หลังเปลี่ยนสัญชาติได้ไม่นาน แมตตี้ แคช ก็ได้ประเดิมสนามในตำแหน่งแบ็คขวากับทีมชาติโปแลนด์อย่างเป็นทางการ ประเทศที่เขาไม่ได้เกิดลืมตาดูโลก และตำแหน่งที่เขาไม่ได้อยากเล่นในตอนแรก
แต่จุดเปลี่ยนที่ไม่คาดคิดกลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นสำหรับดาวเตะวัย 24 ปี ที่เคยขายของเล่นในเมืองวินด์ซอร์ ก่อนค่อยๆไต่เต้าจากลีก ทู จนก้าวขึ้นเป็นนักเตะระดับพรีเมียร์ลีก
ปัจจุบัน แบ็คขวาตัวหลักของ แอสตัน วิลล่า หรือในชื่อใหม่อย่าง ‘มาเตอุสซ์ โกตอฟก้า’ ได้เล่นร่วมทีมเดียวกับนักเตะอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ จาก บาเยิร์น มิวนิค, วอยเชียค เชสนี่ นายทวารจาก ยูเวนตุส หรือ มาเตอุส คลิช กองกลางจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด หลังประเดิมนัดแรกกับ โปแลนด์ ในฐานะตัวสำรองกับเกมคัดบอลโลกที่ถล่ม อันดอร์ร่า 4-1 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
แต่หากย้อนไปราว 8 ปีก่อนหน้านี้ แคช เกือบยอมแพ้ให้กับอาชีพค้าแข้งไปแล้ว…
ครอบครัวนักกีฬา
แมตตี้ เกิดมาในตระกูลที่มีกีฬาอยู่ในสายเลือดอย่างแท้จริง ทั้งพ่อของเขา สจ๊วร์ต ก็เป็นอดีตนักเตะอาชีพของ เชสเตอร์ฟิลด์, อดัม พี่ชาย ผู้เล่นฟุตบอลกึ่งอาชีพกับ นอร์ธวู้ด เอฟซี หรือ น้องสาวของเขาที่เป็นนักเรียนทุนจากกีฬากอล์ฟในสหรัฐอเมริกา
ซึ่งเป็น สจ๊วร์ต ผู้เป็นนี่เองที่คอยเคี่ยวเข็ญให้ แมตตี้ ทุ่มเทให้เต็มที่กับกีฬาลูกหนังเพื่อก้าวขึ้นไปเป็นนักเตะอาชีพในอนาคต แม้ต้องเล่นบทโหดในบางครั้งก็ตาม
“ผมบอกเขาแต่เรื่องจริงเสมอ ทั้งดีและแย่ เมื่อตอนที่เขายังเด็ก ถ้าผมคิดว่าเขาหรือพี่ชายของเขาไม่ได้ทุ่มเทความพยายามมากพอในเกมฟุตบอลของพวกเขาในสุดสัปดาห์นั้นๆ ผมก็พาพวกเขากลับบ้าน หยิบนาฬิกาจับเวลามา และให้พวกเขาวิ่งรอบสนามขนาด 2 เอเคอร์ใกล้ๆบ้านของเรา” แคชผู้พ่อกล่าวกับ BBC
“ผมเคยพูดกับพวกเขาว่า ‘ทุกครั้งที่พ่อและแม่ของลูกต้องเสียสละวันหยุดสุดสัปดาห์ และถ้าลูกไม่ได้ทุ่มเทกับมัน นี่คือสิ่งที่ลูกจะต้องทำ”
“ผมไม่ใช่พ่อที่คอยโอ๋เอาใจนัก ถ้าเขาหรือลูกพี่ลูกน้องคนอื่นๆ ต้องการแรงกระตุ้น ผมก็จะอยู่ตรงนั้น และถ้าพวกเขาต้องการการปลอบใจ ผมก็จะทำแบบนั้นเช่นกัน”
ส่วน บาร์บาร่า ผู้เป็นแม่อาจไม่ได้เล่นกีฬาอะไรจริงจัง แต่ก็สนับสนุนลูกๆของเธอมาตลอด อีกทั้งด้วยการที่มีเชื้อสายชาวโปล ทำให้ลูกชายของเธอสามารถลงเล่นในทีมชาติโปแลนด์ได้อย่างที่เป็นในปัจจุบันด้วย
จุดเปลี่ยนจากร้านขายของเล่น
