ศึกฟุตบอล โตโยต้า ไทยลีก ซุปเปอร์บิ๊กแมตช์ระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เตรียมเปิดรังเหย้า ช้าง อารีน่า พบกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม เวลา 18.00 น.
โดยก่อนเกมมีประเด็นที่น่าสนใจพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการคุมทีมกับมาเจอต้นสังกัดเก่าของ อเล็กซานเดร กาม่า หรือบทพิสูจน์ครั้งสำคัญกับการเจอทีมใหญ่ของกุนซือมือใหม่ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่แฟนบอลให้ความสนใจในเกมนัดดังกล่าวทั้งสิ้น
นอกจากนั้นยังมีอีกหลายประเด็นที่หน้าสนใจ ซึ่งวันนี้ UFAARENA จะขอพาเหล่าแฟนบอลไปอุ่นเครื่องเตรียมความพร้อมก่อนที่เกมนัดสำคัญศึกไทยลีก ระหว่าง “ปราสาทสายฟ้า” พบ “กิเลนผยอง” จะลงฟาดแข้งกันในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
มาริโอ ยูรอฟสกี้ วัดฝีมือกุนซือเกมใหญ่
อดีตเพลย์เมกเกอร์ระดับตำนาน เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เพิ่งถูกแต่งตั้งให้เข้ามารับงานกุนซือคนใหม่ของสโมสร และประเดิมลงคุมทีมเกมบุกเอาชนะ โปลิศ เทโร 3 – 1 เมื่อสัปดาห์ก่อน
อย่างไรก็ตาม มาริโอ ยูรอฟสกี้ กำลังจะได้พิสูจน์ฝีมือของตัวเองอีกครั้ง กับโปรแกรมสำคัญที่เขาจะต้องพาลูกทีม “กิเลนผยอง” บุกเยือนทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ซึ่งถือเป็นงานหนักและท้าทายความสามารถของเฮดโค้ชมือใหม่ชาวมาซิโดเนีย ไม่น้อยเลยทีเดียว
เพราะฉะนั้นหาก มาริโอ ยูรอฟสกี้ พาลูกทีมบุกไปทำผลงานได้ดีในถิ่น ช้าง อารีน่า น่าจะช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้กับทั้งตัวเขาเองและบรรดาเหล่าแข้ง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้ไม่น้อยแน่นอน
มาริโอ ตัวแสบ “ปราสาทสายฟ้า”
ดาวเตะชาวมาซิโดเนีย ถือเป็นผู้เล่นที่ค่อยสร้างปัญหาให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้บ่อยครั้ง ตั้งแต่สมัยยังคงเป็นผู้เล่น เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จนกระทั่งมาอยู่กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด
โดย มาริโอ ยูรอฟสกี้ มักโชว์ผลงานได้อย่างโดดเด่นในเกมที่เขาเผชิญหน้ากับทัพ “ปราสาทสายฟ้า” และสามารถยิงประตูยอดทีมแดนอีสานใต้ได้ถึง 7 ลูก แบ่งเป็นตอนอยู่กับ “กิเลนผยอง” 5 ประตู และ “แข้งเทพ” อีก 2 ลูก
อย่างไรก็ตามถึงแม้ มาริโอ ทำประตูใส่ บุรีรัมย์ ได้เป็นประจำ แต่เขาก็ไม่เคยพาต้นสังกัดเอาชนะทีม “เซราะกราว” ได้เลยแม้แต่เกมเดียว
อเล็กซานเดร์ กาม่า คุมทีมดวล “กิเลน” ผลงานไม่ดี
เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน กับสถิติการคุมทีมของ อเล็กซานเดร์ กาม่า เกมเจอกับอดีตต้นสังกัดเก่า เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งเรียกได้ผลงานโดยรวมค่อนข้างน่าผิดหวัง ทั้งสมัยที่เจ้าตัวยังอยู่กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หนแรกเมื่อปี 2014 – 2016 และ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ปี 2016 – 2018
โดยตลอดสองปีที่ อเล็กซานเดร์ กาม่า อยู่กับยอดทีมแดนอีสานใต้ เจ้าตัวนำทัพดวลกับขุนพล “กิเลนผยอง” ทั้งหมด 12 นัดรวมทุกรายการ ชนะ 5 เสมอ 4 แพ้ 3 ซึ่งฟอร์มน่าผิดหวังสุดคือการโดน เมืองทอง ยูไนเต็ด บุกมาชนะถึงถิ่น ช้าง อารีน่า 0 – 3 เกม โตโยต้า ไทยลีก เมื่อฤดูกาล 2016
