แฟนบอลต้องรู้! 5 ประเด็นร้อนก่อนเกม “แดงเดือด” นัดที่ 203

 

“ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโปรแกรมนำสำคัญที่ต้องเปิดรังเหย้า โอลด์แทรฟฟอร์ด ทำศึก “แดงเดือด” นัดที่ 203 พบกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในคืนวันอาทิตย์นี้

 

เกมนี้ถือว่าเป็นแมตช์ที่มีความสำคัญอย่างมากกับทั้งสองทีม โดยเฉพาะทางฝั่ง “ปีศาจแดง” เจ้าบ้านที่ช่วงหลังทำผลงานไม่ค่อยดีเท่าไรนัก และจำเป็นต้องสร้างผลงานการแข่งขันที่ดีในเกมนี้ให้ได้ เพื่อเรียกความมั่นของพวกเขากลับมาอีกครั้ง ขณะเดียวกันทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยมในซีซั่นนี้เช่นกัน

 

แมตช์ดังกล่าวมีหลายประเด็นให้แฟนบอลได้ตามติดกัน ซึ่งวันนี้ UFA Arena จะขอพาไปดูกันว่า 5 ประเด็นร้อนก่อนเกม “แดงเดือด” นัดที่ 203 จะมีอะไรกันบ้าง ลองไปติดตามเพื่อเป็นการอุ่นเครื่องก่อนที่เกมนัดสำคัญนัดนี้จะลงฟาดแข้งกันอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

 

 

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยังไร้สกอร์เกมแดงเดือด

 

ดาวยิงทีมชาติอียิปต์ โชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ ลิเวอร์พูล นับตั้งแต่ย้ายจาก โรม่า มาค้าแข้งในถิ่น แอนฟิลด์ ตลอด 2 ซีซั่นที่ผ่านมา ด้วยสถิติลงสนามให้ทีมทั้งหมด 116 นัดรวมทุกรายการ ยิงไปถึง 77 ประตู อย่างไรก็ตาม 4 เกมก่อนหน้านี้ที่เขาเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจ้าตัวไม่สามารถซัดประตูคู่แข่งทีมนี้ได้เลย

 

โดยหากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ลงสนามในสีเสื้อของ “หงส์แดง” ดวลกับ “ปีศาจแดง” ไปแล้วทั้งหมด 4 เกม ต้องยอมรับว่าเจ้าตัวมักจะโชว์ฟอร์มไม่ค่อยออก และทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังสุดๆ ยามที่เขาต้องลงสนามในเกม “แดงเดือด”

 

 

“ปีศาจแดง” แข้งแกนหลักเจ็บระนาว

 

ถือเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวสำหรับกุนซือใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ไม่น้อย หลังทีมกำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของนักเตะ โดยเฉพาะในรายของแข้งสำคัญทั้ง ดาบิด เด เคอา และ ปอล ป็อกบา ที่อาจพลาดลงสนามในเกมที่นัดนี้

 

ต้องยอมรับว่าหาก “เดอะ เรด อาร์มี่” ขาดแข้งแกนหลักทั้งสองคนไปในเกมที่จะพบกับ “หงส์แดง” คงเป็นงานหนักของพวกเขาไม่น้อย และคงเป็นเรื่องยากที่จะหาใครมาแทนทั้งคู่ได้ โดยเฉพาะในรายของ ปอล ป็อกบา ซึ่งถือเป็นหัวใจในแดนกลางของทีมเลยทีเดียว ขณะเดียวกันถึงแม้ ดาบิด เด เคอา ช่วงหลังอาจจะมีข้อผิดพลาดให้เห็นบ้าง แต่เขาก็ยังถือเป็นผู้รักษาที่ไว้ใจได้อยู่ ดังนั้นหากทั้งสองคนลงไม่ได้ในแมตช์นี้ คงเป็นเรื่องที่เสียหายของยอดทีมแห่งเมืองแมนเชสเตอร์เลยทีเดียว

 

นอกจากแกนหลักทั้งสองคนแล้ว ยังมีลูกทีมของเฮดโค้ชชาวนอร์เวย์ อีกหลายรายที่ยังต้องลุ้นว่าจะพร้อมลงสนามในเกมนี้หรือไม่ ทั้ง อารอน วาน-บิสซาก้า, ดาเนียล เจมส์, อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล, ลุค ชอว์ และ เจสซี่ ลินการ์ด

 

 

เทียบฟอร์ม 5 เกมหลังสุดถือว่าสูสี

 