ทว่า แมตตี้ ก็พบจุดหักเหครั้งใหญ่ในชีวิตของเขาในปี 2012 เมื่อถูก วีคอมบ์ วันเดอร์เรอร์ส ปล่อยออกจากทีมในวัย 16 ปี ทั้งๆที่ฟุตบอลเป็นสิ่งที่เขาพยายามทุ่มเทกับมันมากที่สุด
ไม่แปลกที่การถูกปล่อยออกจากทีมกลางคันจะทำให้เด็กหนุ่มจากสลัฟ ดูหลงทางกับชีวิต ไม่รู้ว่าตัวเองจะไปทางไหนดี แต่สุดท้ายก็ได้ สจ๊วร์ต ผู้เป็นพ่อชี้ทางให้อีกครั้ง ด้วยการให้เขาเรียนรู้ชีวิตการทำงานปกติอย่างการเป็นพนักงานขายของเล่นในห้างสรรพสินค้าแดเนี่ยล
“เขาเคยหลงทางมาก่อนนะ” อดีตแข้งวัย 56 ปี กล่าวเสริม
“ภรรยา และผมจึงส่งเขาไปทำงานในห้างสรรพสินค้าแดเนี่ยล เราอยากให้เขามีประสบการณ์การทำงานในชีวิตจริง และมันดีสำหรับเขา มันทำให้เขาสัมผัสถึงชีวิตที่ไม่มีฟุตบอล และเกือบจะเป็นแบบนั้นแล้ว”
ทว่าจุดนี้เองที่ทำให้ แคชคนลูก มีไฟกับการเล่นฟุตบอลอีกครั้ง และมองว่าอาชีพค้าแข้งคือสิ่งที่เขาต้องการทำมากกว่าสิ่งใด
“ผมจำได้ว่านั่งลงกับเขา และพูดว่า ‘ฟังนะ ถ้าลูกต้องการทำงานในแดเนี่ยล หรือทำงานที่ไหนก็ตาม พ่อและแม้จะสนับสนุนลูก แต่ลูกมีพรสวรรค์ในด้านฟุตบอลมากเกินกว่าจะมาทำแบบนั้นนะ’”
“จากจุดนั้นเอง เขาก็รู้แล้วว่าเขาต้องทำอะไร งานนั้นทำให้เขามีแรงผลักดันที่จะบอกว่า ‘ฉันไม่อยากทำแบบนี้ ฉันอยากเป็นนักฟุตบอลให้ได้’”
จากกองกลางสู่แบ็คขวา
หลังจากปลุกไฟขึ้นมาในตัวอีกครั้ง แมตตี้ ได้เข้าไปฝึกฝนกับอคาเมี่ฟุตบอล FAB ใน บิชแชม แอบบี่ย์ ก่อนถูก น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต ดึงตัวไปร่วมทีม และสโมสรที่ทำให้เขากลายเป็นฟูลแบ็คที่เติมเกมรุกได้เมามันส์ในแบบฟุตบอลสมัยใหม่
แต่ว่าตำแหน่งแรกที่เขาเริ่มเล่นฟุตบอลไม่ใช่แบ็คขวาอาจที่หลายคนเห็นในปัจจุบัน แต่เป็นตำแหน่งกองกลางต่างหาก และเป็นทีม ‘เจ้าป่า’ นี่เองที่เห็นแววของ แมตตี้
“เราพาเขามาทดสอบฝีเท้า หลังไปเล่นเกมอุ่นเครื่องกับ บิชแชม แอบบี่ย์” แกรี่ บราซิล ผู้จัดการทีม ฟอเรสต์ ชุดเยาวชน กล่าว
“ความกระตือรือร้นและความกระหายไปทั่วสนามมันเตะตาเราจริงๆ ตอนแรกเดิมที เขาเข้ามาในตำแหน่งกองกลาง และหลังจากเล่นไปไม่นานก็คิดว่า ‘ว้าว เรามีนักฟุตบอลของจริงอยู่ที่นี่แล้ว’ ”
“เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นเหล่านั้นที่เราคิดว่าเราสามารถเดินทางไปด้วยกันและประสบความสำเร็จบางอย่างได้อย่างแน่นอน”
แข้งเชื้อสายโปล ถูกปล่อยให้ ดาเก้นแฮม แอนด์ เรดบริดจ์ ยืมไปใช้งานช่วงสั้นๆในปี 2016 ก่อนถูกทีม ‘เจ้าป่า’ ดันขึ้นชุดใหญ่ในฤดูกาลถัดมา ซึ่งก็ยังเล่นเป็นกองกลางตัวรุกอยู่