ส่วนช่วงที่เฮดโค้ชชาวบราซิล คุม “กว่างโซ้งมหาภัย” เขาพาทีมลงสนามเจอกับ เมืองทอง ทั้งหมด 6 นัดรวมทุกถ้วย เสมอ 3 แพ้ 3 และไม่เคยเอาชนะได้เลยแม้แต่นัดเดียว ผลงานย่ำแย่สุดคือการโดนบุกมายัดเหยียดความปราชัยถึงถิ่น สิงห์ สเตเดี้ยม 0 – 3 ในเกมไทยลีก ซีซั่น 2018
ฟอร์มของทั้งสองทีมหลังเปลี่ยนโค้ช
ทั้งสองทีมเพิ่งตัดสินใจเปลี่ยนกุนซือพร้อมกันหลังจบเกมสองนัดก่อน โดยทางฝั่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แยกทางกับ โบซิดาร์ บันโดวิช ก่อนดึง อเล็กซานเดร์ กาม่า กลับมารับงานกับสโมสรรอบสอง ซึ่งเจ้าตัวเพิ่งลาออกจากตำแหน่งเฮดโค้ช เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และเป็น มาริโอ ยูรอฟสกี้ อดีตตำนาน “กิเลนผยอง” ถูกดันขึ้นมาคุมทีมแทนที่
สำหรับผลงานนัดประเดิมสนามของ กาม่า กับการรับงานคุม “ปราสาทสายฟ้า” หนสอง ดูไม่ค่อยสวยหรูเท่าไหร่นัก หลังพวกเขาทำได้แค่บุกไปเสมอกับ ตราด เอฟซี 1 – 1 และทีมยังคงต้องมีการปรับจูนกันพอสมควร
กลับกันทางฝั่ง เมืองทอง ยูไนเต็ด ของ มาริโอ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการบุกไปชนะทีมแกร่งอย่าง โปลิศ เทโร ได้ถึงถิ่น บุณยะจินดา 3 – 1 ซึ่งผู้เล่นหลายคนกลับมาทำผลงานดีอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น วิลเลี่ยน ป็อปป์ ที่ยิงคนเดียว 2 ประตู, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, พิชา อุทรา รวมไปถึงผู้รักษาประตูจอมเหนียวอย่าง ดัง วาน ลัม
ประเดิมแฟนบอลเข้าสนามเพิ่มขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์
เรียกว่ามาได้ทันเวลาทีเดียวสำหรับการที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) อนุญาตให้แฟนบอลศึก โตโยต้า ไทยลีก เข้าชมเกมเพิ่มขึ้นจาก 25 เปอร์เซ็นต์ เป็น 50 เปอร์เซ็นต์ ของความจุสนาม ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่สัปดาห์ที่จะถึงนี้เป็นต้นไป
แน่นอนว่าศึกบิ๊กแมตช์ระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด คือเกมที่แฟนบอลทุกคนต่างรอคอยและต้องการเข้าชมเกมการแข่งขัน และถือเป็นเรื่องดีมากที่เกมวันเสาร์นี้แฟนบอลจะได้รับอนุญาตให้เข้าสนาม ช้าง อารีน่า ได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ของความจุสนาม หรือประมาณ 16,300 คน
เชื่อได้เลยว่าด้วยจำนวนแฟนบอล 16,300 คน ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับช่วยสร้างบรรยาการให้เกมการแข่งขันระหว่างสองสโมสรยักษ์ใหญ่ อย่าง “ปราสาทสายฟ้า” และ “กิเลนผยอง” มีมนต์เสน่ห์และสมศักดิ์ศรีสุดยอดเกมดาร์บี้แมตช์ของเมืองไทย
แมตช์สำคัญชี้ชะตาลุ้นคว้าตั๋ว ACL
นอกจากเป็นเกมแห่งศักดิ์ศรีของทั้งสองทีมแล้ว มันยังเปรียบเสมือนเป็นนัดชี้ชะลุ้นตำแหน่งท็อปโฟร์ก่อนจบการแข่งขันเลกแรก โตโยต้า ไทยลีก เพื่อคว้าตั๋วลงเตะในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่น 2021
