แฟนบอลต้องรู้! 5 ประเด็นร้อนก่อนเกมนัดชิงลีกคัพ ‘ประจวบ-บุรีรัมย์’

 

สุดสัปดาห์นี้จะมีเกมนัดสำคัญของวงกาลฟุตบอลไทยเกิดขึ้น นั่นก็คือโปรแกรมนัดชิงชนะเลิศศึกฟุตบอล โตโยต้า ลีก คัพ 2019 ระหว่าง พีที ประจวบ เอฟซี จะพบกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งเกมนัดดังกล่าวจะลงฟาดแข้งกันที่สนาม เอสซีจี เมืองทอง สเตเดี้ยม ในวันเสาร์ที่ 28 กันยายนนี้

 

ก่อนเกมมีเรื่องให้พูดถึงกันหลากหลายประเด็นเลยทีเดียว โดยเฉพาะทางฝั่งขุนพล “ต่อพิฆาต” ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ที่พวกเขาสามารถทะลุเข้าถึงนัดชิงศึกฟุตบอลถ้วยได้สำเร็จ ส่วนทางด้านทัพ “ปราสาทสายฟ้า” เองก็ต้องการกลับมาทวงคืนความยิ่งใหญ่ในรายการนี้ให้ได้เช่นเดียวกัน

 

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจ ซึ่งวันนี้ Ufa Arena จะขอพาทุกท่านไปดูกันว่า 5 ประเด็นร้อนก่อนเกมนัดชิง ลีพ คัพ ระหว่าง พีที ประจวบ เอฟซี กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะมีประเด็นไหนที่น่าสนใจกันบ้าง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของเหล่าแฟนบอลก่อนเกมนัดสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น

 

“ต่อพิฆาต” ลุ้นคว้าแชมป์บอลถ้วยใบแรกของสโมสร

 

ต้องยอมรับเลยว่าผลงานภาพรวมของขุนพล “ต่อพิฆาต” พีที ประจวบ เอฟซี เอฟซี ลูกทีม “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ในซีซั่นนี้บนศึก โตโยต้า ไทยลีก ถือว่าพวกเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าพอใจทีเดียว หลังลงเล่นไปแล้วทั้งหมด 27 นัด จาก 30 แมตช์ ในฤดูกาล 2019 รั้งอยู่อันดับที่ 8 ของตาราง สถานการณ์ถือว่าค่อนข้างลอยตัว

 

แต่ที่ยอดเยี่ยมไปกว่านั่นคือ พวกเขาสามารถตบเท้าเข้าสู่เกมนัดชิงชนะเลิศศึกฟุตบอลถ้วยน็อคเอาท์ของเมื่องไทย อย่าง โตโยต้า ลีก คัพ ได้สำเร็จ ด้วยการผ่านทีมแกร่งทั้ง สโมสรฟุตบอลราชนาวี, โปลิศ เทโร และ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ในรอบรองชนะเลิศ

 

โดยนี่ถือเป็นครั้งแรกของยอดเยี่ยมแห่งเมืองประตูสู่ภาคใต้ ที่สามารถทะลุเข้ามาถึงเกมนัดชี้ชะตาศึกฟุตบอลถ้วยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร และถ้าหากพวกเขาคว่ำคู่แข่งอย่างทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ลงได้สำเร็จ “ประจวบ” จะกลายเป็นทีมที่ 6 ต่อจาก การท่าเรือ เอฟซี, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, บีอีซี เทโรศาสน (โปลิศ เทโร), เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่สามารถคว้าถ้วยใบนี้ไปครอง

 

 

เอสซีจี สเตเดี้ยม สังเวียดเกมนัดชิงหนแรก  

 

เอสซีจี สเตเดี้ยม รังเหย้าของยอดทีมยักษ์ใหญ่ อย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด คือหนึ่งในสังเวียดฟาดแข้งระดับแถวหน้าของเมืองไทย เป็นสนามที่ผ่านมาตรฐานของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย และยังมีความเพียบพร้อมทั้งในเรื่องของสภาพสนาม หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากที่สุดแห่งหนึ่งของบ้านเราเลยทีเดียว

 

นั่นจึงไม่น่าใช่เรื่องแปลกอะไร หากสนามแห่งนี้จะถูกใช้เป็นสังเวียนฟาดแข้งเกมนัดชิงชนะเลิศศึก โตโยต้า ลีก คัพ ระหว่าง พีที ประจวบ เอฟซี และ บุรีรมย์ ยูไนเต็ก ในปีนี้ และนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ เอสซีจี สเตเดี้ยม ถูกใช้สำหรับเป็นสนามในเกมชี้ชะตารายการฟุตบอลถ้วยอีกด้วย

 

อย่างไรก็ตามหากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ สนามเหย้าของ “กิเลนผยอง” เคยถูกใช้ในเกมสำคัญมาแล้วมากมายโดยเฉพาะในระดับทีมชาติที่ทัพ “ช้างศึก” เคยเลือกใช้ลงเตะมาแล้วถึง 5 เกม ซึ่งครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปี 2017 ในนัดอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์ ที่ ทีมชาติไทย เอาชนะ ทีมชาติเคนย่า 1 – 0 นอกจากนั้นยังเคยถูกใช้เป็นสนามสำหรับการแข่งขันเกมระดับเอเชียทั้ง ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียรุ่นอายุไปเกิน 16 ปี รอบสุดท้าย เมื่อปี 2014 รวมไปถึงเกมรอบคัดเลือก ศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียรุ่ยอายุไม่เกิน 19 ปี เมื่อปี 2015 มาแล้วเช่นกัน

