ก่อนหน้านี้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เพิ่งออกมายืนยันว่า การแข่งขันศึกฟุตบอลไทยลีก ในทุกดิวิชั่น จะมีการเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาการแข่งขันใหม่ จากเดิมที่แต่ละซีซั่นลงเตะกันจบภายในปีเดียว โดยเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึงเดือนตุลาคม ถูกปรับมาเป็นการลงเตะแบบข้ามปี ซึ่งฤดูกาลจะเริ่มออกจากสตาร์ทในเดือนกันยายน และปิดฉากลงเดือนพฤษภาคม คล้ายกับรูปแบบของลีกยุโรป
โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ แน่นอนว่าต้องมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นตามมาแน่นอน โดยเฉพาะในแง่ดีที่การแข่งขันฟุตบอลไทย จะไม่ต้องลงเล่นในช่วงหน้าฝนอีกต่อไป ซึ่งนี่ถือเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้การเปิดตลาดนักเตะตรงกับทางฝั่งลีกยุโรป อาจทำให้หลายสโมสรมีโอกาสดึงตัวผู้เล่นฝีเท้าดีจากลีกชั้นนำเข้ามาเล่นในไทยลีก เพิ่มมากขึ้นด้วย
แน่นอนว่านี่อาจจะยังไม่ใช่ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นกับฟุตบอลไทย แต่จะมีเรื่องอะไรกันบ้างนั้น วันนี้เราจะลองมาสรุปให้ฟังกันเป็นข้อ ๆ
สัญญานักเตะได้รับผลกระทบ
นี่ถือเป็นสิ่งแรกที่แต่ละสโมสรในศึกไทยลีก ต้องเผชิญแน่นอน กับปัญหาเรื่องของสัญญานักเตะภายในทีม ที่อาจจะต้องมีการเจรจากับผู้เล่นบางรายใหม่ หลังลีกฟุตบอลไทย ปรับเปลี่ยนช่วงเวลาการแข่งขัน
โดยก่อนหน้านี้มีผู้เล่นหลายรายที่กำลังจะหมดสัญญากับต้นสังกัดหลังจบฤดูกาลตามกำหนดเดิมช่วงเดือนตุลาคมนี้ ทว่าหลังมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแข่งขันใหม่ซึ่งจะเริ่มซีซั่นกันในเดือนกันยายน สัญญาของกลุ่มนักเตะเหล่าจะเกิดปัญหาขึ้นแน่นอน เนื่องจากสัญญาของพวกเขาจะสิ้นสุดลงก่อนที่ศึกไทยลีก จะกลับมาลงเตะกันอีกครั้ง
นั่นหมายความว่าหลังจากนี้แต่ละสโมสรอาจจะต้องมีการเจรจาพูดคุยกับผู้เล่นที่กำลังจะหมดสัญญาใหม่ทั้งหมด หรือต่อสัญญากับนักเตะเหล่านั้นออกไปจนกระทั่งจบฤดูกาลในเดือนพฤษภาคม ปีหน้า
เปิดตลาดนักเตะพร้อมยุโรป ช่วยดึงแข้งฝีเท้าดีสู่ลีกไทย
ถือเป็นเรื่องดีไม่น้อยเลยทีเดียว ที่ตลาดซื้อขายนักเตะในศึกไทยลีก จะเปิดตรงกับบรรดาลีกใหญ่ในยุโรป ไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ, สเปน, เยอรมัน, อิตาลี, ฝรั่งเศส รวมไปถึงอีกหลายๆ ชาติ โดยรอบแรกจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม และรอบที่สองจะเปิดฉากขึ้นวันที่ 1 มกราคม ก่อนปิดลงวันที่ 31 มกราคม
โดยการเปิดตลาดซื้อขายนักเตะแบบดังกล่าว น่าจะช่วยให้สโมสรไทย มีโอกาสคว้าตัวผู้เล่นฝีเท้าดีจากลีกใหญ่ของยุโรป มาร่วมทีมมากขึ้น และยังเป็นการเปิดช่องทางให้กับเหล่านักเตะไทย มีลุ้นย้ายไปค้าแข้งต่างแดนโดยเฉพาะลีกยุโรป ในอนาคตเพิ่มมากขึ้นด้วย
คว้าตัวนักเตะจากลีกท็อปของเอเชีย ยากขึ้น
ถึงแม้ว่าการเปิดตลาดซื้อขายแบบใหม่ อาจทำให้สโมสรไทย มีโอกาสคว้าตัวผู้เล่นฝีเท้าดีจากลีกยุโรป มาร่วมทีมมากขึ้น ขณะเดียวกันการดึงตัวนักเตะจากลีกระดับท็อปของเอเชีย อย่าง ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ กลับยากขึ้นกว่าเดิม
เนื่องจากช่วงเวลาที่ทีมในไทย กำลังเตรียมความพร้อมมองหานักเตะเข้ามาเสริมทีมก่อนเริ่มต้นซีซั่นใหม่ ดันไปตรงกับช่วงระหว่างกลางฤดูกาลของบรรดาลีกใหญ่ในเอเชีย ซึ่งนั่นเป็นเรื่องยากมากที่แต่ละสโมสรจะยอมปล่อยตัวผู้เล่นของตัวเองออกจากทีม
