลงสนามให้สโมสรไปทั้งหมด 303 นัด ยิง 57 ประตู คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ 1 สมัย
หลังจากนั้น ฟาเบรกาส คัมแบ็คกลับไปอยู่กับสโมสรสมัยยังเป็นเยาวชนอย่าง บาร์เซโลน่า เป็นเวลา 3 ฤดูกาล ก่อนกลับมาเล่นในศึก พรีเมียร์ลีก อีกครั้งกับ เชลซี เมื่อ 2014 ซึ่งเจ้าตัวสามารถพาทีมซิวแชมป์ลีกเมืองผู้ดีฤดูกาลแรกกับสโมสรได้ทันที และคว้าได้อีก 1 สมัย ในซีซั่น 2016/2017 รวมไปถึงถ้วย เอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ อีกอย่างละ 1 สมัย
โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ | เชลซี ปี 2018 – ปัจจุบัน / อาร์เซน่อล ปี 2012 – 2018
ดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศส เริ่มต้นค้าแข้งบนเกาะอังกฤษ กับ อาร์เซน่อล ซึ่งเจ้าตัวทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และสามารถพาสโมสรคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วย เอฟเอ คัพ ได้ถึง 3 สมัย พร้อมกับลงสนามให้ทีมไปถึง 253 นัดรวมทุกถ้วย ยิง 105 ประตู
จนมาถึงซีซั่น 2017/2018 โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เลือกย้ายมาอยู่กับคู่ปรับร่วมกรุงลอนดอน อย่าง เชลซี และช่วยสโมสรคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่มาถึง รวมถึงพา “เดอบลส์” ผงาดแชมป์ ยูโรป้า ลีก ในซีซั่นถัดมา ซึ่งจนถึงปัจจุบัน ชิรูด์ ลงสนามในถิ่น “เดอะ บริดจ์” ไปแล้ว 88 นัด ยิง 28 ลูก
นิโคล่า อเนลก้า | เชลซี ปี 2008 – 2012 / อาร์เซน่อล ปี 1997 – 1999
อดีตหัวหอกเมืองน้ำหอม ย้ายจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มาค้าแข้งกับ อาร์เซน่อล เมื่อปี 1996 ก่อนมีส่วนสำคัญช่วยสโมสรคว้าดับเบิ้ลแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และ เอฟเอ คัพ ซีซั่น 1997/1998 โดยผลงานตลอดการอยู่ในถิ่น ไฮบิวรี่ เจ้าตัวลงสนามทั้งหมด 90 นัดรวทุกรายการ ยิง 28 ประตู
ส่วนผลงานกับ เชลซี ระหว่างปี 2007 – 2012 นิโคล่า อเนลก้า ลงสนามให้กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” 184 เกม ยิง 59 ประตู มีส่วนพาสโมสรคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 1 สมัย และ เอฟเอ คัพ 1 สมัย