แน่นอนว่าแมตช์ “แดงเดือด” ถือเป็นหนึ่งในเกมที่สำคัญมากที่สุดนัดหนึ่งของทั้งสองทีมในแต่ละฤดูกาล มันเป็นเกมแห่งศักดิ์ศรีที่ทั้ง “ปีศาจแดง” และ “หงส์แดง” ไม่ทางยอมแพ้กันง่ายๆ

 

โดยหากย้อนสถิติของทั้งคู่ที่เจอกันทั้งหมด 202 เกมรวมทุกรายการก่อนหน้านี้ เป็นทางฝั่งยอดทีมแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ ที่เหนือกว่า เอาชนะไปได้ 80 เกม เสมอ 56 และ ลิเวอร์พูล เอาชนะไป 66 เกม

 

อย่างไรก็ตามหากนับย้อยหลังแค่เพียง 5 แมตช์หลังสุดที่เจอกัน ต้องบอกเลยว่าคู่นี้สู้กันได้แบบสูสีมากๆ ด้วยสถิติผลัดกันแพ้ชนะคนละเกม และเสมอกัน 3 นัด เกมล่าสุดที่เจอกันที่สนาม โอลแทรฟฟอร์ด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เสมอกันไปแบบไร้สกอร์ 0 – 0

 

ดูแล้วหากเทียบผลงานช่วงหลัง ต้องยอมรับเลยว่าทั้งสองทีมยังสูสีกันมากๆ และเราก็ยังคงบอกไม่ได้แน่นอนว่า ในเกมวันอาทิตย์ที่กำลังจะถึง ทีมใดจะมีโอกาสคว้า 3 แต้มมากกว่ากัน

 

 

แมตช์ชี้ชะตาอนาคต โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

 

อย่างที่เห็นชัดเจนว่าผลงานของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ในการคุม “ปีศาจแดง” ซีซั่นนี้ เจ้าตัวยังโชว์ฟอร์มกับทีมได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่พวกเขาลงสนามไปแล้วทั้งหมด 8 เกม เก็บได้แค่เพียง 9 แต้มเท่านั้น จากผลงาน ชนะ 2 เสมอ 3 และ แพ้ถึง 3 นัด

 

กระทั่งล่าสุดมีรายงานว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการที่จะดึงตัว มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี เฮดโค้ชชาวอิตาลี เข้ามารับงานในถิ่น โอลด์แทรฟฟอร์ด แทนที่ของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่ต้องยอมรับว่าผลงาน และแนวทางการทำทีมของเขายังห่างไกลกับเส้นทางที่จะพาทีมมุ่งไปสู่ความสำเร็จในอนาคต

 

แน่นอนว่าในเกมที่ยอดทีมแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี 20 สมัย จะลงสนามเปิดบ้านพบกับ ลิเวอร์พูล ในวันอาทิตย์นี้ หากเทรนเนอร์จากแดนไวกิ้ง ไม่สามาถพาทีมทำผลงานที่ดีได้ ตัวเขาเองก็อาจจะประสบปัญหาเกี่ยวกับอนาคตในการทำงานกับสโมสรในเร็วๆ แน่นอน

 

 

“หงส์แดง” ลุ้นออกสตาร์ท 13 นัด พรีเมียร์ลีก ดีสุดในประวัติศาสตร์

 

ฤดูกาลนี้ขุนพล “หงส์แดง” ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยมสุดๆ ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังพวกเขาลงเล่นไปแล้ว 8 เกม ชนะรวดทุดนัดเก็บแต้มไป 24 คะแนนเต็ม

 

นั่นหมายความว่าหากอีก 5 เกมที่เหลือ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือโปแรแกรม “แดงเดือด” ที่จะต้องพบกับ “เดอะ เรด อาร์มี่” หากพวกเขาเก็บชัยชนะได้ทั้งหมด ลิเวอร์พูล จะก้าวขึ้นมาเป็นทีมที่ลงเล่นในช่วง 13 เกมแรก ของ พรีเมียร์ลีก ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยการเก็บชัยชนะ 13 นัดรวด แซงหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เคยทำไว้ดีสุดด้วยสถิติ ชนะ 12 เสมอ 1 เมื่อซีซั่น 2017/2018

 

อย่างไรก็ตามอีก 5 เกมที่เหลือของทีมแชมป์ยุโรป 6 สมัย นอกจากจะต้องเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้ว พวกเขายังต้องดวลกับทั้ง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, แอสตัน วิลล่า, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ คริสตัล พาเลซ อีกด้วย