 

 

ย้อนสถิติที่เคยเจอกันทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ยังเหนือกว่า

 

เป็นหนึ่งในประเด็นที่จะไม่ถูกพูดถึงคงไม่ได้ นั่นก็คือสถิติย้อนหลังของทางฝั่งขุนพล “ต่อพิฆาต” และ ทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ที่เคยลงสนามดวลกันมาก่อนหน้านี้

 

โดยก่อนหน้านี้ทั้งคู่พบกันมาแล้วแค่เพียง 4 ครั้งเท่านั้นและทั้งหมดเกิดขึ้นในศึก โตโยต้า ไทยลีก ซึ่งซีซั่นที่ผ่านมา 2 เกมที่ทั้งสองทีมเจอกัน เป็นทางฝั่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำได้ดีกว่าเอชนะได้แบบทั้งเหย้าและเยือน ส่วนในฤดูกาลนี้เกมนัดแรกที่สนาม ช้าง อารีน่า ลูกทีมของ โบซิดาร์ บันโดวิช สามารถเอชนะมาได้ก่อน 2 – 0 ก่อนแมตช์ล่าสุดที่สนาม สามอ่าว สเตเดี้ยม ทั้งคู่เสมอกันไปแบบไร้สกอร์ 0 – 0

 

นั่นทำให้เมื่อมองย้อนสถิติที่เคยเจอกันมา 4 เกมก่อนหน้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด ชนะ 3 เสมอ 1 ยังไม่เคยแพ้ให้กับ พีที ประจวบ เอฟซี ทว่าท้ายที่สุดแล้วเกมนัดชิงที่กำลังจะเกิดขึ้นคงยังบอกไม่ได้ว่าผลจะจบลงเช่นใด แต่เชื่อเหลือเกินว่าจะเป็นแมตช์ที่ทั้งสองทีมเล่นกันออกมาได้อย่างสนุกสุดมันส์แน่นอน

 

 

เกมนัดชิง ลีก คัพ ยังไม่เคยดวลถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ

 

เป็นเวลากว่า 10 ปี แล้ว นับตั้งแต่ที่ศึกฟุตบอลถ้วยน็อคเอาท์ อย่าง โตโยต้า ลีก คัพ เริ่มต้นประเดิมฟาดแข้งกันอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2010 ซึ่งสโมสรแรกที่สามารถคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จนั่นก็คือ การท่าเรือ เอฟซี ด้วยการเอาชนะคู่ปรับสำคัญอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์ 2 – 1 นับจากนั้นจนถึงปัจจุบันใครจะเชื่อว่าเกมชี้ชะตาแชมป์ในรายการนี้ไม่เคยมีคู่ไหนเลยที่ต้องดวลฝีเท้ากันยาวไปจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ หรือดวลจุดโทษ แม้แต่เกมเดียว

 

นั่นหมายความว่าหาก พีที ประจวบ เอฟซี และ บุรัรมย์ ยูไนเต็ด ไม่สามารถหาผลผู้แพ้ชนะได้ในเวลา 90 นาที เกมนี้จะกลายเป็นคู่ชิงชนะเลิศเกมแรกในศึก ลีก คัพ ที่ต้องหาแชมป์ตัวจริงด้วยการต่อเวลาพิเศษ หรืออาจจะยาวจนถึงช่วงดวลจุดโทษ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ทันทีอีกด้วย

 

 

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับภารกิจทวงบัลลังก์เจ้าฟุตบอล ลีก คัพ

 

ต้องยอมรับว่าสำหรับถ้วย โตโดยต้า ลีก คัพ ทัพ “ปราสาทสายฟ้า” คือเบอร์ 1 ในรายการนี้อย่างแท้จริง เพราะนับตั้งแต่ที่ทัวร์นาเมนต์นี้มีการแข่งขันอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2010 พวกเขาคว้าแชมป์ไปแล้วทั้งหมด 5 สมัย ในปี 2011, 2012, 2013 2015 และ 2016

 

อย่างไรก็ตามตลอด 2 ปีที่ผ่านยอดทีมแดนอีสานใต้ไม่สามารถทะลุเข้ามาถึงนัดชิงชนะเลิศในถ้วยใบนี้ได้เลย กระทั่งฤดูกาลนี้ที่พวกเขามีลุ้นกลับมาสร้างความยิ่งใหญ่ในรายการนี้ได้อีกครั้ง หากสามารถเอาชนะคู่แข่งสุดแกร่งอย่างทีม “ต่อพิฆาต” ได้สำเร็จ

 

ซึ่งหาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ผงาดคว้าแชมป์ โตโดยต้า ลีก คัพ ซีซั่นนี้ได้ตามที่พวกเขาตั้งเป้าไว้ นี้จะเป็นการซิวถ้วยรายการดังกล่าวเป็นสมัยที่ 6 ของทัพ “ปราสาทสายฟ้า” มากที่สุดในเมืองไทย และจะเป็นแชมป์ถ้วยใบที่ 24 รวมทุกรายการของสโมสรอีกด้วย