ยิ่งเป็นการมองหานักเตะที่กำลังจะหมดสัญญาในช่วงเวลาดังกล่าว คงเป็นไปไม่ได้เลย เพราะแข้งในลีกเอเชีย ส่วนใหญ่จะหมดสัญญากับสโมสรหลังจบซีซั่น หรือเป็นช่วงเวลาที่ศึกไทยลีก เริ่มต้นฤดูกาลไปแล้วนั่นเอง
เลี่ยงแข่งช่วงหน้าฝน
ถือเป็นปัญหาที่อยู่คู่กับวงการฟุตบอลไทย มาอย่างยาวนาน สำหรับอุปสรรคที่ต้องเจอกับการลงแข่งขันระหว่างช่วงหน้าฝน ในเดือนพฤษภาคม ไปจนถึง สิงหาคม
ที่ผ่านมาศึกฟุตบอลลีกไทย มักจะได้รับผลกระทบจากการลงเตะในช่วงหน้าฝนมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสภาพสนามเละ, โอกาสเสี่ยงที่นักเตะจะได้รับบาดเจ็บ รวมไปถึงจำนวนแฟนบอลที่เข้าชมเกมน้อยลงกว่าในช่วงอื่นๆ
อย่างไรก็ตามปัญหาเหล่านี้กำลังจะหมดไป หลังศึกไทยลีก เตรียมเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาเปิด-ปิดฤดูใหม่ โดยจะเริ่มแข่งขันกันตั้งแต่เดือนกันยายน ไปสิ้นสุดในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ฤดูฝนผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โปรแกรมลีกตรงกับทัวร์นาเมนต์ทีมชาติ
อีกหนึ่งปัญหาที่น่ากังวลเช่นกัน นั่นคือการที่ตารางแข่งขันของฟุตบอลลีกไทย อาจไปตรงกับโปรแกรมทัวร์นาเมนต์ทีมชาติ ทั้ง ซีเกมส์, เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ รวมไปถึง เอเอฟซี เอเชียน คัพ
โดยในส่วนของศึก เอเชียน คัพ รายการดังกล่าวแข่งขันช่วงปฏิทินฟีฟ่าเดย์เดือนมกราคม แน่นอนว่าหากทีมชาติไทย ได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย การแข่งขันฟุตบอลลีกก็คงจำเป็นต้องหยุดพักเบรคเป็นเวลาอย่างน้อยๆ 2 – 3 สัปดาห์ นั่นอาจทำให้หลายสโมสรขาดความต่อเนื่อง ขณะเดียวกันผู้เล่นที่ต้องเดินทางไปรับใช้ชาติคงมีปัญหาในเรื่องของสภาพร่างกายเช่นเดียวกัน ซึ่งนั่นจะส่งผลเสียให้กับต้นสังกัดของพวกเขาแน่นอน
อย่างไรก็ตามสำหรับโปรแกรมในศึก ซีเกมส์ และ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ที่ไม่ได้อยู่ในช่วงฟีฟ่าเดย์ เป็นไปได้ว่าการแข่งขันไทยลีก จะไม่มีการพักเบรคให้กับทั้งสองรายการ และมีโอกาสสูงมากที่เราอาจได้เห็นทีมชุด U19 หรือ U21 ลงเล่นในศึก ซีเกมส์ ขณะที่ทีมชุด U23 จะไปลุยในศึก อาเซียน คัพ แทนนักเตะรุ่นพี่ในทีมชุดใหญ่
ตารางแข่งไม่สอดคล้องกับฟุตบอลสโมสรเอเชีย
โดยปกติแล้วการแข่งขันฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก จะเริ่มออกสตาร์ทตอนต้นปี ซึ่งตรงกับช่วงเวลาเปิดซีซั่นของลีกในเอเชีย และโปรแกรมการแข่งขันยังไม่ค่อยเข้มข้นเท่าไหร่นัก
อย่างไรก็ตามต่อไปนี้ช่วงเวลาที่ศึกฟุตบอลถ้วยสโมสรเอเชีย เริ่มต้นขึ้น จะไปตรงกับระหว่างกลางฤดูกาลในศึกไทยลีก และเป็นช่วงที่หลายทีมกำลังขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด ทว่าสำหรับตัวแทนที่ได้สิทธิ์ลงเล่นในรายการดังกล่าว พวกเขาจำเป็นต้องแบกภาระเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว โดยเฉพาะทีมที่ผ่านเข้าไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งแน่นอนว่าจะมีโปรแกรมการแข่งขันถูกแทรกเข้ามาอีกอย่างน้อย 6 เกม
ขณะเดียวกันหากทีมจากไทย สามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบน็อคเอาท์ได้สำเร็จ โปรแกรมการแข่งขันในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ตั้งแต่ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย จะเริ่มลงสนามในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ศึกไทยลีก ปิดฤดูกาลไปแล้ว