แมตช์ต้องดู!! ย้อนรอย 8เกมสุดมันส์บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก 2018/19

 

ปิดม่านลงไปเรียบร้อยแล้วสำหรับศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกที่จบด้วยการเถลิงแชมป์สมัยที่ 6 ของลิเวอร์พูล ที่สามารถคว้าชัยชนะ

เหนือ สเปอร์ส ไปได้ 2-0 ซึ่งUCLฤดูกาลนี้ถูกกล่าวขานว่าเป็นฤดูกาลที่มีเกมมันส์ๆ และพลิกล๊อคมากมาย

 

แน่นอนว่ามีหลายเกมที่ควรจะเป็นแมตช์ขึ้นหิ้ง วันนี้ทางUFA ARENA จะมาแนะนำ 8เกมในแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาล 2018/19 ที่รับ

ประกันความบันเทิงจนต้องเก็บไว้ดู

 

8.ชาลเก้ 2-3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้

 

 

แมนฯซิตี้ ต้องเจอกับเกมสุดยากลำบากตั้งแต่เกมแรกของรอบน๊อคเอ้า เมื่อต้องออกไปเจอกับชาลเก้ ในช่วงครึ่งแรกทัพเรือใบสีฟ้า

ได้โอกาสออกนำไปก่อนจาก อเกวโร่ ตั้งแต่นาทีที่ 18 แต่ชาลเก้ก็มาเอาประตูคืนได้อย่างรวดเร็วจากจุดโทษ แถมยังเป็นจุดโทษติด

กันถึงสองลูกทำให้จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 2-1ของทางฝั่งเจ้าบ้าน

 

ในช่วงครึ่งหลังสถานการณ์ของแมนฯซิตี้ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เมื่อ โอตาเมนดี้ โดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออก เกมดูเหมือนจะ

จบลงด้วยชัยชนะของฝั่งเจ้าบ้าน ทั้งสกอร์และตัวผู้เล่นก็เหนือกว่าอย่างชัดเจน แต่ความพยายามของทัพเรือใบก็มาแสดงผลในนาที

ที่ 85 เลรอย ซาเน่ ปั่นฟรีคิกเข้าไปอย่างสุดสวย และนอกจากนชจะได้ประตูตีเสมอ ทีมเยือนยังได้ประตูชัยอีกประตูจากจังหวะสวน

กลับนาทีสุดท้าย และเป็น สเตอร์ลิ่ง ที่หลุดเข้าไปซัดพาซิตี้คว้าชัยไปในนัดแรก แถมในเกมนัดสอง ยอดทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์

ก็เป็นฝ่ายเปิดบ้านถลุงคู่แข่งยับเยินไปถึง 7-0

 

7.อาแจ็กซ์ 3-3 บาเยิร์น มิวนิค

 

 

เกมในรอบแบ่งกลุ่มของกลุ่ม E ระหว่างอาแจ๊กซ์ เปิดบ้านพบ บาเยิร์น มิวนิค ถือเป็นเกมแรกที่ทีมพลังหนุ่มอย่างอาแจ๊กซ์เริ่มสั่น

สะเทือนวงการลูกหนังด้วยการเสมอกับ บาเยิร์น มิวนิค ยอดทีมจากบุนเดสลีกาไป 3-3

 

เกมดังกล่าวทัพเสือใต้สามารถออกนำเร็วไปตั้งแต่นาทีที่ 13 และต้องรอไปจนถึงช่วงครึ่งหลังกว่าที่เจ้าบ้านจะมาตีเสมอได้นาที 61

ช่วง10นาทีสุดท้ายถือเป็นจุดพีคของเกม เริ่มจากที่อาแจ๊กซ์ ได้ประตูจากจุดโ?ษในนาทีที่ 82 อีก5นาทีต่อมาฝั่งทีมเยือนก็ได้จุด

โทษเช่นกัน 3นาทีถัดมา บาเยิร์นก็ได้ประตูที่สาม และดูเหมือนจะเป็นฝ่ายกุมชัยชนะไปแล้ว แต่อาแจ๊กซ์ก็ยังไม่ยอมแพ้และมายิง

ประตูตีเสมอได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้เกมจบลงด้วยผลเสมอไปอย่างสุดมันส์

 

6.ลิเวอร์พูล 3-2 ปารีส แซงต์แชร์กแมง

 

 

เกมในรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มC หงส์แดงเปิดบ้านรับการมาเยือนของ เปแอชเช เกมในครึ่งแรกเป็นฝั่งเจ้าบ้านครองเกมบุกอย่างต่อเนื่อง

จนได้ประตูไปถึง 2 ลูกจาก สเตอร์ริดจ์ และ จุดโทษของ มิลเนอร์ แต่ฝั่งเปแอชเช ก็ยังไม่ยอมแพ้มาเอาประตูคืนได้ในช่วงท้ายครึ่ง