หลังลงสนามไปแล้ว 9 นัด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รั้งอันดับ 11 มีอยู่ 11 คะแนน ตามหลัง การท่าเรือ เอฟซี ทีมอันดับ 4 ถึง 8 แต้ม กับโปรแกรมที่เหลืออีก 6 นัดก่อนจบเลกแรก ส่วนทางฝั่ง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด อยู่อันดับ 9 มีอยู่ 13 แต้ม ตามหลังท็อปโฟร์ 7 คะแนน
ฉะนั้นเกมวันเสาร์ที่กำลังจะมาถึงสำคัญมากสำหรับทั้งสองทีม โดยเฉพาะ บุรีรัมย์ หากพวกเขาพลาดท่าไม่มีแต้มในบ้านของตัวเอง โอกาสลุ้นคว้าตั๋วลงเล่นศึกฟุตบอลเอเชีย ฤดูกาลหน้าแทบจะลิบหลี่ทันที ขณะเดียวกัน “กิเลนผยอง” อย่างน้อยๆ ต้องมี 1 แต้ม เพื่อให้ยังพอมีหวังทำอันดับแซงบรรดาทีมกลุ่มบนของตารางในอีก 6 นัด ที่เหลือให้ได้
อากิระ นิชิโนะ ไปสนามไหนเจ้าบ้านตายเรียบ
เป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจไม่น้อย สำหรับสถิติการเดินทางไปชมเกมฟุตบอล โตโยต้า ไทยลีก แต่ละสนามของ อากิระ นิชิโนะ กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย ซึ่งผลปรากฏว่าตลอด 10 นัดที่ผ่านมา หลังผ่านช่วงพักเบรคโควิด-19 ไม่ว่าเฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น จะเข้าชมการแข่งขันคู่ไหนก็ตามท้ายที่สุดผลจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของทีมเจ้าบ้านทั้งหมด
โดยสถิติดังกล่าวเริ่มต้นตั้งแต่เกม การท่าเรือ เอฟซี เปิดบ้านพบ โปลิศ เทโร เอฟซี ซึ่งนัดดังกล่าว “สิงห์เจ้าท่า”ถูกปรับแพ้จากปัญหาขัดข้องเกี่ยวกับระบบไฟสนาม จนกระทั่งมาถึงนัดล่าสุดที่ ชลบุรี เอฟซี โดน สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด บุกอัดคาถิ่น 0 – 3 อากิระ นิชิโนะ อยู่ในสนาม ชลบุรี สเตเดี้ยม แมตช์นั่นด้วย
แน่นอนว่าเกมคู่บิ๊กแมตช์ระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งมีเหล่านักเตะแคนดิเดตทีมชาติหลายรายอยู่กับทั้งสองสโมสร ไม่มีทางเลยที่ อากิระ นิชิโนะ จะพลาดเดินทางเข้าชมเกมสนามนัดนี้ และแน่นอนว่าเหล่าแฟนบอล “GU12” คงอดห่วงเกี่ยวกับสถิติที่กล่าวไปของเทรนเนอร์แดนปลาดิบไม่ได้
สถิติ อากิระ นิชิโนะ เข้าชมเกม โตโยต้า ไทยลีก ตลอด 10 นัดที่ผ่านมา
วันที่ 13 กันยายน 2563 การท่าเรือ เอฟซี ถูกปรับแพ้ (ไฟดับ) โปลิศ เทโร เอฟซี 0-2
วันที่ 19 กันยายน 2563 การท่าเรือ เอฟซี แพ้ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด 0-1
วันที่ 20 กันยายน 2563 เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เสมอ สมุทรปราการ ซิตี้ 0-0
วันที่ 26 กันยายน 2563 โปลิศ เทโร เอฟซี แพ้ ชลบุรี เอฟซี 1-2
วันที่ 27 กันยายน 2563 ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด แพ้ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด 0-2
วันที่ 3 ตุลาคม 2563 สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด แพ้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 0-1
วันที่ 4 ตุลาคม 2563 การท่าเรือ เอฟซี ไฟดับ เกือบโดนปรับแพ้ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
วันที่ 17 ตุลาคม 2563 บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เสมอ สมุทรปราการ ซิตี้ 2-2
วันที่ 24 ตุลาคม 2563 สมุทรปราการ ซิตี้ แพ้ สุพรรณบุรี เอฟซี 1-2
วันที่ 25 ตุลาคม 2563 ชลบุรี เอฟซี แพ้ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด 0-3