แต่เมื่อเดินทางไปฤดูกาล 2019-20 ฟอเรสต์ เกิดวิกฤต หลังแผงหลังบาดเจ็บกันยกชุด ทำให้ แคช ต้องโยกมาเล่นเป็นแบ็คขวาจำเป็น ก่อนกลายเป็นตำแหน่งถาวรของเขาทันทีหลังจากนั้น
“ผมขอขอบคุณ ซาบรี ลามูชี่ (อดีตกุนซือฟอเรสต์) ที่เปลี่ยนให้ผมไปเล่นฟูลแบ็ค” แมตตี้ กล่าวกับ EFL เมื่อปีที่ผ่านมา
“ผมจำได้ว่ามีคนบอกว่าผมกำลังจะได้เล่นเป็นแบ็คขวาช่วงพรีซีซั่น และผมก็ไม่อยากเล่นตำแหน่งนั้นเท่าไหร่ ผมไม่เคยทำมันมาก่อน แต่มันกลับเวิร์คสุดๆ และผมก็รักกับการเล่นในตำแหน่งนั้นมากๆเลย”
ดาวเตะวัย 24 ปี ใช้เวลา 5 ฤดูกาลกับ ฟอเรสต์ และคว้าแข้งยอดยี่ยมของสโมสรในฤดูกาล 2019-20 ก่อนย้ายมาเล่นกับ แอสตัน วิลล่า ในเดือนกันยายนปี 2020 ด้วยค่าตัว 16 ล้านปอนด์ และกลายเป็นแบ็คขวาตัวหลักของทีมจนถึงปัจจุบัน
บทเรียนในอดีตอันแสนมีค่า
ด้วยการเล่นเกมรุกที่สนุกในตำแหน่งแบ็คขวา รวมถึงประตูแรกที่ยิงให้ วิลล่า ในเกมพบ เอฟเวอร์ตัน เมื่อเดือนกันยายน ทำให้ แคช ได้รับการจับตามองมากขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสการเล่นทีมชาติมากขึ้น ก่อนรับสัญชาติใหม่และรับใช้ทีมชาติโปแลนด์อย่างที่เป็นในตอนนี้
“เราเคยพูดว่าเขามีดีพอเล่นให้กับทีมชาติโปแลนด์ ช่วงที่เขาเซ็นสัญญากับ วิลล่า เราพูดถึงเกี่ยวกับการพัฒนาอยู่เสมอ” สจ๊วร์ต กล่าวต่อ
“เราคุยกันเสมอว่าขั้นตอนต่อไปคืออะไร แม้กระทั่งตอนนี้ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว มันคือประสบการณ์ฟุตบอลในทีมชุดใหญ่ จากนั้นมันคือการสร้างตัวเองในทีมชุดใหญ่ที่ฟอเรสต์ ต่อมาคือพรีเมียร์ลีก และตอนนี้เป็นเวทีระดับทีมชาติ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนจริงๆ”
ถึงแม้ประสบความสำเร็จในอาชีพค้าแข้งในระดับหนึ่งแล้ว แต่ แมตตี้ ก็ไม่ลืมว่ามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ทั้งสมัยที่เขาเกือบยกธงขาวให้อาชีพฟุตบอล ก่อนที่การทำงานขายของเล่นในห้างแดเนี่ยลจะทำให้เขากลายเป็นเขาในทุกวันนี้
“เขารู้ว่าเขาได้รับสิทธิพิเศษ เท้าของเขาเดินได้อย่างมั่นคงแล้ว ไม่นานมานี้เขาอาจไม่ได้เป็นแม้แต่นักฟุตบอลด้วยซ้ำ แต่สิ่งนี้มันแสดงให้เห็นว่าคุณสามารถประสบความสำเร็จได้”
“ตอนนี้เขายังคงกลับไปที่ ห้างแดเนียล และเขาพูดกับฉันเสมอว่า ‘พ่อ จำได้ไหมว่าเมื่อก่อนผมเคยทำงานที่นั่น?’ ”
“นั่นทำให้เขาไตร่ตรองว่าเขามาไกลแค่ไหน เขามักพูดบ่อยๆว่าการทำงานที่นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาเคยทำ เพราะมันช่วยให้เขาไปถึงที่ที่เขาต้องการได้”
บทความที่เกี่ยวข้อง