แรกจาก โธมัส มูนิเยร์

 

ส่วนในครึ่งหลังทีมเยือนก็ยังคงบุกไม่ขึ้นและโดนลิเวอร์พูลกดใส่อย่างเดียว ความเข้มข้นมันมาเกิดขึ้นในช่วงท้ายเกมนาทีที่ 83

เอ็มบัปเป้ ซัดประตูตีเสมอให้ทีมได้สำเร็จ แต่ก็ดีใจได้ไม่นานในช่วงทดเวลาหงส์แดงก็มายิงประตูขึ้นนำไปได้อีกจาก ฟีร์มิโน่ พร้อม

ท่าดีใจไม่ยิงเยอะเจ็บตา จนถูกพูดถึงบนโลกอินเตอร์เน็ตพาทีมเก็บสามแต้มไปได้

 

5.ปารีส แซงต์แชร์กแมง 1-3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

 

ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 16ทีม แมนฯยูเปิดบ้านพ่ายเปแอชเช มาในนัดแรกถึง 2-0 และดูเหมือนว่าความหวังในการผ่านเข้ารอบต่อ

ไปของพวกเขามันจบลงไปแล้ว

 

แต่ใครจะไปเชื่อว่าในเกมเลกสอง ปาฏิหารของทัพปีศาจแดงจะเกิดขึ้นกับทีมที่เป็นเหมือนทีมพิการ ตัวหลักเจ็บเพียบ ไหนจะพวกที่

ติดโทษแบนอีก ทำให้ในเกมดังกล่าว โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ต้องจำใจส่ง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด และ อันเดรส เปเรยร่า ลง

สนามแต่กองกลางที่ใครต่างมองว่ามีแค่ เปเรยร่าที่พอจะแบกได้ กลับทำผลงานได้ดีจนทีมสามารถเอาชนะทีมดังจากเมืองน้ำหอม

มาได้ 3-1 และส่งทัพปีศาจแดงทะลุผ่านเข้ารอบ 8ทีมไปได้

 

4.เรอัล มาดริด 1-4 อาแจ๊กซ์

 

 

ยอดทีมพลังหนุ่มจากแดนกังหันสร้างปาฏิหารอยู่บ่อยครั้ง ในทัวร์นาเม้นต์นี้ หนึ่งในนั้นคือเกมเลกสองกับเรอัล มาดริด โดยเกมในนัด

แรก อาแจ๊กซ์เปิดบ้านแพ้ราชันชุดขาวมาก่อน 2-1 แน่นอนว่าความหวังในการผ่านเข้ารอบต่อไปแทบไม่มี ยิ่งกับทีมที่อุดมไปด้วยส

ตาร์ดังล้นทีมอย่างมาดริด ยิ่งยากเข้าไปใหญ่

 

แต่ในเกมนัดที่สอง อาแจ๊กซ์กลับทำสิ่งที่เหนือความคาดหมาย พวกเขาบุกมาเยือนถิ่น ซานติอาโก เบอร์นาบิว ด้วยฟอร์มการเล่นที่

เหนือกว่าทัพราชันชุดขาวอย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งการต่อบอล ทำเกม และที่สำคัญคือการจบสกอร์ที่มีมากขึ้นจากเกมนัดแรก และพวก

เขาก็ใช้เวลาแค่ 18นาทีในการเบิกประตูแรก ก่อนจะจบเกมไปด้วยสกอร์ 4-1 และพลิกเข้ารอบต่อไปอย่างน่าเหลือเชื่อ

 

3.อาแจ๊กซ์ 2-3 ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส

 

 

เกมแชมเปี้ยนส์ลีกรอบรองชนะเลิศนัดที่สอง ที่มันส์สุดในระดับที่ว่า เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือของสเปอร์สถึงกับหลั่งน้ำตา โดย

ในเกมแรกทัพไก่เดือยทองเปิดบ้านแพ้ไปก่อน 1-0 การบุกไปเยือนอาแจ๊กซ์ ทีมพลังหนุ่มที่สร้างปาฏิหารโค่นทีมใหญ่มานักต่อนัก

แล้วดูจะเป็นเรื่องยากไม่น้อยสำหรับพวกเขา

 

เปิดเกมมาแค่ 3นาที ฝั่งเจ้าบ้านก็ได้ประตูออกนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว ไม่กี่นาทีต่อมา อาแจ๊กซ์ก็มาได้ประตูที่สอง ทำให้สกอร์รวม

กลายเป็น 3-0 ทีมจากกรุงลอนดอนต้องรอถึงช่วงครึ่งหลังถึงจะได้ประตูตีไข่แตกจาก ลูคัส มูร่า แถมอีกไม่กี่นาทีต่อมาเจ้าตัวก็เบิ้ล

ประตูที่สองได้อีก

 

เกมในตอนนี้ยังคงเป็นอาแจ๊กซ์ที่กุมโอกาสในการเข้ารอบอยู่ แต่แล้วในนาทีที่ 90+5 มูร่าคนเดิมก็มากดแฮตทริคส่งให้สกอร์รวม

เป็น 3-3 และให้ไก่เดือยทองทะลุเข้ารอบชิงไปได้ด้วยกฏประตูทีมเยือน

 

2.ลิเวอร์พูล 4-0 บาร์เซโลน่า

 

 

แม้เกมนี้จะไม่ใช่เกมที่เล่นกันอย่างสูสีคู่คี่ แต่เป็นอีกหนึ่งเกมที่น่าเหลือเชื่อไม่น้อยกับการที่ ลิเวอร์พูลบุกไปแพ้ยับเยินต่อบาร์เซโลน่

มาก่อนในคัมป์ นู 3-0 และไม่มีใครคิดว่าในเกมนัดที่สอง ทัพหงส์แดงจะมีความหวังอะไรได้อีก แต่พวกเขากลับทำได้อย่างยอดเยี่ยม

 

ในเกมดังกล่าวทัพหงส์แดงต้องเปิดบ้านรับทัพต่างดาวทั้งๆที่ขาดตัวหลักๆอย่าง รเบร์โต้ ฟีร์มิโน่, นาบี เกอิต้า และ โมฮาเหม็ด ซา

ล่าห์ จนต้องใช้ ดิว็อก โอริกี้ ยืนค้ำแดนหน้าแทน แต่ทีมที่โดนดูแคลนจากหลายๆฝ่ายกลับเป็นฝ่ายทำประตูขึ้นนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 7

แถมเป็นประตูที่มาจาก โอริกี้ นักเตะที่หลายคนร้องยี้

 

ต่อมาในครึ่งหลังลิเวอร์พูลก็มาได้ประตูติดๆกันในนาทีที่ 54 และ 56 ทำเอาทัพต่างดาวที่ควรจะเยือกเย็นฐานะทีมใหญ่ และกุมความ

ได้เปรียบอยู่ถึงกับไปไม่เป็น จนกระทั่งในช่วงท้ายเกม ลิเวอร์พูลก็มาได้ประตูชัยจากจังหวะเตะมุมสุดเหนือชั้นของ เทรนท์ อเล็ก

ซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดให้กับ โอริกี้วิ่งมาซัดจ่อๆเข้าไป และพาทัพหงส์แดงผ่านเข้ารอบชิงด้วยสกอร์รวม 4-3ในที่สุด

 

1.แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4-3 ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส

 

 

นับว่าเป็นเกมสุดมันส์ที่จารึกไว้เลยว่าต้องดู เพราะตลอด 90นาที สถาณการณ์พลิกไปพลิกมาตลอดเวลา โดยในเกมนัดแรกเป็นส

เปอร์สที่เอาชนะไปก่อน 1-0 แต่มาในนัดสอง ทัพเรือใบสีฟ้าออกเร็วไปตั้งแต่นาทีที่ 4 จากราฮิม สเตอร์ลิ่ง แต่ก็ดีใจได้ไม่นาน ซน

ฮึง-มินก็มากด 2ประตูรวด ในนาทีที่ 7,10 ทำให้สกอร์รวมหนีห่างไปเป็น 3-1

 

แต่หลังจากนั้นเรือใบสีฟ้าก็มาตีเสมอได้จาก แบร์นาโด้ ซิลวา และ สเตอร์ลิ่งก็มาบวกลูกสองได้ในนาทีที่ 21 เป็นลูกขึ้นนำ 3-2 สกอร์

รวม 3-3 และเจ้าบ้านขอเพียงอีกแค่ลูกเดียวก็ผ่านเข้ารอบ ซึ่งพวกเขาก็ทำได้จาก อเกวโร่ ที่ซัดมุมแคบเข้าไป โอกาสการเข้ารอบ

เป็นของแมนฯซิตี้ไปเรียบร้อย แต่สเปอร์สก็มายิงเพิ่มได้อีกจาก ยอเรนเต้ สกอร์รวมเป็น 4-4 แต่ไก่เดือยทองได้เข้ารอบด้วยกฏประตู

ทีมเยือน

 

ดราม่ามันมาเกิดในนาทีสุดท้าย ที่สเตอร์ลิ่งหลุดมากดแฮตทริคได้แล้ว แต่วีเออาร์ดันตัดสินให้เป็นลูกล้ำหน้า ส่งให้แมนฯซิตี้ต้อง

อกหักตกรอบไปในที่สุด